บทที่ 232 กล้ารับกระบี่ของข้าหรือไม่? (ปลาย)
ใครก็ตามที่ได้เห็นการโจมตีครั้งนี้ย่อมคิดเฉกเช่นเดียวกับความคิดของชายวัยกลางคนในห้วงคำนึง ณ ขณะนั้นว่าช่างเป็นการออกจู่โจมที่ธรรมดาสามัญอะไรเช่นนี้!
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดนาน เมื่อเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อไปยังผลให้สีหน้าคนแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง ด้วยในขณะนั้นชายวัยกลางคนพลันดีดตัวขึ้นสูงและฟาดกระบี่หนาในมือลงเต็มเหนี่ยว!
ทันทีที่คมกระบี่ฟันฟาดลงมา พลันกระแสคลาคล่ำของรัศมีกระบี่ อีกทั้งปณิธานกระบี่รวมกับแรงผลักดันแห่งกระบี่ ระเบิดออกจากกระบี่หนาหนักดังภูเขาไฟระเบิด!
แรงปะทะนั้นมีความรุนแรงขนาดระเบิดโลกทั้งใบให้แตกดับหมดสิ้นได้!
ในเวลานั้นเยี่ยฉวนและคนอื่นต่างจับจ้องมอง แววตาคร้ามเกรง ด้วยถ้าแรงปะทะเท่านี้จู่โจมภูเขาจี้อวิ๋น มีหวังภูเขาทั้งลูกคงถูกบดขยี้จนแหลกไม่เหลือชิ้นดี!
ราชันกระบี่!
คนผู้นี้คือราชันกระบี่จริงแท้!
เพียงครั้งแรกที่ออกปะทะก็สามารถฉีกพสุธา ระเบิดภูเขาและตัดสายน้ำ!
ยอดยุทธ์ไร้เทียมทานในโลกหล้าแท้จริง!
สตรีลึกลับจะเป็นเช่นไร?
โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นหันกลับไปมองการออกจู่โจมของสตรีลึกลับอีกด้านหนึ่ง ด้วยเวลานั้นเห็นได้ชัดว่ากระบี่ใบไผ่ของนางนั้น แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกระบี่ของชายวัยกลางคน จนไม่อาจนำสองสิ่งมาเปรียบกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อกระบี่ใบไผ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายวัยกลางคนเข้าจริง–
ฉับ!!!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน กระบี่ใบไผ่ทะยานเข้าทำลายทุกพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกระบี่เล่มหนาของชายวัยกลางคน
…ทั้งพลังปณิธานกระบี่ แรงผลักดันแห่งกระบี่ รัศมีกระบี่ แม้แต่กระบี่ชี่…
พลังต่างๆ ล้วนถูกทำลายร่วงผล็อยทันทีราวกิ่งไม้แห้งตายซาก
ฉึก!
สุดท้ายกระบี่ใบไผ่ปักเข้ากึ่งกลางหว่างคิ้วของชายวัยกลางคนอย่างเงียบเชียบ
ตายฉับพลัน!
ชั่ววินาทีสังหาร?!
เหตุการณ์ซึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางสายตาของชายชราชุดขาวและคนที่เหลือทั้งสอง ทุกคนฉายแววประหลาดด้วยไม่เชื่อว่าเหตุที่เกิดนี้เป็นความจริง และต่างก็หวาดกลัว!
หวาดกลัวต่อการณ์ที่เกิดซึ่งกลับกลายเป็นวินาทีสังหาร!
ผู้นั้นคือราชันกระบี่!
แม้จะเป็นเซียนกระบี่ ก็ไม่มีทางสังหารราชันกระบี่อย่างง่ายดายด้วยชั่ววินาทีสังหารเช่นนี้!
จึงก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจของคนที่เหลือ!
แม้เป็นเซียนกระบี่ก็ไม่อาจใช้วินาทีสังหารกับราชันกระบี่อย่างง่ายดาย
……แต่สตรีลึกลับในชุดขาว เป็นนางที่สามารถ!
นางเป็นใคร!
วินาทีนั้นชายชราสวมชุดขาวและคนทั้งสอง ต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ปรากฏในขณะนั้น ขณะเดียวกัน คนที่แอบสังเกตการณ์อยู่ในมุมมืด จ้าวหอชั้นเก้าสายหน้าช้าๆ เหยียดยิ้มมุมปาก ด้วยบัดนี้ตนถ่องแท้แก่ใจแล้วว่าเหตุใดสตรีลึกลับจึงไม่เคยเรียกขอความช่วยเหลือ!
ความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมา เขารู้สึกว่าเป็นความโชคดีของสำนักอัปสรเมรัยที่ไม่กลับลำหันมาต่อต้านเยี่ยฉวนเช่นเดียวกับสถานศึกษาฉางมู่ พวกเขายับยั้งความคิดนั้นเสียและพยายามอย่างยิ่งที่จะผูกมัดเยี่ยฉวนไว้ มิเช่นนั้นแล้วสำนักอัปสรเมรัยคงประสบหายนะรุนแรงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
พูดง่ายๆ สถานศึกษาฉางมู่เคราะห์ร้ายเหลือเกิน!
ในตอนนี้ทุกคนต่างจ้องเขม็งที่คนวัยกลางคนซึ่งยังลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ นัยน์ตามองตรงมายังสตรีลึกลับทว่าแววตานั้นว่างเปล่า ขณะที่ปณิธานกระบี่ยังคงแผ่กระจายออกจากตัว ไม่เพียงเท่านั้นพลังแห่งปณิธานกระบี่กลับยิ่งกล้าแข็งมากขึ้น ยิ่งขึ้น…
ใกล้จะบรรลุ!
สายตาหวาดหวั่น ระคนประหลาดใจ ฉายในแววตาของชายชราสวมชุดขาวและคนที่เหลือ!
