บทที่ 264 กุดหัวมันให้หมด! (ปลาย)
เวลาเคลื่อนคล้อยไปจนล่วงเลยไปเรื่อยๆ แสงทองผ่องอำไพเริ่มจับขอบฟ้า ทว่าบัดนี้ผู้คนมากมายกำลังมุ่งเข้ามาโอบล้อมอาคารสำนักอัปสรเมรัย! นั่นคือกองทหารแห่งแคว้นถัง ซึ่งทำการล้อมสำนักอัปสรเมรัยไว้หมดทุกทิศทุกทาง!
ไม่นานก็เป็นเวลาของวันใหม่ ภาพดวงอาทิตย์สีแดงลูกโตค่อยปรากฏขึ้น ณ เส้นขอบฟ้า ภายในห้องพัก เหยี่ยลี่และคนอื่นตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มที่แล้ว
พลันจ้าวหอชั้นแปดเดินรี่เข้ามาทันที เขามองไล่ไปทีละใบหน้าซึ่งกำลังนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา “เวลานี้สำนักอัปสรเมรัยระดมยอดยุทธ์ขั้นผสานเทพจากที่ต่างๆ มาแล้วกว่าสามสิบคน พวกเขาจะฝ่าวงล้อมไปพร้อมกับพวกเจ้า……และกว่าจะถึงตอนนั้นหวังว่าพวกเจ้าเองคงไม่ต้องต่อสู้เนิ่นนานนัก” หลังจากหยุดนิ่งนิดหนึ่งคนพูดบอกต่อว่า “หลังจากฝ่าวงล้อมของทหารออกไปแล้ว ระหว่างทางพวกเจ้าคงต้องดูแลตัวเอง ต้องขออภัยที่ข้าช่วยได้เพียงเท่านี้”
เยี่ยฉวนรีบตอบทันที “เวลานี้สำนักอัปสรเมรัยช่วยพวกเรามากจนเกินพอแล้วขอรับ แต่ทำเช่นนี้สาขาที่แคว้นถังของท่าน…”
ฝ่ายจ้าวหอยิ้มแห้ง “ไม่เป็นไร ที่นี่เป็นเพียงสาขาเล็กๆ จะเสียไปบ้างก็ไม่ได้มีผลกระทบ สหายและทุกท่าน เมื่อพวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วเราจะรีบออกไปทันที!” จากนั้นจึงกลับออกไป
เมื่อเหลือเยี่ยฉวนและคนอื่นเพียงลำพัง ลู่ป้านจวงหันไปถามทุกคนในกลุ่ม “ใครมีปัญหาอะไรไหม?” ทุกคนส่ายหน้าเป็นเสียงเดียวกัน ขณะหญิงสาวทำท่าขยับจะพูด ชายคนที่ชื่อชางเยว่ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “พี่ใหญ่ พวกท่านรีบไปกันเถิด ข้าจะอยู่ที่นี่แหละ!”
ทุกคนต่างหันไปมอง ขณะเดียวกันชางเยว่หยิบวงแหวนสัมภาระของตนออกมาวางบนโต๊ะ “ท่านช่วยนำสิ่งนี้ไปมอบให้น้องชายของข้า เขาคงจะเก็บไว้ใช้ได้สักระยะหนึ่ง”
“พูดอะไรไร้สาระ?!” ลู่ป้านจวงสีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “บอกว่าจะอยู่ที่นี่เหรอ? ข้าจะบอกให้ ต่อให้เจ้าตายลงตรงนี้ข้าก็จะพาศพของเจ้าออกไปรู้ไว้ซะ!”
จากนั้นก็หันไปสั่งกานอู๋เว่ยซึ่งยืนอยู่อีกด้าน “เจ้าช่วยแบกเขา ส่วนคนที่เหลือพวกเจ้าคอยช่วยคุ้มกันให้ด้วย” ชางเยว่ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง ทว่ากานอู๋เว่ยกลับเดินตรงเข้ามาและยกตัวของเขาขึ้นแบกบนหลังอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวหันมามองเยี่ยฉวน เขาจึงพูดขึ้นว่า “เจ้ากับข้าจะลุยเปิดทาง! ใส่พลังไม่ยั้งไปเลย ไม่ต้องปิดกั้นอีกแล้ว และถ้าเป็นไปได้สังหารทุกคนที่พบเห็นให้เร็วที่สุดที่จะเร็วได้!” จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องพักไป ลู่ป้านจวงหันกลับมาที่ทุกคน นางจ้องมองลึกลงไปในแววตาทีละคนๆ “เอาชีวิตรอดให้ได้ จำไว้!”
