Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 234


บทที่ 234 กระบี่ของข้า สยบฟ้าดิน! (ปลาย)

เมื่อพูดถึงตอนนี้ เสียงของนางขาดห้วงไปอีกครั้ง ก่อนที่ริมฝีปากปากจะขยับเอื้อนเอ่ยอีกครา “ข้าออกปะทะเพื่อช่วยเหลือเจ้าหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ยันต์ที่ผนึกไว้ในหอคอยเริ่มคลายออกทีละชั้นๆ ต่อจากนี้……ข้าจะต้องสูญเสียพลังในการยับยั้งบางสิ่งในนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ”

เยี่ยฉวนเอ่ยถามอย่างขลาดๆ “ผู้อาวุโส หมายความว่าพลังของท่าน……”

สตรีลึกลับพูดตอบเสียงแผ่วต่ำ “ถ้าต้องสูญเสียพลัง เหตุใดข้ายังมาอยู่ในหอคอยนี่งั้นหรือ? คงอยากถามอย่างนี้ ใช่ไหม?”

ชายหนุ่มรีบพยักหน้า ด้วยเขาเองก็อยากรู้เหตุผลที่นางทำเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

ทว่าอีกฝ่ายกลับถอนใจเฮือก เสียงตอบเฉยชา “อยากรู้ทำไมเยอะแยะ?”

เยี่ยฉวนอ้าปากหวอ “……”

คนเดินนำหน้าเงียบลงอีกคราและเท้ายังคงก้าวเดินต่อไป “มีคนมาพาตัวน้องของเจ้าไปแล้วสินะ?” คนตามมาข้างหลังได้แต่ก้มหน้าผงกศีรษะ

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปทันที ชั่วครู่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะนางมีกายาเหมันต์ แต่เป็นเพราะนางมีความพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ เจ้าควรรีบไปพบกับนางก่อนที่นางจะบรรลุขั้นผนึกยุทธ์จะดีกว่า”

“เหตุใดขอรับ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

คนเดินนำตอบว่า “นางมีความพิเศษ ยิ่งได้ไปอยู่และได้รับการฝึกปรือ ความพิเศษนั้นจะถูกผลักดันชนิดก้าวกระโดด ขั้นพลังที่ถูกพัฒนาล้ำหน้าอย่างรวดเร็วของน้องเจ้ามีความน่ากลัว ถึงขั้นผนึกยุทธ์เมื่อไรต้องสกัดกั้นไว้ หาไม่แล้ว ความกล้าแกร่งที่พุ่งพรวดในระยะเวลาอันสั้นจะกลับกลายเป็นจุดอ่อน นางเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นเลิศ มีโอกาสได้รับการบ่มเพาะให้เจริญเติบโต อย่าให้รอยด่างเพียงเล็กน้อยมาทำลายได้”

เยี่ยฉวนหน้าเคร่ง พยักหน้าหงึกพลางกล่าวว่า “ข้าจะรีบไปหานางให้เร็วที่สุด! เพียงแต่นางจะ……”

เสียงพูดตัดบทดังมาจากร่างคนที่เดินอยู่ข้างหน้าห่างออกไป “เจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงมีความพิเศษสินะ ข้ายอมรับว่าข้าเองก็แปลกใจไม่น้อยที่มีคนเช่นนี้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ แค่คนที่มีความพิเศษเช่นน้องเจ้า อีกหน่อยเจ้าจะได้พบเห็นคนเช่นนี้จนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นเรื่องดีเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป”

ถึงจะได้ยินคนพูดเช่นนั้นแต่ความกังวลยังเข้าเกาะกุมจิตใจอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยน้องเกรงจะถูกใครเขาข่มเหงรังแก หากทว่าเวลานี้กลับทำได้เพียงพยักหน้ารับคำสตรีลึกลับ!

พลันคนตรงหน้ายกมือและแบมือข้างขวาออก ทันใดนั้นกระบี่ใบไผ่ทะยานขึ้นจากอุ้งมือและในเวลาต่อมาใบไม้ใบไผ่พลันสลายออกจากการรวมตัวเป็นกระบี่ กลับคืนสู่กิ่งก้านของกอไผ่ป่าเฉกเช่นแรกเริ่มที่เคยเป็น

เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏ เยี่ยฉวนมองด้วยความสนใจใคร่รู้ “ผู้อาวุโส วิชานี้เรียกว่าอะไรหรือขอรับ? ท่านสอนข้าได้หรือไม่?”

จากนั้นนางจึงเก็บมือไพล่ไว้ข้างหลังตามเดิม “กระบี่อยู่ที่ใจ ใจของข้าสยบได้แม้ฟ้าดิน ดังนั้นกระบี่ของข้าจึงสยบฟ้าดินเช่นกัน ใจของข้าดั่งจักรวาล ดังนั้นกระบี่คือจักรวาล……ความสามารถของเจ้ายังต่ำต้อย พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก!”

