บทที่ 233 กระบี่ของข้า สยบฟ้าดิน! (ต้น)
ต่างคนต่างงงงัน ทั้งประหลาดใจและหวาดหวั่น!
ชายชราขุดขาวและชายที่เหยียบยืนยอดไผ่ ทั้งคู่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ชายผู้นั้นถูกสังหารโดยการปะทะครั้งเดียวเท่านั้นหรือ?
คนชุดดำตายทั้งยังมิทันตอบโต้? ชั่วขณะที่ความกลัวสุดขีดเข้าครอบงำจิตใจคนทั้งสอง!
บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสตรีลึกลับคือเซียนกระบี่ ไม่สิ นางต้องไม่ใช่แค่เซียนกระบี่ธรรมดา!
หากเป็นเซียนกระบี่ที่มีความแข็งยิ่ง!
คนที่อยู่เบื้องหน้า เหนือความคาดหมายของพวกเขายิ่งนัก!
จะสู้ได้หรือ?
หรือทำได้แต่รอความตาย?
ความตายเป็นเรื่องเล็กเสียแล้วในเวลานี้ เรื่องที่สำคัญกว่าและน่ากังวลที่สุดคือ สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลจะทำอย่างไรต่อไป?!
จะเป็นอย่างไรถ้านางจะล้างแค้น?
ดินแดนอันธกาลและสถานศึกษาฉางมู่จะยืนหยัดต้านทานการล้างแค้นของนางได้นานแค่ไหน?
ความหวาดหวั่นผุดขึ้นในใจเฉียบพลัน!
หลังจากสังหารชายชราชุดดำโดยปะทะครั้งเดียว สตรีลึกลับชุดขาวใช้กระบี่ใบไผ่ในมือชี้หน้าชายชราสวมชุดขาวพร้อมกล่าวว่า “เจ้าใช่ไหมที่ถามหาข้า? แปลกใจนักหรือไง? พอใจหรือยัง?”
เยี่ยฉวนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงคนพูด เพราะเขารู้ว่าสตรีลึกลับชักอยากเล่นสนุกเสียแล้ว ขณะที่คนชราสวมชุดขาวและคนที่ยืนเหยียบยอดไผ่ สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
ในที่สุดคนที่เอ่ยขึ้นก่อนคือชายชราชุดขาว น้ำเสียงแหบแห้งดังขึ้นว่า “พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้!” ยอมรับ หรือ? แม้แต่ราชันกระบี่ยังตายภายในเสี่ยววินาที แล้วพวกเขาจะสู้อย่างไรได้!
พลันเสียงตวาดอย่างมีอำนาจดังกังวาน “ไสหัวไปให้พ้น!”
ไสหัวไป?
สองชายชรานัยน์ตาเบิกกว้างตะลึงงัน
ปล่อยให้พวกเขาหนีไป?
ไม่สังหารงั้นหรือ?
กลุ่มคนจากด้านล่าง เยี่ยฉวนกับพวกอีกสามคนนิ่งงันด้วยแปลกใจว่าเหตุใดสตรีลึกลับจึงละเว้นชีวิตคนพวกนั้น?
เยี่ยฉวนรีบพูดทันที “ฆ่ามันเลยขอรับ ไม่…” ขณะที่คนพูดยังไม่ทันขาดคำ พลันกระบี่ใบไผ่ทะยานวาบลงจากอากาศพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนรวดเร็ว และตวัดควับเข้าที่บ่าของชายหนุ่ม
เพี๊ยะ!
เสียงแรงปะทะดังก้อง สะท้อนสะท้านไปทั่วบริเวณ ความปวดแปลบแสนสาหัส ทำเอาชายหนุ่มน้ำตาแทบเล็ด!
ฉับพลันนั้นเองเสียงดังกังวานดังขึ้น “ฆ่ามัน? ถ้าอยากฆ่า ก็จงมาฆ่ามันเสียเอง!”
เยี่ยฉวน “…”
คนพูดมิได้พูดเปล่าพลางชี้กระบี่ไปที่ร่างของชายที่ยืนถัดไปทั้งสอง “เจ้าจะทำอย่างไรกับเด็กๆ พวกนั้นก็สุดแล้วแต่ สามารถทำได้ทุกอย่างตามแต่ใจปรารถนา! แต่เมื่อไรที่พวกเขาถูกคนมีขั้นพลังสูงกว่าถึงสองขั้นมาข่มเหง ข้าจะสั่งสอนให้พวกเจ้ารู้ว่าการเป็นฝ่ายโดนข่มเหงจะรู้สึกอย่างไร ฉะนั้นจงหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ อย่ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า!”
ชายชราสวมชุดขาวและคนที่ยืนบนใบไผ่หันมองหน้ากัน ในที่สุดก็พร้อมใจหันกลับมากระแทกกำปั้นคารวะขอบคุณ และหันหลังกลับออกไปจากสถานที่อย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนจะจากไป ทั้งสองยังหันกลับไปมองเยี่ยฉวนและพวกซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาแน่ใจแล้ว! ว่ากำหนดเป้าหมายกำจัดคนพวกนี้ได้ แต่ข่มเหงไม่ได้… ไม่นานนักชายชราทั้งคู่หายลับสายตาไปที่สุดขอบฟ้า
จากนั้นโดยไม่มีใครทันตั้งตัว สตรีลึกลับพลันชี้ปลายกระบี่มาที่เยี่ยฉวน “ตามมา!” กล่าวจบร่างของนางลอยลิ่วจากบนอากาศลงมาที่ป่าไผ่เบื้องล่าง
ครั้งแรกเยี่ยฉวนออกอาการลังเลไม่แน่ใจ และไม่ติดตามออกไปในทันทีด้วยลางสังหรณ์ของตนบอกว่านี่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่!