สองก้านธูปถัดมา บานประตูหนาหนักด้านหน้าของอาคารหอสำนักอัปสรเมรัยถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ทันใดนั้นร่างของสุนัขป่าสีดำขนาดมหึมา 12 ตัว เผ่นทะยานออกมาด้านนอกประตูอย่างรวดเร็ว เบื้องเหนือ 12 สุนัขป่าที่บนอากาศ เป็นยอดยุทธ์ขั้นผสานเทพสามสิบคน!
“ยิง!” ใครคนหนึ่งแผดเสียงดังปานฟ้าผ่าขึ้นที่ลานโล่ง เมื่อสิ้นเสียงลูกธนูพุ่งออกจากแหล่งมากมายมหาศาลถาโถมใส่เยี่ยฉวนและพวกราวพายุโหมกระหน่ำก็ปาน จนที่ว่างเบื้องหน้าของเยี่ยฉวนและกลุ่มคนดำมืดไปด้วยพายุลูกธนู! เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของหลิงฮั่นรวมทั้งคนอื่นสลดวูบ!
ฉับพลันนั้นเหล่าสามสิบยอดยุทธ์ผสานเทพทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนเหนือคนทั้งกลุ่ม ทันทีทันใดก็ปรากฏลำแสงแห่งพลังชี่สามสิบลำแสงพุ่งวาบเข้าหาพายุลูกธนู ทันใดนั้นเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นจากการพุ่งชน ยังผลให้ลูกธนูทยอยร่วงลงสู่พื้นดุจห่าฝน
ในขณะเดียวกับที่คนทั้งสามสิบซึ่งใช้โล่เป็นอาวุธจึงยกโล่ขึ้นกลายเป็นแผงเกราะกำบังลูกธนูที่กระหน่ำใส่เยี่ยฉวนและคนอื่นจากทางด้านบนศีรษะ
ส่วนทางพื้นดิน กองทัพทหารกระชับหอกในมือแน่น ขณะยืนปักหลักเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนและกลุ่มคนโดยแผ่เป็นแนวกำแพงขวางกั้นคนทั้งหมดไว้ป้องกันการหลบหนี ทหารแต่ละคนล้วนมุ่งมั่นไม่มีทีท่าจะถอยร่นแม้สักครึ่งก้าว!
ในตอนนั้นร่างของเยี่ยฉวนทะยานออกหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ฝ่าเท้าของเขาสัมผัสพื้นดิน พลังปฐพีไหลหลากรวมตัวเข้าล้อมรอบกาย ขณะนั้นกระบี่มหากาฬปรากฏวาบขึ้นในมือ
ชายหนุ่มเหยียดมุมปากแสยะแยกเขี้ยว เขากระชับมั่นกระบี่มหากาฬจากนั้นจึงโผไปข้างหน้าตรงเข้าหากลุ่มทหารราวกับคนสติคลั่ง ในขณะนั้นกระบี่มหากาฬในมือได้ระเบิดทั้งพลังปณิธานกระบี่และจิตวิญญาณออกสู่ภายนอก อีกทั้งเมื่อผสานเข้ากับพลังปฐพีทำให้ยิ่งมีอำนาจมากมายประหนึ่งกองทหารที่ทรงพลังเลยทีเดียว
เยี่ยฉวนทะยานตรงไปจนกระทั่งเหลืออีกเพียงไม่กี่จั้งก็จะถึงกองทหารศัตรู ทันใดนั้นเขาพลันกระโจนพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างกำกระบี่มหากาฬพลันตวัดฟาดกระบี่ในมือลงเบื้องหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม “ไปตายซะ!” กระบี่มหากาฬฟันฉับ
ตู้ม! ด้วยพลังมหาศาลของกระบี่มหากาฬ มันได้ตรงเข้าบดขยี้กองทหารที่อยู่แถวหน้าสุดทันที ในจังหวะเดียวกันพลังปะทะแห่งกระบี่พลันกระแทกกลุ่มทหารนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไปในอากาศอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวนปรากฏเป็นร่องรางลากไปบนพื้นดินยาวกว่า 15 จั้งและร่องลึกกว่าหนึ่งจั้ง!