ไม่น่าเชื่อว่าชายวัยกลางคนนั่นใกล้จะบรรลุขั้นพลังในเส้นทางกระบี่ ขณะที่ความตายกำลังมาเยือน!
เจ้าตัวคนวัยกลางคนเหยียดมุมปากบิดเบี้ยว “กลับกลายเป็นว่า… เสียดาย… น่าเสียดาย…” เสียงพึมพำเลือนหาย พร้อมกับประกายในดวงตาดับมืดลงเช่นกัน ฉับพลันกระบี่หนาหนักค่อยหลุดร่วงจากมือคนตกลงกระทบพื้นดิน
เยี่ยฉวนเดินตรงไปยังกระบี่ที่หล่นลงมาเงียบๆ และก้มเก็บกระบี่จากนั้นจึงโยนกลับไปไว้ในหอคอยแห่งเรือนจำ ก่อนจะหันกลับไปรวมกับพวกโม่อวิ๋นฉีและยืนนิ่งอยู่เคียงกัน ท่าทีเยือกเย็น สงบเสงี่ยม
……ราวกับเหตุการณ์ที่ทำเป็นปกติวิสัย!
โม่อวิ๋นฉีและพวก “…”
ร่างของชายวัยกลางคนเริ่มพร่าเลือนกระทั่งจางหาย และในที่สุดคงเหลือเพียงความว่างเปล่า!
ช่วงเวลาต่อมากระบี่สีเขียววกกลับคืนสู่อุ้งมือของเจ้าของ สตรีลึกลับฉวยกระชับกระบี่ใบไผ่ไว้ด้วยมือขวา โดยใช้มือซ้ายเลื่อนไปตามความยาวของกระบี่…
ขณะนั้นนางกำลังลอยตัวอยู่เหนือกอไผ่ ชุดที่สวมใส่ธรรมดาเรียบง่าย เส้นผมปลิวสยายล้อสายลมเฉื่อยฉิว
นางมิได้เอื้อนเอ่ย ใช้เพียงท่าทางที่แสดงต่อสาธารณชนบ่งบอกที่มาของคน ซึ่งไม่ใช่ที่แห่งใดบนโลกนี้ทั้งสิ้น
ไม่สิ สตรีลึกลับผู้นี้ไม่ได้มาจากแม้ตำนานเก้าสวรรค์เสียด้วยซ้ำ!
ฉับพลันนั้นกระบี่ใบไผ่พุ่งปราดตรงมาทางเยี่ยฉวน ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มถึงกับหน้าถอดสี ด้วยไม่รู้ว่าสตรีที่ลอยบนอากาศจะทำสิ่งใดกันแน่ ก่อนเสียงกังวานทรงอำนาจจะดังขึ้น “ลองคิดสิ ว่าเหตุใดชายคนนั้นจึงใกล้บรรลุขั้นพลังในเวลานี้?” เยี่ยฉวนมีสีหน้าลังเล และส่ายหน้าด้วยจนคำตอบ
ทันใดนั้นกระบี่ใบไผ่พลันตวัดเข้าที่หัวไหล่ของเยี่ยฉวนเต็มแรง
เพี๊ยะ!
ความรุนแรงก่อให้เกิดความเจ็บปวดสุดแสน จนเขาเกือบแหกปากร้องลั่น……หากแต่กลั้นไว้จนตัวสั่นเทาจากความเจ็บปวดรวดร้าวล้ำลึกเข้ากระดูกดำ!
สตรีสวมชุดขาวกล่าวเสียงเฉยเมยจากที่บนอากาศ “คนอย่างเจ้า ดีแต่คอยเก็บของล้ำค่าเล็กน้อย ดูสารรูปตอนนี้สิ!”
เยี่ยฉวน “…”
เสียงเฉยชายังคงดังกังวานต่อเนื่อง “คนเมื่อถึงคราวจะตาย จึงเกิดความเข้าใจ นี่คือเงื่อนไขซึ่งสำแดงออกมา เวลานี้เจ้าขาดทั้งประสบการณ์และสำนึกแห่งการมีชีวิต เจ้าต้องถ่องแท้ในสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเองไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้ จำไว้… เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ รวมทั้งอันตรายที่เกิดโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาถึงก่อนกัน ฉะนั้นจงทำทุกวันให้เสมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต!”
เยี่ยฉวนค้อมตัวคารวะขอบคุณ “เข้าใจแล้วขอรับ!”
เพี๊ยะ!
บ่าซ้ายของเยี่ยฉวนถูกกระบี่ใบไผ่ตวัดอีกครา คราวนี้ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ “โว้ย ก็ขะ……เข้าใจ…”
สตรีลึกลับพูดเสียงเบา “ข้าฟังไม่ถนัด อะไรนะ เจ้ามีปัญหาหรือไง?”
เยี่ยฉวนรีบตอบปฏิเสธพัลวันจนลิ้นแทบพันกัน “ไม่……ไม่มีขอรับ…”
สตรีลึกลับทำเสียงฮึดฮัดราวกับขัดใจเล็กน้อย ก่อนเบนความสนใจไปทางชายชราสวมชุดขาวและคนอีกสองคน ส่งเสียงกร้าว “มองอะไร? คิดว่าข้าจัดการแสดง เพื่อที่พวกเจ้าจะได้นั่งดูอย่างสบายใจหรือไง?” ขณะที่คนพูดเงียบเสียงลง พลันกระบี่ใบไผ่ทะยานออกไปข้างหน้า
ฉับ!
ฉับพลันนั้นศีรษะคนชุดดำซึ่งยืนข้างเคียงกันกับชายชุดขาว…
กระเด็นหลุดจากบ่าคนทันที!!!
— จบตอน —
