Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 240


บทที่ 240 ข้าจะจัดการทุกอย่าง! (ปลาย)

ชายหนุ่มตรงหน้าพูดต่อไปอีกว่า “ข้ามีแผ่นป้ายทองคำให้พวกเจ้าทั้งสามคนใช้ได้อย่างเต็มที่ ในแผ่นป้ายมีมูลค่าอยู่พอสมควร พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเข้มงวดเรื่องการใช้จ่ายมากนัก โดยเฉพาะเจ้าซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย จะซื้อหาเสื้อผ้าที่อยากได้บ้างก็ไม่แปลก” เขาหยุดนิ่งไปด้วยความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย

ตอนที่อาจารย์ใหญ่จี้ยังอยู่ เวลานั้นฉางหลานอัตคัดขัดสนเหลือเกิน!

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเยี่ยฉวนพอจะสังเกตเห็นได้ว่าหญิงสาวมีเสื้อผ้าใส่สลับสับเปลี่ยนเพียงสองชุดเท่านั้น แถมแต่ละชุดยังเก่าคร่ำแทบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว ในขณะที่สิ่งจำเป็นสำหรับการฝึกปรือไม่ได้ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ไม่ได้มีมากมายล้นเหลือ หรือน่าเวทนาก็ไม่ผิดนัก……

ถึงกระนั้นนางก็ยังสู้อุตส่าห์ฝึกฝนมาจวบจนบัดนี้ เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่านางใช้ชีวิตอยู่มาได้อย่างไร

หญิงสาวหยิบผลแอปเปิลขึ้นมากัดกินด้วยท่าทางปกติ และนิ่งเงียบไม่พูดจา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เสี่ยวกูก็กลับเข้ามาพร้อมด้วยห่อของขนาดใหญ่

เยี่ยฉวนเก็บห่อของไว้ในหอคอยแห่งเรือนจำแล้วจึงหยิบเงินออกมาชำระค่าสินค้า พลันเสี่ยวกูรีบปฏิเสธการรับเงินเป็นพัลวัน “นายท่านเยี่น ข้ารับเงินไม่ได้เจ้าค่ะ ของทั้งหมดนี่ทางสำนักอัปสรเมรัยยินดีมอบให้ท่านเป็นของขวัญ กรุณาอย่าปฏิเสธเลยเจ้าค่ะ!”

แต่ชายหนุ่มสั่นหน้าดิก พลางกล่าวยิ้มๆ “ทำอย่างนี้ยิ่งไม่สมควร เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว เมื่อข้าซื้อของข้าก็ต้องจ่ายเงินเอง ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่มาที่นี่อีก!” พูดจบเขาหยิบเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่มือคนตรงหน้า “เอ้านี่ คิดว่าน่าจะพอ”

เสี่ยวกูหน้าเจื่อนจำต้องรับเงินจำนวนนั้นมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ทั้งเยี่ยฉวนและจี้อันซื่อหันกลับไปไม่มีเหลียวหลัง บริกรหญิงทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่มองตามหลังคนทั้งสอง……

บนเส้นทางขากลับ เยี่ยฉวนเดินนำหน้าไปช้าๆ มีจี้อันซื่อแทะน่องไก่ซึ่งไม่มีใครเห็นว่านางเอามาจากไหนเดินตามหลังมาเงียบๆ ตลอดทางไม่มีการพูดจา มีเพียงเงาสองเงาบนถนนที่ทอดยาว ยาวขึ้นๆ……

หนึ่งก้านธูปต่อมา

แสงสีแดงเจิดจ้าแห่งดวงอาทิตย์เลยพ้นขอบฟ้า สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นวันใหม่!

วันนี้มีผู้คนเนืองแน่นที่สถานศึกษาฉางหลาน

เพื่อสมัครเข้าเป็นศิษย์ฉางหลาน!

ไม่น่าแปลกใจที่คนในแคว้นเจียงจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งเป้าที่จะเข้าเป็นศิษย์แห่งฉางหลาน

ด้วยบัดนี้ไร้สถานศึกษาฉางมู่แล้ว คนรุ่นหนุ่มสาวที่ความหวังว่าจะประสบความสำเร็จสักอย่าง การเป็นศิษย์ฉางหลานจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะการเข้าเป็นศิษย์แห่งสถานศึกษานอกจากจะได้รับการอบรมสั่งสอนแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยแก่การสร้างเสริมพละกำลังในสถานศึกษาด้วย

จึงทำให้วันนี้ ณ เชิงเขาจี้อวิ๋นมีฝูงชนคลาคล่ำ จนเป็นทะเลคนก็ว่าได้ มีคนมารวมตัวกันอย่างมากมาย!

เมื่อถึงเวลา เยี่ยฉวนและคนอื่นออกมายืนดูผู้คนที่เชิงเขา พวกเขาก็ถึงกับนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนมาสมัครมากมายเท่านี้มาก่อน!

เสียงคนดังมาจากด้านข้าง เป็นโม่อวิ๋นฉีที่ถึงกับอุทานออกมา “พี่เยี่ย พี่หัวขโมยเยี่ย คนมาเยอะแยะไปหมด!”

เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปาก “ดี!”

การที่มีคนสนใจมามาก ย่อมหมายความว่าชื่อเสียงของสถานศึกษาฉางหลานถูกเผยแพร่ขจรขจาย! โม่อวิ๋นฉีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เสียงพูดตื่นเต้น “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้เป็นอาจารย์!”