สถานการณ์สับสนยุ่งเหยิง! เยี่ยฉวนยกกระบี่มหากาฬวิ่งนำหน้ากลุ่มคน มุ่งตรงเข้าหากองทหารแคว้นถังพลางแหกปากตะโกนสุดเสียง “ตามมา!” โดยไม่รอช้าลู่ป้านจวงและคนที่เหลือทะยานตามหลังเยี่ยฉวนทันที
ในช่วงต้นเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงจะออกนำหน้า คนทั้งคู่บุกตะลุยกระทั่งกลุ่มก้อนของกองทหารแตกกระจายออก อย่างไรก็ตามเมื่อคนทั้งสองทะลวงฝ่าออกจากวงล้อมนั่นได้ พวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับกองทหารองครักษ์ดาบทมิฬซึ่งดักรออยู่แล้ว!
ทหารกลุ่มนี้นำโดยปรมาจารย์ดาบที่ชื่อเซี่ยโหวเต้า ซึ่งปะทะกันโดยบังเอิญเมื่อวันก่อนนั่นเอง! คนผู้นี้ผนึกกำลังมากับกองร้อยองครักษ์ดาบทมิฬ! ทันทีที่เห็นเยี่ยฉวนและพวกถลันออกจากวงล้อม เซี่ยโหวเต้าเขม้นมองแววตาเหี้ยมเกรียม “จะหนีงั้นสิ? คิดว่าข้าจะยอมปล่อยไปง่ายๆ หรือไง?”
โดยไม่รอช้าร่างคนทะยานเข้าหาเยี่ยฉวนและคนทั้งกลุ่มพร้อมดาบโค้งจันทร์เสี้ยว ตามมาด้วยทหารชุดดำราวยี่สิบล้วนติดอาวุธดาบยาวโค้ง แต่ละคนเปล่งรังสีอำมหิตแรงกล้า
เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงพุ่งพรวดไปเบื้องหน้า ทว่าคนทั้งสองไม่สามารถล้มเจ้าคนที่ชื่อเซี่ยโหวเต้าได้รวดเร็วอย่างที่คิด ทั้งอีกฝ่ายยังสกัดทั้งเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงจนไม่อาจเคลื่อนที่ต่อไป
ในเวลานั้นเองที่กองทหารองครักษ์ดาบทมิฬและทหารของกองทัพจำนวนมาก ตรงเข้าจู่โจมเหยี่ยลี่และคนอื่น เหยี่ยลี่ไร้วี่แววหวาดหวั่น เขาแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “กุดหัวมันให้หมด!” ขณะที่เสียงพูดแว่วหาย คนก็พุ่งตรงไปข้างหน้าเต็มแรง
ทันทีทันใดเช่นกันกองทหารมากมายไหลบ่าถาโถมเข้าใส่เหยี่ยลี่และกลุ่มคน ซึ่งคนทั้งสิบกว่าคนล้วนแล้วแต่อัจฉริยะและยอดคนทั้งสิ้น พวกเขาหนึ่งคนสามารถรับมือศัตรูในเวลาเดียวกันได้นับสิบ ทว่าในขณะนี้พวกเขากำลังถูกล้อมกรอบด้วยทหารที่มีมากถึงสองหมื่น และมีทั้งองครักษ์ดาบทมิฬ เวลานี้จึงเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ชิงความได้เปรียบในด้านจำนวน ในขณะที่เยี่ยฉวนและพวกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง!
