บทที่ 265 ยังไงซะก็ต้องมีคนถูกฆ่า! (ต้น)
การที่ชางเยว่ปลิดชีพตนเองต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูกได้แต่นิ่งงันด้วยความตกตะลึง เสียงของหลิงฮั่นคำรามลั่น “ชางเยว่ โง่! เจ้าโง่!”
กานอู๋เว่ยทรุดเข่าฮวบลงนั่งยองและใช้กำปั้นทุบพื้นปั้กๆ ระเบิดเป็นคำพูดด้วยความอัดอั้น “เจ้าโง่ ข้าสู้ยอมบาดเจ็บกลับต้องเสียเปล่า!”
ทันใดนั้นลู่ป้านจวงตัดบทขึ้นฉับพลัน “ไปเถอะ อย่าชักช้า!” พูดจบนางสะบัดข้อเท้าเตะไปยังหอกด้ามซึ่งตกอยู่บนพื้นเปรี้ยงหนึ่ง พลันหอกด้ามนั้นพุ่งออกไปข้างหน้า
ฟิ้ว! หอกยาวพุ่งไกลไปหลายจั้ง ตรงเข้าเสียบทะลุร่างทหารที่อยู่ใกล้บริเวณสองสามคนตายทันที! คนอื่นรวมทั้งหลิงฮั่นทยอยกระโดดขึ้นขี่หลังสุนัขป่า โดยมีลู่ป้านจวงขี่สุนัขป่าตัวใหญ่เผ่นโผนนำออกไป สุนัขตัวอื่นกระโจนตามติดมาด้านหลัง
ทว่าออกมาไม่นาน พวกเขากลับถูกโอบล้อมด้วยกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง ฝ่ายศัตรูนั้นมากมายมหาศาล! ตอนนี้เยี่ยฉวนเองก็ถูกตีวงโอบล้อมไว้จนแน่นหนาจึงยากที่เขาจะออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆ
ยิ่งกว่านั้นเหล่ายอดยุทธ์ผสานเทพล้วนถูกกองกำลังทหารตรึงไว้ทั้งสิ้น แต่ยังต้องขอบใจที่ได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา มิเช่นนั้นเยี่ยฉวนและกลุ่มคนคงไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้มาจนกระทั่งป่านนี้
ฉับพลันนั้นมีเสียงดังมาแต่ไกล เปรี้ยง! เสียงระเบิดดังสนั่นจากการที่เยี่ยฉวนกำลังไล่ขับศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าด้วยกระบี่สีดำ ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่นานกลุ่มคนกว่ายี่สิบมุ่งตรงมาและกระจายกันห้อมล้อมเขาไว้ทุกด้าน……
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! เมื่อปรากฏคนทั้งยี่สิบคนตรงเข้าโอบล้อม เยี่ยฉวนถอยหลังกรูดออกไปหลายจั้ง ในตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากคมประบี่ ซ้ำบางแห่งยังเป็นรอยบาดลึกชวนหวาดเสียว!
เมื่อกลุ่มคนกว่ายี่สิบตรงเข้าจู่โจมอีกครั้งจึงยากที่เยี่ยฉวนจะสามารถหยุดยั้ง ทันใดนั้นเขาตัดสินใจเปิดเปลือกตาทั้งสองข้างทันที
ฉับ! ฉับ!
พลันแสงแห่งกระบี่สองลำแสงพุ่งพรวดออกจากดวงตาปรากฏดังกระแสแห่งแสง สองลำแสงพุ่งเข้าตัดร่างคนสวมเกราะดำสามคนขาดครึ่งท่อนในครั้งเดียว ทำให้ทหารเกราะดำที่เหลือพากันถอยร่นเป็นระนาว หวังรอดพ้นจากรัศมีของลำแสงทั้งสองจากดวงตาเยี่ยฉวน!
และโดยไม่คาดคิดเซี่ยโหวเต้าทะยานลงมาจากที่สูงเหนือศีรษะของเยี่ยฉวน พร้อมดาบโค้งเล่มใหญ่ในมือฟาดลงสู่เป้าหมายที่ศีรษะของคนทางด้านล่าง! พลังดาบผนึกด้วยปณิธานดาบและพลังแรงผลักดันแห่งดาบ เสริมพลังครอบงำซึ่งยากจะหาผู้ใดทัดเทียม
เยี่ยฉวนแสยะปากอย่างมาดร้ายโดยไม่ถอยหนีแม้สักก้าวเดียว พลันผลักออกกระบี่มหากาฬในมือขึ้นไปอย่างรุนแรง เขาตอบโต้พลังปะทะอย่างซึ่งหน้าตรงไปตรงมา!