ก่อนที่ชายหนุ่มจะจำต้องเดินตามไปห่างๆ ด้วยหลากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เขาไม่วางใจต่อสิ่งใดง่ายๆ เบื้องหลังมีสายตาของโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นมองตามด้วยความกังวล
เสียงของโม่อวิ๋นฉีพูดพึมพำราวกับเป็นห่วงเป็นใย “สงสัยเจ้านั่นถูกตีตายแน่!” ขณะที่ไป๋เจ๋อพูดขึ้นบ้างว่า “โดนแน่ สมควรแล้ว!”
ส่วนจี้อันซื่อพึมพำแผ่วเบา “ถ้าเขาโดน รอไว้ให้เขากลับมา ข้าว่าเขาต้องไล่อัดพวกเจ้าเป็นการระบายอารมณ์แน่!” โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อทั้งสองพร้อมใจกันหันขวับมา สีหน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นคนทั้งสามต่างคนเงียบเสียงลง ได้แต่มองเยี่ยฉวนที่กำลังเดินตามหลังสตรีลึกลับไกลออกไปอีกทาง
คนเดินอยู่ข้างหน้าเอ่ยพูดเสียงเบา “เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงละเว้นไม่ฆ่าสองคนนั่น?” เยี่ยฉวนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดแทนการตอบว่า “ผู้อาวุโส โปรดไขความกระจ่างด้วยขอรับ!”
ครานี้เขาเลือกที่จะไม่ตอบว่ารู้หรือไม่รู้ เพราะทุกครั้งที่ตอบอย่างนั้นกลับกลายเป็นถูกลงโทษเสมอ!
สตรีชุดขาวซึ่งเดินนำแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า “เมื่อใดก็ตามที่ข้าออกปะทะ คนที่ต้องรับเคราะห์เป็นเจ้า ถ้าข้าฆ่ามันทั้งสองคน หอคอยจะสิ้นความอดทนซึ่งไม่ใช่หมายถึงเจ้า”
เยี่ยฉวนเงียบงัน อันที่จริงเขาคาดไว้อยู่แล้วว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ ที่ตอนนี้สภาพของชายหนุ่มอาจมองดูว่าเป็นปกติ แต่เขารู้ดีว่าเป็นสตรีลึกลับคนนี้ที่คอยระงับธาตุไฟย้อนกลับให้เขา ทำให้ธาตุไฟย้อนยังคงไม่เกิดขึ้น หากแต่มันต้องมาแน่หลังนางไป!
คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าชะงักกึก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีความพิเศษ พวกยอดฝีมือทั้งหลายจะมีผู้พิทักษ์แห่งเต๋าของตนเอง!”
“ผู้พิทักษ์แห่งเต๋า งั้นหรือขอรับ?” ชายหนุ่มผู้เดินตามหลังสีหน้างงงวยหนัก
ทว่าคนที่อยู่ข้างหน้าดูท่ามิได้ใส่ใจ ด้วยเสียงพูดนั้นยังดังต่อมาว่า “ผู้ที่ได้ชื่อว่าผู้พิทักษ์แห่งเต๋ามีหน้าที่เสริมสร้างยอดฝีมือ การเสริมสร้างยอดฝีมือขึ้นมาสักคนจะต้องมีคนที่คอยปกปักรักษา หากปราศจากผู้พิทักษ์แห่งเต๋าเสียแล้ว บรรดายอดฝีมือจะถูกศัตรูทำลายได้ง่าย เช่นเดียวกับอันหลานซิ่วคนที่เจ้าเคยรู้จักนั่นแหละ นางเองก็มีผู้พิทักษ์แห่งเต๋าประจำตัวของนาง แต่เพราะพลังของเจ้ายังอ่อนด้อย จึงไม่สามารถรับรู้ผู้พิทักษ์เต๋าของตัวเอง”
เยี่ยฉวนนิ่งฟังเงียบๆ เขาเพ่งมองด้านหลังของสตรีลึกลับก่อนเอ่ยถามเสียงลังเลใจ “ผู้อาวุโส ท่านคือ……”
“อย่าเข้าใจผิด!” เสียงอีกฝ่ายตัดบท “ข้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์แห่งเต๋าประจำตัวเจ้าหรอก!”
เยี่ยฉวน “……”
คนข้างหน้าออกเดินนำต่อไปช้าๆ และเยี่ยฉวนค่อยๆ ก้าวตามโดยทอดระยะห่างพอควร ร่างของสตรีลึกลับก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ชายกระโปรงยาวกรอมเท้าระไปกับพื้นดิน ปัดเอาละอองฝุ่นปลิวขึ้นสู่อากาศ เมื่อนางมิได้พูดอะไรอีก เยี่ยฉวนจึงได้แต่เดินตามหลังไปเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นานมีเสียงคนข้างหน้าพูดแผ่วเบา “หนทางของผู้ฝึกกระบี่ ไม่มีใครบอกได้ว่าเจ้าจะเป็นอะไร และไม่มีใครแผ้วถางทางไว้เพื่อใคร เจ้าเลือกเดินบนเส้นทางนี้ด้วยตนเอง ในเมื่อเลือกแล้วจงเดินไปด้วยตัวของเจ้าเอง”
— จบตอน —