ทันใดนั้นลู่ป้านจวงหันมามองหน้าเยี่ยฉวนพลางบอกรวดเร็ว “กันพวกมันไว้ให้ที!” ทันทีที่พูดจบ หญิงสาวทะยานกลับไปทางเหยี่ยลี่และคนอื่นที่ด้านหลัง พลันต่อมานางกระแทกฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนพื้นดิน “พลังพิฆาตบรรลัยจักร!” ฝ่ามือข้างนั้นฟาดลงบนผิวหน้าดินเต็มแรง
ตู้ม! บังเกิดเสียงระเบิดสนั่นพร้อมพื้นที่บริเวณรอบลู่ป้านจวงและคนอื่นพลิกสะบัดขึ้นทีหนึ่ง ก่อนภาพที่ตามมาคือทหารนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทาง พลังปะทะของฝ่ามืออันรุนแรงยิ่งของหญิงสาวสามารถบดขยี้ทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดหลายคนจนแหละเละเป็นกองเนื้ออยู่ตรงนั้นเอง ไม่เพียงเท่านั้นพลังฝ่ามือยังส่งให้ทหารที่อยู่รอบๆ ถลาล้มคว่ำคะมำหงายไปเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกันลู่ป้านจวงใบหน้าเผือดซีดจนเขียว มุมปากมีครบโลหิตไหลซึมเปื้อน เห็นได้ชัดว่าการออกปะทะด้วยฝ่ามือเช่นนั้นทำให้นางสูญเสียพลังเป็นอันมาก! จังหวะนั้นหญิงสาวหันไปทางเหยี่ยลี่และพวกที่ตามมาพลางคำรามลั่น “เร็วเข้า ไป!”
ขณะที่ทุกคนได้สติและกำลังจะเคลื่อนออกไปนั้น ชางเยว่ผลักตัวเองผละแยกออกจากการเกาะอยู่บนหลังของกานอู๋เว่ย ทำให้ร่างของเขาหล่นตุ้บลงไปกองอยู่บนพื้น
พลันทุกคนหันไปมองชางเยว่เป็นตาเดียว แต่สายตาของเขาจ้องแน่วที่กานอู๋เว่ย ซึ่งบัดนี้กานอู๋เว่ยเองก็มีบาดแผลไปทั่งร่าง มิหนำซ้ำบาดแผลใหญ่ที่หน้าอกมีโลหิตไหลออกมาตลอดเวลาอีกด้วย เพราะเขาต้องคอยช่วยป้องกันชางเยว่ทำให้ตนเองต้องบาดเจ็บไม่ใช่น้อย! ถ้าลู่ป้านจวงไม่รีบเข้ามาช่วยเหลือเมื่อสักครู่ กานอู๋เว่ยก็คงเหลือแต่ชื่อ!
คนที่หล่นลงไปแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ชางเยว่ค่อยหลับตาลงขณะปากพูดว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงไม่ทิ้งข้า และไม่อยากให้ข้าตาย ข้าเองก็ไม่อยากตายด้วยเช่นกัน”
พลันเข้าเปลี่ยนน้ำเสียงที่พูดกับลู่ป้านจวงและคนอื่นเป็นโมโหเดือดดาล “แต่ข้าไม่อยากลากพวกเจ้าให้มาลำบากเพราะข้า ข้าออกมาท่องยุทธภพเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และยอมรับต่อโชคชะตาแม้จะต้องถูกตีจนตาย ข้าไม่โทษใครทั้งนั้น ต่อไปพวกเจ้าตั้งหน้าตั้งตาฝึกให้หนัก จะได้มีชีวิตที่สุขสบาย……”
ทันทีที่พูดจบเขากดนิ้วชี้ลงเบาๆ พลันวงแหวนสัมภาระปรากฏขึ้นต่อหน้าลู่ป้านจวง จากนั้นชางเยว่จึงกล่าวกับหญิงสาวว่า “ฝากท่านช่วยบอกน้องชายของข้า ขอให้เขามีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะออกท่องยุทธภพ ถ้าใครกล้ามารังแกบอกให้เขาสู้อย่างกล้าหาญ และช่วยบอกคู่หมั้นของข้าด้วยว่าข้าไม่อาจกลับไปขอนางแต่งงานได้เสียแล้ว ขอให้นางได้พบสามีที่คู่ควรและอยู่อย่างมีความสุข!”
เมื่อเสียงของคนขาดหาย เขากระแทกฝ่ามือเข้าที่หน้าผากตนเองอย่างรุนแรง ผัวะ! แรงปะทะทำให้ศีรษะคนปริแตกออกจากกัน
ดวงตาริบหรี่ของชางเยว่มองเขม็งที่ใบหน้าของลู่ป้านจวงและไล่เรื่อยไปทีละใบหน้าของคนอื่น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าอีกต่อไป รีบหนีไปได้แล้ว!”
— จบตอน —
