บทที่ 270 สู้ตาย! (ปลาย)
โกรธเคือง! ผู้คนทั่วแคว้นถังรู้สึกโกรธเคืองกับเหตุที่เกิดขึ้น เยี่ยฉวนนำพวกออกปล้นสะดมตามบ้านเรือนของชนชั้นสูงและขุนนางตระกูลใหญ่ ซึ่งเท่ากับแคว้นถังโดนตบหน้าฉาดใหญ่! แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวาง แม้แต่ราชสำนักยังไม่มีความเคลื่อนไหว ทหารตามถนนหนทางได้แต่ถอยร่นกลับไปรวมอยู่ในที่ตั้ง
ยามนี้เยี่ยฉวนและพวกกลายเป็นกลุ่มคนที่คู่ต่อสู้ในขั้นต่ำกว่าผนึกยุทธ์ยากจะเอาชนะ! ขนาดถูกกำลังทหารนับหมื่นเข้าโอบล้อม ยังไม่อาจสังหารพวกเขาได้ สภาพของเมืองหลวงทำให้ยากในการเคลื่อนกำลังพลที่มีขนาดใหญ่ ยิ่งกว่านั้นแคว้นถังไม่ต้องการสูญเสียกำลังทหารเพื่อล้อมสกัดพวกเยี่ยฉวน เพราะอาจทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่!
ที่บริเวณด้านหน้าวังหลวงแห่งแคว้นถัง มีทหารนับหมื่นเข้าประจำการ นอกจากนั้นยังมีทหารชั้นเยี่ยมซึ่งจำกัดไว้เฉพาะชนชั้นสูงอย่างกองทัพยูหลินจำนวนสามพัน กล่าวได้ว่าวังหลวงเวลานี้ได้รับการอารักขาเต็มพิกัด
สัญญาณเตือนภัย! ทั่วทั้งวังหลวงกำลังตื่นตัวขั้นสุด!
ณ ท้องพระโรงขนาดมหึมาภายในวังหลวง บุรุษวัยกลางคนนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนพระที่นั่งมังกร เบื้องหน้าเป็นอนุสรณ์แห่งราชวงศ์วางเรียงเป็นชั้นลดหลั่น
คนผู้นี้คือถังหนานชื่อ ฮ่องเต้แคว้นถัง ไม่ไกลจากที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ ชายชราสวมผ้าคลุมสีดำด้านหลังเหน็บอาวุธมีดดาบสองเล่มยืนอยู่ด้านหนึ่ง และคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเป็นชายชราผมขาวโพลนทั้งศีรษะ
ต่อมาฮ่องเต้ถังหนานชื่อวางปึกอนุสรณ์ในมือลง สายตาทอดมองมายังชายชราผมขาวเบื้องหน้า “ท่านคิดว่าอย่างไร? ท่านราชครู” ผู้ถูกถามเงียบอย่างใช้ความคิดชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นตอบน้ำเสียงลุ่มลึก “คนทั้งสิบสองคนนี้ หากฝ่ายตรงข้ามมีขั้นพลังต่ำกว่าผนึกยุทธ์ก็จะเอาชนะได้ยาก ทางที่ดีทางเราน่าจะรอให้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงก่อนจะดีกว่า ฉะนั้นในเวลานี้สิ่งที่จะทำได้คือต้องอยู่ในที่มั่น!”
อยู่ในที่มั่น! ฮ่องเต้ถังหนานชื่อรับฟังเงียบๆ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก “ทำเช่นนี้เราก็ยิ่งอับอายต่อพลเมืองของเราน่ะสิ!”
ชายชราผมขาวส่ายหน้าน้อยๆ “ฝ่าบาท สงครามครั้งนี้ไม่ควรปะทุตั้งแต่ทีแรก สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลจะยืมมือแคว้นเราสังหารคนพวกนี้ ถึงแม้ดูเหมือนว่าเราเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะมีสองมหาอำนาจคอยให้ความช่วยเหลือ แต่เป้าหมายของพวกเขาคือเยี่ยฉวน ชายหนุ่มที่มีเซียนกระบี่หนุนอยู่เบื้องหลัง เราไม่ควรนำตัวเข้าไปขวางหนทางระบายความคับแค้นของสองกลุ่มนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต่ถังหนานชื่อหัวเราะเบาๆ “ท่านราชครู แคว้นเราจะสามารถปฏิเสธสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลได้อย่างนั้นหรือ?” ชายชราผู้เป็นราชครูจนด้วยคำตอบ จึงนิ่งเงียบไป ปฏิเสธต่อฉางมู่ งั้นหรือ? ย่อมเป็นไปไม่ได้! กำลังของสถานศึกษาฉางมู่แห่งแผ่นดินชิงยิ่งใหญ่นัก ถ้าแคว้นถังไม่ยอมให้ความร่วมมือ ความเดือดร้อนมาเยือนแน่นอน
เสียงคนที่อยู่บนบัลลังก์พูดแผ่วเบา “อันที่จริงครั้งนี้ถือเป็นโอกาสของแคว้นถังก็ได้เช่นกัน เราจะยืมมือพวกเขาถอนรากถอนโคนกองทัพศัตรูอย่างแคว้นเจียง อาณาบริเวณของแคว้นเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อถึงเวลานั้นแคว้นเราจะได้มีโอกาสพัฒนาบ้าง และถ้าได้ความช่วยเหลือจากสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลด้วยแล้ว แคว้นถังจะไม่อ่อนด้อยกว่าแคว้นหนิงอีกต่อไป”
