บทที่ 235 เจ้าอยากงี่เง่าเอง! (ต้น)
สำนักใหญ่ฉางหลาน!
เยี่ยฉวนและคนทั้งสามต่างเข้าใจตรงกันในการมาของคนจากสำนักใหญ่ฉางหลาน ทุกคนหันมาสบตากัน ในที่สุดมีเสียงของโม่อวิ๋นฉีพึมพำขึ้นว่า “พวกนั้นมาทำไม?”
จ้าวหอชั้นเก้าส่ายหน้าช้าๆ “ข้าเกรงว่าการมาครั้งนี้ อาจมีเจตนามุ่งร้ายหมายหัวต่อพวกเจ้า” ผู้มาเยือนด้วยประสงค์ร้าย!
เยี่ยฉวนนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดเสียงเฉียบขาด “ไปดูให้เห็นดำเห็นแดงกันเลย!” จากนั้นจึงออกนำหน้าคนทั้งสามมุ่งสู่หอโถงฉางหลาน ทิ้งให้จ้าวหอชั้นเก้ามองตามกลุ่มคนทั้งสี่ ท่าทางเสมือนกำลังชั่งใจเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจตามออกไปเป็นคนสุดท้าย
แม้ว่าเขาจะไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายด้วยเป็นเรื่องภายในของสถานศึกษาฉางหลาน หากด้วยเจตนาต้องการให้ความช่วยเหลือถ้าจำเป็น ครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะผูกมัดต่อเยี่ยฉวนแต่อย่างใด แต่เพราะบุญคุณของสตรีลึกลับที่มีต่อเขานั้นยังเปี่ยมล้นในจิตใจ ราวกับเขาได้เกิดใหม่เลยทีเดียว!
ณ หอโถงฉางหลาน
ผู้มาเยือนสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน ล้วนเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ แต่ละคนอายุอานามไม่เกินยี่สิบ! นั่นคือสิ่งซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่กลุ่มคนเจ้าของสถานที่ไม่น้อย เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องมาพบกับบรรดาคนหนุ่มเหล่านี้!
หนึ่งในคนทั้งสาม ดูท่าว่าน่าจะเป็นหัวหน้าด้วยสวมใส่ผ้าคลุมสวยงามดูดีที่สุด รูปร่างสูงตรง แววตาเย็นชาก่อให้เกิดความรู้สึกต่อคนรอบข้างว่าไม่ปรารถนาจะให้ใครเข้าใกล้ ส่วนอีกสองคนสวมผ้าคลุมสีเทาธรรมดา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสถานศึกษาฉางหลาน!
เมื่อเห็นคนที่เพิ่งเข้ามา ชายวัยรุ่นที่ยืนด้านซ้ายของชายสวมผ้าคลุมสวยงามพลันก้าวออกมาข้างหน้า สายตาจ้องเขม็งมองเยี่ยฉวนหน้าตาบูดบึ้ง จากนั้นก็กวาดตาไปยังคนทั้งสามซึ่งยืนเยื้องไปทางเบื้องหลัง ในที่สุดสายตาของคนผู้นั้นย้อนกลับมายังเยี่ยฉวนอีกครั้ง “คนชื่อจี้อวิ๋นอยู่ที่ไหน? ตามเขาออกมาพบและเจรจากับเราเดี๋ยวนี้ ข้า……”
ฉับพลันนั้นร่างของเยี่ยฉวนหายวับไปจากที่
เพี๊ยะ!
เสียงกระทบวัตถุดังสนั่นขณะเดียวกับที่ร่างของเจ้าคนที่พูดเมื่อสักครู่กระเด็นไปไกล!
เหตุการณ์ปัจจุบันทันด่วนเกิดขึ้นต่อหน้า ชายสวมผ้าคลุมสวยงามหรี่ตาลง ชั่วขณะหนึ่งแสงสว่างเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากร่างกายของคน ในจังหวะที่ไป๋เจ๋อกระแทกเท้าขวาลงบนพื้นอย่างแรง
ตู้ม!
ร่างใหญ่โตของไป๋เจ๋อพุ่งชนคนสวมผ้าคลุมสวยงามรวดเร็วและรุนแรงราวลูกธนูพุ่งออกจากแล่ง!
พร้อมกันนั้น มันก็ได้ปรากฏรอยร้าวบนพื้นอันเกิดจากแรงกระทืบเมื่อครู่ของเขาอย่างชัดเจน!
คนสวมผ้าคลุมหรี่ตาขณะเดียวกันก็ผลักฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างแรง ทำให้กระแสพลังดุดันถูกผลักออกจากกลางฝ่ามือที่พุ่งออก!
ปัง!
พลังฝ่ามือถูกปะทะจนแหลกแตกกระจาย ร่างของชายสวมผ้าคลุมผงะถอย ก่อนปลิวหวือออกไปทางประตูหอโถง สีหน้าคนตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งขณะที่ปรากฏโลหิตทะลักพรวดออกทางมุมปาก
เขาก้มลงมองฝ่ามือของตนเอง ซึ่งบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำก่อนจะเงยหน้ามองมาทางไป๋เจ๋อ สายตาบอกชัดว่าฉงนด้วยไม่คาดคิดมาก่อน “พลังอสูร……ที่นี่มีคนสายเลือดอสูร!”
คนร่างใหญ่ไม่ได้ใส่ใจต่อคำพูด เขาหันมองมาที่เยี่ยฉวนซึ่งพยักหน้าครั้งหนึ่ง เมื่อไป๋เจ๋อเห็นเช่นนั้นจึงรามือและถอยกลับไปที่ข้างเยี่ยฉวนตามเดิม
เยี่ยฉวนหันหน้าไปทางชายสวมผ้าคลุม “ข้าไม่ชอบการพูดจาไร้สาระ และไม่อยากต้อนรับพวกเจ้า ฉะนั้นจงไสหัวไปเสียก่อนที่ข้าจะไล่ตะเพิด!”
