Skip to content

สู่วิถีอสุรา 996

ตอนที่ 996 การแสดง

ขณะเดียวกัน เขายังเดิมพันว่าตนจะอาศัยความวุ่นวายนี้มีชีวิตรอดไปได้ อีกอย่างเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ต่อให้คาดการณ์พลาด ไม่มีใครตามเข้ามาในมิติแรก และผลคือตายด้วยน้ำมือซูหมิง เช่นนั้นหากเขาหายตัวไป ทุกคนก็จะรู้ว่าจิตแรกของตนอยู่ที่ซูหมิง ดังนั้นแล้วนั่นจะกลายเป็นการโยนเคราะห์ภัยให้คนอื่นอย่างแท้จริง

ประโยคนี้ ดูแล้วเหมือนไม่ว่าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงจะเป็นแบบใด ซูหมิงก็ยากจะหนีรอดจากการถูกล่าสังหาร

เว้นแต่ซูหมิงจะผนึกเขาได้ในพริบตาด้วยความเร็วระดับที่จูโหย่วไฉช่วยไม่ทันและคนอื่นไม่ทันลงมือ หากซูหมิงทำได้ถึงขนาดนั้น กระดานหมากนี้ก็จะพังลง แต่เงื่อนไขคือเขาต้องมอบจิตแรกของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงให้คนอื่น

ทว่าซูหมิง…ย่อมไม่เลือกทำลายแบบนี้ ถึงเขาจะให้บรรพบุรุษหลงไห่ระเบิดพลังของจิตแรกออกมาทั้งหมด รวมกับร่างแยกเอ้อชางแล้วจึงมีความมั่นใจว่าทำแบบนั้นได้ก็ตาม

แต่พอมาคิดดูแล้วเขากลับยิ้ม

“ได้” ซูหมิงกล่าวเสียงเรียบ สิ้นเสียงออกไป พลันดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ภายใต้สายตาของตัวประหลาดเหล่านี้ ซูหมิงนั่งอย่างสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

แม้แต่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงยังหรี่ตาลงกับคำพูดนี้ ความบ้าคลั่งในแววตาหายไป แทนที่ด้วยความลังเลใจเล็กน้อย แต่ไม่นานความลังเลก็ถูกท่าทางการคารวะปกปิดไป

“ขอบคุณสหายมาก” คำตอบเช่นนี้กดความแค้นในใจเอาไว้ เขาต้องพูดเช่นนี้

จูโหย่วไฉขมวดคิ้ว สายตาพิจารณามองหุ่นเชิดเพลิงอย่างละเอียด หลังมองซูหมิงแล้วก็เหมือนใคร่ครวญ ส่วนคนอื่นๆ ในใจเป็นอย่างไรคนนอกไม่รู้ แต่มองจากสีหน้าเหมือนไม่เปลี่ยนไปมากนัก มีเพียงเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวร่างแปลงตะขายที่มอง บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วพลางกวาดสายตามองซูหมิง

“จะพูดจาลอยๆ ไร้หลักฐานไม่ได้ หากเจ้าลงมือตอนที่ข้ายังไม่พร้อม เรื่องนี้คงยากจะตัดสิน เช่นนั้นเจ้าสาบานก็แล้วกัน” ซูหมิงหันหน้าไปมองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง แววตาดูทีเล่นทีจริง และยังสงบนิ่งโดยที่คนอื่นไม่เข้าใจ นั่นคือแววตาที่มีเพียง บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเท่านั้นที่เข้าใจ

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่มองซูหมิง สองคนนี้สบตากันพอดี

“ข้าหุ่นเชิดเพลิง ขอใช้จิตแรกสาบาน ฟ้าเป็นกระจกเตือนใจ หากสหายปกป้องให้ข้าปลอดภัยอย่างจริงใจ ข้าก็จะไม่ลงมือกับสหายในเตาหลอมลำดับห้า” คำพูดนี้มีเพียงซูหมิงที่เข้าใจเช่นกัน

นี่คือการบอกกับซูหมิงว่าเขาบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงแค่อยากมีชีวิต หากซูหมิงช่วยเขาอย่างจริงใจ ความแค้นทั้งหมดก่อนหน้านี้จะหายกันในเตาหลอมลำดับห้า