อาจารย์!

เมื่อสถานศึกษาไร้ซึ่งยอดยุทธ์ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นอาจารย์ไปโดยปริยาย

นอกจากนั้นในสถานศึกษามีเพียงพวกเขาที่รับผิดชอบทุกอย่าง ดังนั้นไม่ว่าอยากจะทำอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น

เช้าวันนี้คนทั้งสี่พร้อมใจกันสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหนึ่งเดียวจี้อันซื่อใบหน้าผ่องใสหมดจด แม้จะไร้เครื่องสำอาง หากเพียงสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ทว่ากลับส่งเสริมความงามเฉพาะตัวตนให้โดดเด่น!

ยิ่งสายดูเหมือนจำนวนผู้คนกลับยิ่งเข้ามาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยฉวนพึมพำเสียงเบา “ถ้าอาจารย์ใหญ่จี้อยู่ที่นี่ด้วย คงจะดีไม่น้อย!”

อาจารย์ใหญ่จี้!

ทันทีที่ได้ยินคนพูด พลันคนทั้งสี่เหลือแค่รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า จี้อันซื่อกำมือทั้งสองข้างแน่นแต่นิ่งเฉย ไม่พูดจาเช่นเดิม

ในขณะนั้นเยี่ยฉวนแหงนเงยขึ้นมองบนท้องฟ้า “อาจารย์ใหญ่จี้ขอรับ ท่านคอยดูวันหนึ่งฉางหลานของเราจะต้องเป็นสถานศึกษาที่ดีที่สุดในแผ่นดินชิง ไม่สิ ต้องดีที่สุดในโลกชิงฉางเลยขอรับ!”

กล่าวจบคนพูดเดินนำหน้าลงจากภูเขาทันที โดยมีโม่อวิ๋นฉีและคนทั้งสามติดตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด ไม่นานพวกเขาลงมาถึงเชิงเขา เมื่อคนทั้งสี่ออกมาปรากฏตัวพลันเรียกเสียงกระหึ่มจากฝูงคนทันที อีกทั้งมีบางส่วนแข่งกันตะโกนเรียกชื่อของทั้งสี่คนด้วย!

เวลานั้นโม่อวิ๋นฉีที่ยืนข้างเยี่ยฉวนไขว้มือไว้ด้านหลัง มีสีหน้าดูเคร่งขรึมกว่าปกติ อีกด้านไป๋เจ๋อยืดตัวตรง หน้าตาเข้มขึ้นทันที จี้อันซื่อไพล่แขนไขว้อยู่ข้างหลัง ในมือกำน่องไก่ไว้ขาหนึ่ง……

พลันเยี่ยฉวนยกมือทั้งสองข้างขึ้นและกดลง ทันใดเสียงที่กระหึ่มเมื่อครู่พลับเงียบกริบสนิทนิ่งลงทันที

ชายหนุ่มก้าวเท้าออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ส่วนโม่อวิ๋นฉีมีทีท่าจะก้าวตามออกไปด้วยสัญชาตญาณ ทว่าร่างของเขากลับถูกดึงไว้จากคนข้างหลัง ไป๋เจ๋อขมวดคิ้วมองหน้าโม่อวิ๋นฉี “พี่หัวขโมยเยี่ยกำลังจะให้โอวาท เจ้ายังจะเสนอหน้าออกไปอีก!”

โม่อวิ๋นฉี “……”

ฝูงชนที่อยู่ในพื้นที่ต่ำกว่าต่างจ้องเขม็งมาที่เยี่ยฉวน ทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังอย่างยิ่ง เยี่ยฉวนคลี่ยิ้มขณะพูดเสียงดังฟังชัด

“สถานศึกษาฉางหลานยินดีต้อนรับทุกคน ข้าชื่อเยี่ยฉวนเป็นอาจารย์ใหญ่ วันนี้สถานศึกษาฉางหลานจะคัดเลือกศิษย์ใหม่ทั้งหมด 30 คน โดย 30 คนนี้จะต้องผ่านการทดสอบทั้งสามระดับ ผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะได้เข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษา แต่แน่นอน นอกจาก 30 คนแรกที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว ใครก็ตามที่ผ่านการคัดเลือกก็จะได้เข้าร่วมกับฉางหลานด้วยเช่นกัน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่คนพูด พลันเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังกระหึ่ม!

30 คน จำนวนน้อยนิดเหลือเกิน!

ไม่ต้องแปลกใจยิ่งคนมากยิ่งมีโอกาสมาก!

ชายหนุ่มกล่าวต่อไปว่า “อาจารย์โม่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการทดสอบ ดังนั้นเขาจะมาอธิบายเกี่ยวกับกฎกติกาให้ทุกคนฟังในอันดับต่อไป!” กล่าวจบเยี่ยฉวนถอยลงไปด้านหลัง

โม่อวิ๋นฉีทำท่าอกผายไหล่ผึ่งก้าวออกมาข้างหน้า ทันทีที่มองลงไปเห็นทะเลคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง โม่อวิ๋นฉีพลันรู้สึกหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นมาทันที เขายืดอกสูดลมหายใจเฮือกจนเต็มปอด

ขณะที่พยายามข่มความรู้สึกตื่นเต้นภายใน ริมฝีปากคลี่ยิ้มพลางพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ข้า……จอมกะล่อนโม่……” ทันทีที่อ้าปากพูด พลันเขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเสียแล้ว……

ทุกคนเงียบกริบ “……”

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version