ขณะนั้นเขาหลับตาลงช้าๆ “ในวิกฤต มักจะมีโอกาส” คนเป็นราชครูนิ่งเงียบ จนเนิ่นนานกว่าจะพูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นเพียงคอยเวลาให้ฉางมู่และดินแดนอันธกาลจะบดขยี้คนหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวน”
เยี่ยฉวน! มือข้างขวาของถังหนานชื่อกำหมัดแน่น “เหล่ายอดฝีมือของแคว้น……ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เทียบเคียงได้สักคน”
พลันสายตาของผู้พูดเบนมองมาทางราชครู “ประกาศออกไป ปิดประตูเมืองทุกด้าน ให้ผู้พิทักษ์พลธนูและกองทัพยูหลินเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เมื่อใดที่คนของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึง ให้สังหารคนผู้นั้นทันที!” ราชครูพูดเสียงกร้าว “หวังอย่างเดียว ว่าคนที่มาจะสยบกลุ่มโจรนี่ได้……”
ณ บนถนนสายหนึ่งใจกลางเมืองหลวง เยี่ยฉวนและคนอื่นนั่งรวมกลุ่ม “ไปที่วังหลวงเลยดีไหม?” หลิงฮั่นพูดเสียงกระตือรือล้น “ข้าว่าในนั้นจะต้องมีของล้ำค่ามากมายมหาศาล!” วังหลวง! เยี่ยฉวนเบ้ปากพลางส่ายหน้า……เจ้านี่ท่าจะเสพติดการปล้นซะแล้ว
ลู่ป้านจวงหันมามองหลิงฮั่น “ในวังหลวงมีพลธนูประจำการไม่น้อยกว่าสองหมื่น และไหนจะทหารองครักษ์ชั้นเลิศอีกนับหมื่น ถ้าเจ้าคิดว่ารับมือได้ ก็ไป!”
หลิงฮั่น “……”
เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “ถึงแม้ว่าเราอยากเข้าไปวังหลวง พวกข้างในคงไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนกับเราง่ายๆ เหมือนที่อื่น อีกอย่างข้าว่าเราไม่มีทางต้านทหารนับหมื่นได้ไหว”
ไม่อาจต้านทาน! แม้จะชื่นชอบการต่อสู้และอยากทำลายแคว้นถัง ทั้งรู้สถานะความกล้าแกร่งของคนกลุ่มนี้ แต่การบุกปล้นราชสำนักแคว้นถัง ณ เวลานี้ เป็นแค่เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น
จู่ๆ เยี่ยฉวนล้วงเอาศิลาถ่ายทอดสัญญาณสีดำสนิทขึ้นมาถือซึ่งขณะนั้นเกิดสั่นเบาๆ พลันมีเสียงดังขึ้นในจิตของเยี่ยฉวน ทำให้สายตาทุกคู่หันมามองโดยไม่มีใครพูดเอ่ยอะไร
ครู่หนึ่งต่อมาชายหนุ่มเหยียดมุมปากออก “สำนักอัปสรเมรัยส่งข่าวมาว่าบนภูเขาไกลจากที่นี่ราวร้อยลี้ มีเหมืองทองคำขนาดใหญ่ของแคว้นถังอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีทหารเฝ้าประจำอยู่เพียงสองพันเท่านั้น พวกเจ้าสนใจปล้นเหมืองกันไหม?” เหยี่ยลี่และทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน! สนใจอย่างไม่มีข้อแม้!
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ได้ แต่พวกเราต้องจบงานนี้ให้เร็ว ไปเลย!” จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็หายวับไปจากที่อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางป่าทึบบนเทือกเขาสลับซับซ้อน กลุ่มของเยี่ยฉวนขี่บนหลังสุนัขป่าสีดำทะมึนกำลังควบมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานคนทั้งหมดมาถึงจุดหมายปลายทางเหมืองทองคำ
ทันทีที่ทหารเห็นกลุ่มคนที่มาถึง พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามทหารเตรียมตั้งรับไม่มีทีท่าจะถอยร่นแม้แต่คนเดียว!
ทหารสองพันยืนเรียงหน้ากระดานดุจปราการขวางกั้น ทุกคนพร้อมที่จะตายในหน้าที่!
พลันเยี่ยฉวนกระโจนลงจากหลังสุนัขป่าโดยในมือกระชับกระบี่มหากาฬ ขณะเดียวกันพลังปฐพีเริ่มไหลรวมขึ้นสู่กายา!
ชายหนุ่มตวัดโซ่กระบี่มหากาฬมัดกับท่อนแขนจนแน่นหนา ทันใดนั้นเขาทะยานเข้าหากลุ่มทหารเบื้องหน้าพลางมือขวาจับกระบี่เล่มใหญ่พุ่งตรง ภายในกายกระแสพลังจิตวิญญาณการต่อสู้และปณิธานกระบี่พลุ่งพล่าน เมื่อกระบี่มหากาฬสัมผัสพื้น พลันบริเวณผิวหน้าดินที่ใต้ฝ่าเท้าเริ่มปริแตกร้าวลึกเป็นแนวยาว!
ที่เบื้องหน้าแนวกระดานของกองทหารสองพัน ทหารวัยกลางคนพุ่งออกทวนยาวกระแทกลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงปานสายฟ้าแล่บ “สู้ตาย!”
“สู้ตาย!” ฉับพลันทหารสองพันนายแผดเสียงพร้อมกับ พร้อมกับกระแทกทวนยาวลงบนพื้นดินสนั่นกัมปนาท ส่งพลังเคลื่อนไหวน่าเกรงขามยิ่ง
— จบตอน —