สิ้นเสียงคำสาบานของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ก็เกิดการเชื่อมต่อวูบวาบขึ้นในใจซูหมิง นั่นหมายถึงคำสาบานเกิดผลแล้ว

ซูหมิงพยักหน้านิ่งๆ ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ระหว่างนั่งฌานอยู่นี้มองจากสีหน้าเขาแล้วไม่เห็นภายในใจแม้แต่น้อย รู้ทั้งรู้ว่าการตอบตกลงบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเป็นกับดัก แต่ก็ยังเข้าไป เพราะเขามีการคาดเดาของตัวเองอยู่

หากบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงไม่เลือกล่วงเกินเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวคงไม่เป็นไร แต่เขาดันเลือกคนที่ซูหมิงอยากสังหารมากที่สุด ดังนั้นแล้ว ก็ถือว่าตรงวัตถุประสงค์ของเขา

“เอาละ ในเมื่อคนมาครบแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไปยังมิติชั้นต่อไปพร้อมกัน มิติชั้นนี้อันตรายกว่าก่อนหน้านี้มาก แซ่หวงหวังว่าจะไปเจอกับทุกคนที่แท่นเหยียบวิญญาณชายขอบชั้นสอง ไม่ใช่ต้องฝังร่างอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์” ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองกล่าวอย่างเย็นชา

ขณะเอ่ยเขายังยกมือขวาขึ้นกดไปยังแท่นเหยียบวิญญาณใต้ร่าง แท่นแห่งนี้พลันส่องแสงวิบวับแล้วปรากฏน้ำวนขึ้นวงหนึ่งลักษณะเหมือนกับอาคมเคลื่อนย้าย

คนอื่นๆ ก็ทยอยกันทำตาม เมื่อน้ำวนโผล่มาแล้ว ใต้เท้าซูหมิงก็ปรากฏแสงสว่างเช่นกัน

ครั้นแสงปรากฏและวงแหวนอาคมบนแท่นของทุกคนเกิดเสียงครึกโครมแล้ว ภายในมวลอากาศไกลออกไปเกิดการหมุนตลบครั้งใหญ่ นั่นคือเสียงของวิญญาณเพลิง

จื่อหลงมองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนหายตัวไปกลางวงแหวนอาคมทันที จากนั้นชายร่างกำยำคิ้วเหลืองเหมือนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนหายตัวไปเช่นกัน

ส่วนจูโหย่วไฉเงียบไปหลายลมหายใจแล้วก็เห็นมวลอากาศรอบๆ ม้วนตลบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามแหลมเล็กกำลังลากยาวเข้ามาใกล้ เขามองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงแล้วขยับวูบไหวตัวหายไปในวงแหวนอาคมใต้ร่าง ตอนนี้มีเพียงซูหมิงกับเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่ยังอยู่บนแท่นของตนไม่ยอมเคลื่อนย้ายไป

ซูหมิงมองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวด้วยสีหน้าปกติ

เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวจ้องซูหมิง ผ่านไปพักหนึ่งก็มองเงาวิญญาณเพลิงที่ยังคงปรากฏในมวลอากาศรอบๆ เขาแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วหายตัวไป หลังหายตัวไปแล้ว ซูหมิงก็เดินเข้าไปกลางวงแหวนอาคมใต้ร่างเช่นกัน บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงดวงตาขยับประกาย ขณะลังเลก็กัดฟันตามเข้าไป

ทันทีที่พวกเขาสองคนหายไป ทันใดนั้นแท่นราบของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเกิดแสงย้อนกลับ รวมขึ้นเป็นเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอีกครั้ง

“ระดับความรู้เรื่องวงแหวนอาคมของข้าอยู่เหนือกว่าคนอื่น จะไปมีความรู้แบบคนธรรมดาอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวก้าวเดินไปยังแท่นที่ซูหมิงหายไป หนึ่งก้าวเหยียบลงกลางวงแหวนอาคมแล้วหายวับไปทันใด

เมื่อทุกคนหายไปแล้ว วิญญาณเพลิงจำนวนมากต่างเฮโลกันเข้ามา พริบตาเดียวก็อัดแน่นอยู่เต็มมวลอากาศ เสียงคำรามแหลมดังสนั่น และยังดังเข้าไปในวงแหวนอาคม ดังแว่วต่อไปไกลมาก