ชายสวมผ้าคุลมจ้องเขม็งตรงมาที่คนพูด “พวกเราเป็นคนของสำนักใหญ่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ไฉนจึงกล้าแสดงกิริยาถ่อยเช่นนี้?!”
เยี่ยฉวนสาวเท้าเดินตรงไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายสวมผ้าคลุม ในเวลานั้นสายตาของคนสวมชุดเทาที่ยืนทางซ้ายมือมองนิ่ง สายตากร้าวอย่างมุ่งร้ายโดยไม่มีมิดเม้นแม้แต่น้อย ด้วยคนผู้นี้เพิ่งถูกเยี่ยฉวนตบกระเด็นไปก่อนหน้านั่นเอง
ทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อทันทีที่เห็นท่าทางและแววตามุ่งร้ายของอีกฝ่าย ต่างนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ พลันทำท่าจะพรวดออกปะทะทว่าเยี่ยฉวนร้องห้ามไว้ “ไม่ต้อง ข้าจะลองใช้เหตุผลคุยดีๆ กับพวกนี้ก่อน!”
ใช้เหตุผลกับพวกนี้?
โม่อวิ๋นฉีเหยียดมุมปากบิดเบี้ยวเป็นเชิงดูถูก เหตุผลนี่นะ?
ไม่รู้ตัวหรือว่าพี่หัวขโมยเยี่ยเป็นพวกชอบใช้กำลังจะตาย?!
พลันเสียงเยี่ยฉวนพูดขึ้นว่า “พูดธุระของเจ้ามา”
คนถูกถามจ้องหน้าเยี่ยฉวนแววตาโกรธขึ้ง “พวกเรามานี่เพื่อมาเตือนพวกเจ้า ว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งสถานศึกษาในนามของฉางหลานขึ้นที่นี่ อีกทั้งบรรดาศิษย์และคนของที่นี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนคัมภีร์พลังปราณและทักษะซึ่งเป็นวิชาของสถานศึกษาฉางหลาน……พูดสั้นๆ สถานศึกษาฉางหลานสำนักใหญ่ไม่ยอมรับให้มีการก่อตั้งสถานศึกษาฉางหลานในแผ่นดินชิง”
เยี่ยฉวนพยักหน้าหงึก “เข้าใจ พวกเจ้ากลับได้แล้ว”
ชายสวมผ้าคลุมนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ “นี่เจ้าคิดรับปากมั่วซั่วหรือไง? ไปตามจี้อวิ๋นออกมาเดี๋ยวนี้ เขา……”
เยี่ยฉวนหันขวับขณะเดียวกันเขาพลิกฝ่ามือเฉียบพลันตบป้าบเข้าให้ที่คนพูด ทำให้สีหน้าของมันเผือดวูบฉับพลันพร้อมกับยกท่อนแขนขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ
ตู้ม!
ฝ่ามือของเยี่ยฉวนจึงปะทะกับท่อนแขนของอีกฝ่ายอย่างจัง ภายหลังจากการปะทะ ร่างของชายสวมผ้าคลุมสั่นสะท้านสะเทือน ขณะที่เยี่ยฉวนใช้จังหวะนี้ตรงเข้าหาคนและตวัดท่อนขาขึ้นสูง และกระแทกหัวเข่าอัดเข้าที่บริเวณท้องน้อยทันที
ปัง!
ร่างของคนสวมผ้าคลุมกระเด็นหวือไปและหล่นกระแทกลงบนพื้นดินอย่างรุนแรง
ข้างฝ่ายโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ เมื่อเห็นเยี่ยฉวนเริ่มลงมือ ทั้งพวกศิษย์ฉางหลานที่เหลืออีกสองคนกำลังทำท่าว่าจะออกปะทะ ทั้งสองคนจึงไม่รีรออีกต่อไป อย่างไรก็ตามทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อนับว่ามีความเร็วยิ่งกว่าคนพวกนั้น ด้วยไป๋เจ๋อพุ่งทะยานเข้าหาสองศิษย์ฉางหลาน ถึงกระนั้นโม่อวิ๋นฉีกลับว่องไวกว่า……
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสี้ยววินาทีถัดมา..ร่างสองร่างของศิษย์สองคนแห่งฉางหลานกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง!
ย่อยยับ! ย่อยยับอับปาง!
นับแต่เยี่ยฉวนมอบสิ่งล้ำค่าให้แก่ทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อใช้ในการฝึกฝนพลังปราณ ความกล้าแกร่งของคนทั้งสองพุ่งทะยานพรวดพราดขึ้นกว่าเดิมมากมายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋เจ๋อซึ่งสำเร็จในขั้นพลังสันโดษแล้ว ผนวกกับสมรรถนะแข็งแกร่งของร่างกายเข้าไปอีก เวลานี้เขาสามารถปะทะกับยอดยุทธ์ชั้นผสานเทพได้สบายๆ!
แม้แต่โม่อวิ๋นฉีเองก็ใกล้สำเร็จขั้นพลังสันโดษเข้าไปทุกที ถึงกระนั้นความว่องไวกลับเพิ่มพูนยิ่งกว่าจนเทียบได้กับยอดยุทธ์ขั้นพลังสันโดษ หากเทียบกันที่ความเร็วแล้วล่ะก็ แม้แต่เยี่ยฉวนเองยังไม่อาจเทียบได้!
ถ้าต้องต้านรับทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ แม้เป็นเยี่ยฉวนแต่หากปราศจากทักษะกระบี่อย่างหนึ่งกระบี่ชี้ชะตา คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะคนทั้งสอง!
— จบตอน —