เยี่ยฉวน “……”

ในขณะนั้นทั่วทั้งร่างกายของสตรีลึกลับเริ่มพร่าเลือน “ข้ามีเหตุผลหนึ่งที่ไม่ฆ่าสองคนนั่น ข้าแค่ต้องการขู่พวกคนพาลเท่านั้น หลังจากที่ข้าต้องออกมาช่วยเจ้าครั้งนี้ ก่อนที่จะค้นพบกฎแห่งเต๋าที่สอง ข้าจะออกมาช่วยเจ้าไม่ได้อีก ทั้งไม่สามารถออกจากหอคอยแห่งเรือนจำได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องถึงแก่ชีวิต และหอคอยจะถูกทำลาย ที่สำคัญภายในหกเดือนนี้ เจ้าจะต้องไปยังใจกลางแผ่นดินชิงและนำกระบี่มาคืนให้ข้า หาไม่แล้วข้าจะหักขาเจ้าเสีย!”

พูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนคนพูดจะนึกออกบางอย่าง จึงมีเสียงกล่าวรีบๆ “ข้าว่าเจ้ารีบจัดการบางสิ่งบนชั้นสองให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด……ทางที่ดีทำให้บางสิ่งยอมเชื่อฟัง มิเช่นนั้นคงเป็นเจ้าเองที่จะต้องตาย!”

ทันทีที่สิ้นเสียงคนพูด ร่างนั้นเลือนหายไปในอากาศธาตุ

เยี่ยฉวน “……”

ขณะนั้นเองเมื่อเยี่ยฉวนหันหลังทำท่าจะเดินกลับไป สีหน้าของคนแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว พลันร่างของชายหนุ่มหงายหลังล้มตึงลงกับพื้นดินทันที ก่อนจะเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “โอ๊ยยย!”

ในความมืดของราตรีกาล เยี่ยฉวนนอนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า บิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด รูปหอคอยขนาดจิ๋วปรากฏออกที่ระหว่างหัวคิ้ว กำลังไหลเลื่อนรวมกัน!

ธาตุไฟย้อนกลับ!

ทันทีที่สตรีลึกลับลับกายไป เยี่ยฉวนถูกธาตุไฟย้อนกลับจู่โจมอีกครั้งทันที!

คนที่นอนบิดกายไปมาอย่างเจ็บปวดบนพื้นดิน ทั้งใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวจนดูประหลาดตา ในเวลานี้เขารู้สึกราวกับมีใครบางคนใช้พลังจับตัวเขาบิดไปมา!

ความรู้สึกเจ็บปวดสุดแสนสาหัส จนเขาอยากตายเสียให้พ้นจากความเจ็บปวด!

เคราะห์ดีแล้วที่สตรีลึกลับไม่ออกปะทะอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นผลพวงจากธาตุไฟย้อนกลับอาจสาหัสสากรรจ์กว่านี้!

ขณะนั้นเองพวกโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นๆ รีบตรงดิ่งมา ทันทีที่เห็นเยี่ยฉวน สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนตกใจสุดขีด โม่อวิ๋นฉีกระโจนพรวดเข้ามาก่อนเพื่อน เสียงถามสั่นเครือ “พะ……พี่หัวขโมยเยี่ย เป็นไง?”

ไป๋เจ๋องัดยาโอสถเทพประสานด้วยมือสั่นเทา และเทกรอกปากของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นเขาก็ยังสั่นสะท้านรุนแรงและขดตัวด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเห็นเช่นนั้น สามคนหันมามองหน้ากัน สีหน้าและแววตาส่อความวิตกกังวลใจยิ่ง พลันมีเสียงแหบแห้งดังมาจากคนที่นอนบิดไปบิดมาบนพื้นเบื้องหน้า “ไม่ ไม่มีอะไร……ข้าขอพักสักเดี๋ยว!”

จากนั้นคนทั้งสามจึงนั่งลงอยู่เป็นเพื่อนเยี่ยฉวนจวบจนรุ่งสาง……

ถึงเวลาเที่ยงวัน อาการของเยี่ยฉวนสงบลงแล้ว และเหงื่อกาฬไหลชุ่มโชกไปทั้งตัว

เหงื่อกาฬไหลโทรมกาย เหงื่อแห่งความเจ็บปวด!

รอจนกระทั่งเวลากลางคืน กว่าที่สติสัมปชัญญะของเยี่ยฉวนจะกลับมากระจ่างดังเดิม

ยามนั้นพวกโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นต่างไม่ได้หลับได้นอนเพราะนั่งเฝ้าเยี่ยฉวนมาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน……

ชายหนุ่มค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืนโดยมีโม่อวิ๋นฉีและจี้อันซื่อเข้าช่วยประคอง “ไม่ ไม่ต้อง” ทว่าคนทั้งสามได้แต่เงียบงัน ด้วยทุกคนยังไม่หายจากหวาดผวาที่ได้เห็นอาการของเยี่ยฉวนก่อนหน้า!

ยังมิทันว่ากล่าว ทันใดนั้นคนผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยฉวนและคนอื่น เป็นจ้าวหอชั้นเก้าที่พูดเสียงเร็วรัว “สหาย มีคนจากสถานศึกษาฉางหลานสำนักใหญ่กำลังตรงมาทางนี้!”

สำนักใหญ่!

เมื่อได้ยินจ้าวหอแจ้งมา เยี่ยฉวนหันไปสบตากับคนอื่นๆ ซึ่งต่างนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจ!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version