ฟ้าดินที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ท้องฟ้ากำลังเผาไหม้ พื้นดินเกิดเสียงครึกโครม มองไปภูเขาไฟบนพื้นดินกำลังปะทุอย่างบ้าคลั่ง ควันดำลอยโชยประหนึ่งปกคลุมฟ้า แต่กลับปกปิดทะเลเพลิงบนฟ้าที่กำลังเผาไหม้ไปรอบๆ ไม่หยุดมิได้

แผ่นดินมีแม่น้ำ แต่สีของมันเป็นสีแดง นั่นไม่ใช่โลหิต แต่เป็นหินหนืดทะเลเพลิง

ทั้งผิวดินมองไม่เห็นสีเขียวแม้แต่น้อย นี่คือโลกเปลวเพลิงโดยสมบูรณ์

ซูหมิงมาโผล่อยู่ที่นี่ พอมาถึงแล้ว บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงก็โผล่ตามมาข้างหลัง แทบเป็นช่วงที่เขาปรากฏตัว บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงถอยหลังไปทันควันเพื่อรักษาระยะห่างกับซูหมิง ที่นี่ไม่มีคนอื่น ความแค้นในดวงตาจึงไม่ต้องปกปิดอีก สายตาจ้องซูหมิงเขม็ง

“หากเจ้าสังหารข้า ทุกคนจะคิดว่าเจ้าได้จิตแรกข้าไป ตอนนั้นเจ้าเองก็ยากจะหนีรอดจากโชคชะตาถูกล่าสังหารเหมือนกัน!” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกล่าวเสียงหนักแน่น

“เหตุใดข้าต้องฆ่าเจ้า?” ซูหมิงมองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตัวพลางกล่าวราบเรียบ

“คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดเจ้าถึงลอบโจมตีข้า ให้ข้าระเบิดกายเนื้อจนต้องมีสภาพแบบนี้!” ความแค้นทางสีหน้าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงพลันปะทุออกมา ความแค้นต่อซูหมิงเรียกได้ว่าเหลือล้นแล้ว

“ข้าลงมือกับเจ้าเป็นเพราะเจ้าเกิดจิตสังหารต่อข้าก่อน หากเจ้าไม่เพ่งเป้ามาที่ข้า ข้าย่อมไม่ลงมือกับเจ้า การทำลายกายเนื้อของเจ้าเป็นแค่การเตือน

เตือนว่าเจ้าอย่าล่วงเกินข้า” ซูหมิงตอบกลับเรียบๆ ขณะกล่าวอยู่นี้ก็มีพลัง บ้าอำนาจบาตรใหญ่แผ่มาจากตัวเขา แผ่ขยายไปรอบตัว กระตุ้นให้ทะเลเพลิง เดือดพล่านยิ่งกว่าเดิม

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเงียบ ไม่พูดอันใด

“ในเมื่อเตือนเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังเลือกให้ข้าคุ้มกัน แน่นอนว่าข้าย่อมไม่สังหารเจ้า แต่เจ้าอยากได้กายเนื้ออีกร่างหรือไม่?” ซูหมิงถามขึ้นเรียบๆ

“การเลือกกายเนื้อของเผ่าพันธุ์หุ่นเชิดเพลิงของข้าสำคัญมาก เว้นแต่จะเป็นกายเนื้อขั้นกุม มิเช่นนั้นแล้วจะมีผลกระทบต่อขั้นพลัง ถึงขั้นที่ว่าอยู่ในร่างจิตแรกยังดีกว่า

กายเนื้อของข้าที่เจ้าทำลายไป ข้าได้มาเมื่อหลายปีก่อนอย่างยากลำบาก ตอนนี้ในเผ่าข้ายังมีกายเนื้อเตรียมไว้ใช้อีกหลายร่าง แต่ก็เป็นร่างของภัยพิบัติตะวัน ไม่ใช่ ขั้นกุม” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตาขยับประกาย เหมือนจะเข้าใจความคิดซูหมิงจึงอธิบายไปอย่างละเอียด

“อีกอย่าง ข้ากับจูโหย่วไฉสนิทสนมกันอยู่เล็กน้อย…” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกล่าวอีกครั้ง