ตู้ม! ฉับพลันนั้นเองเสียงระเบิดสนั่นจนแสบแก้วหู ภาพที่ปรากฏเยี่ยฉวนซัดเซี่ยโหวเต้าจนกระเด็นไปไกลเกือบ 15 จั้ง ขณะที่ตัวเองก็ถอยกรูดไปหลายจั้งเช่นกัน! อย่างไรก็ตามเพียงแค่หยุดนิ่งกับที่เท่านั้น พลันกลุ่มคนสวมเกราะดำนับสิบถลันพรวดเข้ามาล้อมเขาอีกครา!
ทันใดนั้นร่างกายของเยี่ยฉวนปรากฏลำแสงกระบี่กระจายวาบ ฉับพลันศีรษะของคนสวมเกราะดำด้านซ้าย ราวถูกลิดออกจากลำตัวคนกระเด็นหวือไปในอากาศ! กระบี่หลิงซิ่ว!
การควบคุมกระบี่! ทันทีที่เห็นกระบี่หลิงซิ่วของเยี่ยฉวนปรากฏ พลันกลุ่มคนเกราะดำสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง พากันถอยกรูดขณะพลางจับตาดูไม่กล้าละสายตา! ด้วยพวกเขาต่างรู้ดีว่ากระบี่เล่มนี้มีทั้งความรวดเร็วและชาญฉลาดอย่างยากจะหาใดเปรียบ จึงไม่แปลกที่จะเกิดความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ!
ในเวลานั้นลู่ป้านจวงและคนอื่นตามเข้ามาสมทบกับเยี่ยฉวน! คนทั้งหมดพยายามปกป้องพวกของตนสุดความสามารถอย่างต่อเนื่อง นอกจากกองทหารแล้วยังมีพวกของเซี่ยโหวเต้าและกองกำลังของเขาด้วย
ตอนนี้เยี่ยฉวนและคนอื่นตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง ในขณะที่บรรดายอดยุทธ์จากสำนักอัปสรเมรัยเองก็ถูกตรึงไว้เช่นนั้น ทำให้ไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือพวกเยี่ยฉวนได้ ณ เวลานี้กระทั่งจะช่วยเหลือตนเองก็ยังลำบาก!
บัดนี้พวกเขาถูกโอบล้อมไว้ด้วยกองทัพทหารนับหมื่น! ทั้งเยี่ยฉวนและคนอื่นที่อยู่ข้างเดียวกันกำลังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ล่อแหลม! กล่าวได้ว่าครั้งนี้แคว้นถังใช้ความพยายามอย่างมาก ด้วยทุ่มเทสรรพกำลังที่มีเพื่อกำจัดศัตรูฝ่ายตรงกันข้าม!
เยี่ยฉวนยกหลังมือขึ้นปาดโลหิตที่มุมปาก มุมปากแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “พวกเรา ข้าจะพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ไร้ประโยชน์ที่จะมามัวพูดจาเยิ่นเย้อ ฉะนั้นสลัดความสนุก มาเริงร่าด้วยการฆ่าดีกว่า!” จากนั้นก็กระทืบเท้าโครมลงบนพื้นผลักร่างทะยานไปข้างหน้าประหนึ่งลูกกระสุนถูกยิงออกจากลำกล้องปืน โดยมีกระบี่ในมือชี้นำไปเบื้องหน้า
ฟิ้ว! ฉับพลันนั้นคมกระบี่ตวัดผ่านศีรษะของทหารนายหนึ่งกระเด็นไปชั่วเสี้ยววินาที! เสียงของเหยี่ยลี่ตวาดดังลั่น “ถ้างั้น ฆ่ามันให้หมดเลย!” และร่างของเขาวิ่งถลันตามหลังเยี่ยฉวนออกไปทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นกานอู๋เว่ยและคนอื่นต่างไม่รอช้า ถลันออกไปตามกันคนแล้วคนเล่า
ถึงแม้ว่าเยี่ยฉวนรวมทั้งคนอื่นจะเป็นอัจฉริยะที่มีเพียงหนึ่งในล้านก็ตาม แต่มาบัดนี้พลังที่ว่าดูจะไร้ความหมายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพทหารนับพันนับหมื่น!
ดูแล้วพวกเยี่ยฉวนตกอยู่ภายใต้สภาวะการณ์สิ้นหวังอย่างรุนแรง สถานการณ์โหดร้ายทารุณยิ่งขึ้น เมื่อทหารม้าแห่งแคว้นถังม้าหนึ่งทะยานมาในระยะไกล พลันมันมุ่งตรงไปยังชายสวมหน้ากากซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มองครักษ์ดาบทมิฬ คนที่เพิ่งเข้ามาถลาลงจากม้าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “มีรายงาน ท่านแม่ทัพเป่ยมีคำสั่งให้องครักษ์ดาบทมิฬและกองกำลังมัจจุราชกลับไปที่เมืองชายแดนโดยด่วนขอรับ!”
คนสวมหน้ากากกระตุกดาบในมือกดลงที่ลำคอของทหารม้าคนนั้น ก่อนตวาดถามเสียงลั่นด้วยความโมโห “เจ้าว่าอะไร?”
ทหารม้าเงยหน้ามองตรงมายังคนสวมหน้ากาก “เวลานี้องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นเจียง ได้นำกำลังเข้าโจมตี และพวกเราที่เมืองชายแดนมีกำลังไม่พอที่จะต้านทานกองทัพแคว้นเจียง เมื่อใดที่กองทหารแห่งแคว้นเจียงสามารถมีชัยเหนือกองกำลังของแม่ทัพเป่ย พวกเขาจะทะลวงผ่านเข้าสู่ใจกลางแคว้นถังได้โดยสะดวก ดังนั้นท่านแม่ทัพจึงสั่งให้ผู้บัญชาการเต้าและกองกำลังมัจจุราชถอนกำลังไปสมทบที่เมืองชายแดนโดยด่วนที่สุด!”
“แคว้นเจียง!” ใบหน้าของชายคนสวมหน้ากากบิดเบี้ยวน่ากลัว “แคว้นเจียง แม่*เอ๊ย!” สายตาเหลือบไปมองเยี่ยฉวนและกลุ่มคนในวงล้อมที่อยู่ไม่ไกล เวลานี้พวกทหารโอบล้อมคนทั้งกลุ่มไว้อย่างแน่นเหนียว เขามั่นใจอย่างที่สุดว่าจะสามารถยื้อการต่อสู้เอาไว้จนกว่าพวกเยี่ยฉวนจะหมดพลัง หลังจากนั้นอีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามเขาจะสามารถกำจัดคนพวกนี้ให้สิ้นซาก
น่าเสียดายทั้งโอกาสและเวลา หากจะต้องยอมพ่ายแก่ความพยายามในเมื่อกำลังจะกำจัดเยี่ยฉวนและคนอื่นๆ ได้อยู่แล้วเชียว! ทว่าทหารคนเดิมกล่าวเสียงห้าวเร่งร้อน “ผู้บัญชาการเต้า โปรดให้ความสำคัญต่อสถานการณ์ในภาพรวมเป็นอันดับแรกด้วยขอรับ!”
“ความสำคัญต่อสถานการณ์ในภาพรวม!” ชายสวมหน้ากากหันสีหน้าบึ้งตึงไปมองเยี่ยฉวนและกลุ่มที่อยู่ไกลออกไป เขาชักลังเลใจที่จะต้องยอมล่าถอยในการต่อสู้ครั้งนี้
จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาไม่ยอมแพ้? เพื่อทำลายพวกเยี่ยฉวน แคว้นถังไม่เพียงระดมสรรพกำลังมาจากทุกสารทิศ ทว่ายังมีการเคลื่อนย้ายกองกำลังมัจจุราชจากเมืองชายแดนมายังที่นี่ด้วย ในการณ์เช่นนั้นกำลังที่ประจำอยู่ ณ เมืองชายแดนย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน!
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเจียงจิ่วจะหาญกล้าเป็นฝ่ายเริ่มออกปะทะ ภายใต้สถานการณ์ที่รอบด้านแคว้นเจียงเองก็กำลังถูกประชิดเช่นนี้!
— จบตอน —