ถึงความหมายแฝงในคำพูดจะดูคลุมเครือ แต่ความจริงแล้วชัดเจนมาก

“อีกไม่นานเจ้าก็จะมีกายเนื้อใหม่” ซูหมิงกล่าวเนิบๆ ความจริงแล้วบรรพบุรุษหลงไห่ก็ต้องการกายเนื้อเหมือนกัน แต่เทียบกันแล้ว ซูหมิงไม่ชอบกายเนื้อของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว

“หวงเหมยกับจื่อหลงมีขั้นพลังพอๆ กัน ต่างฝ่ายต่างพะว้าพะวงกันเอง ไม่น่าจะมีฝ่ายใดลงมือก่อนง่ายๆ ทว่าคนนั้นที่เจ้าพูดถึงเขาก็มีขั้นพลังไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทั้งยังแปลงกายมาจากตะขาบสวรรค์ เล่าลือว่ามาจากนอกสี่มหาโลกแท้จริง มีสายเลือดอู๋โบราณ…หากกระตุ้นสายเลือดจะเปิดการเหนี่ยวนำแห่งอู๋โบราณ กลายเป็นมีพลังแห่งอู๋โบราณ” สิ้นเสียงบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง พื้นที่ว่างเปล่าข้าง ซูหมิงเกิดกลิ่นอายชั่วร้ายขึ้นอย่างรุนแรง กลิ่นอายชั่วร้ายม้วนตลบไปรอบๆ มีผลให้เปลวเพลิงของที่นี่กระจายออกไปข้างนอก

เมื่อกลิ่นอายความแค้นรวมกันแล้วเผยเป็นร่างของย่วนเว่ย หัวมังกรสองหัวเผยประกายอ่อนจาง มันจ้องบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ความแค้นรุนแรงในดวงตาทำให้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงถอยไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก

“รวมเจ้าด้วยแล้ว พอหรือไม่?” ซูหมิงถามเสียงเรียบ

“ความเร็วของเขาสามารถทำลายฟ้า” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเงียบไปพักหนึ่ง ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา จากนั้นเอ่ยขึ้นในฉับพลัน

“เช่นนั้นก็แสดงสักหน่อย ให้เขาตัดใจหนีไปไม่ได้” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร กล่าวเนิบช้าพลางเดินไปหาบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

ย่วนเว่ยข้างๆ ก็ขยับตัวเช่นกัน เพลิงความแค้นสีดำใต้เท้าลุกลามไปรอบๆ เสี้ยววินาทีเดียวก็อบอวลไปรอบตัวบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง พร้อมกันนั้นซูหมิงเข้าไปใกล้แล้ว ก่อนยกมือขวาคว้าไปทางบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

การคว้าครั้งนี้ ในใจบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเกิดอารมณ์ความคิดมากมาย เขาถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว อ้าปากส่งเสียงร้องแหลม จากนั้นพลังของจิตแรกเขาพลันขยับแสงวิบวับ มีกระดูกมือชิ้นหนึ่งลอยมาจากในตัวเขา กระดูกเป็นของมายาทุกส่วน ทันใดนั้นเองฝ่ามือก็เข้าปะทะกับฝ่ามือของซูหมิง

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ซูหมิงถอยหลังไปหลายก้าว บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตัวสั่นเช่นกัน เขาซวนเซถอยไปเล็กน้อย แต่ในใจถอนหายใจโล่งอก การโจมตีเมื่อครู่ดูเหมือนซูหมิงโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่ว่าความจริงแล้วเขาที่เข้าใจขั้นพลังแท้จริงของ ซูหมิงรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ใช้พลังทั้งหมด

“แสดงจนถึงเมื่อไร?” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ขณะที่ลงมืออีกครั้งก็ส่งกระแสจิตไป

“ถึงตอนที่เขาลงมือ”

“หากเขาไม่ลงมือล่ะ?”

“เช่นนั้นก็แสดงถึงฉากนี้ ให้แยกไม่ออกว่าจริงหรือปลอม” ทันทีที่ซูหมิงส่งกระแสจิตไป เขายกมือขวาขึ้น เมฆลมเปลี่ยนสี ทะเลเพลิงไหลเชี่ยว ฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้วพุ่งไปหาบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version