บทที่ 269 สู้ตาย! (ต้น)
พูดผิด งั้นหรือ? เยี่ยฉวนอึ้ง พูดไม่ออกเป็นครู่
ชายสวมชุดดำเหลือบมองเหยี่ยลี่ แสยะแยกเขี้ยว “เจ้ามีเซียนกระบี่อยู่เบื้องหลังหรือไง?” จะว่าไป……ที่เขาหลีกเลี่ยงไม่อยากปะทะกับเยี่ยฉวน ด้วยเพราะยำเกรงต่อเซียนกระบี่กลัวว่านางจะออกมาปกป้องเยี่ยฉวนผู้เป็นศิษย์! ถึงอย่างไร เขาไม่ยอมให้ใครตีขลุมข่มกันง่ายๆ! แต่ถึงที่สุดแล้วเขาก็ไม่กล้าลงมือสังหารใครอยู่ดี
เซียนกระบี่! ชายชรายอมรับว่าเกรงกลัวเซียนกระบี่คนนั้นมาก มากมายเหลือเกิน……ไม่สิ หวาดกลัวน่าจะเหมาะกว่า
เมื่อกลุ่มคนกลับออกไปโดยการนำของเยี่ยฉวน จึงมีสายตาเคียดแค้นของเหล่าศิษย์ฉางมู่มองตามหลังไปด้วย! ไม่มีใครกล้าออกหน้า! คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในแคว้นถังที่มีขั้นพลังต่ำกว่าผนึกยุทธ์ หามีใครเก่งกล้าสามารถทัดทานกลุ่มคนเหล่านี้ได้เลยแม้แต่คนเดียว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นถึงอาวุโสยอดยุทธ์ผสานเทพก็ตาม!
ชายชราสวมชุดดำได้แต่นัยน์ตาตกมองพื้น ในที่สุดก็สั่นศีรษะพลางรำพึงแผ่วเบา “หลี่เสวียนชาง เป็นเพราะเจ้า ฉางมู่จึงต้องเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้!” บัดนี้สถานการณ์บ่งชี้ชัดว่า ถ้าไม่สถานศึกษาฉางมู่เป็นฝ่ายล่มสลาย เยี่ยฉวนก็ต้องตาย! ศัตรูคู่แค้นทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครยอมเลิกรา!
สถานการณ์ที่เป็นอยู่มีสาเหตุจากหลี่เสวียนชาง อาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียง! เมื่อมองย้อนกลับไป ครั้งหนึ่งเยี่ยฉวนคนนี้เคยขอเข้าเป็นศิษย์ฉางมู่! และตอนนี้……ถ้าจะบอกว่าไม่เสียดาย ย่อมหมายถึงกำลังโป้ปดมดเท็จ แน่นอนด้วยเวลานี้สถานศึกษาฉางมู่มุ่งแต่จะกำจัดชายหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวนเพียงถ่ายเดียว!
ต้องกำจัด! สถานศึกษาฉางมู่ไม่กล้าปล่อยให้เยี่ยฉวนเติบใหญ่ไปกว่านี้! ครู่ต่อมาชายสวมชุดดำจึงหันหลังและหายวับไปจากลานทันที ไม่มีใครรู้ว่าจุดหมายของเขาเป็นที่ใด
ในบริเวณสถานศึกษาฉางมู่ ตอนนี้กำลังยุ่งวุ่นวายเพราะทรัพย์สินสิ่งล้ำค่าได้ถูกลู่ป้านจวงเก็บกวาดไปจนสิ้น! หลายปีที่พวกเขาเก็บงำไว้ บัดนี้ถูกพวกเยี่ยฉวนมาชุบมือเปิบกวาดไปสิ้นแล้ว……
…
ภายหลังกลับออกมาจากฉางมู่ เยี่ยฉวนกับพวกก็มุ่งหน้าเข้าป่าลึกลัดเลาะไปตามซอกเขาอันสลับซับซ้อน ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงกัน ณ ที่แห่งหนึ่งเพื่อแบ่งทรัพย์ล้ำค่าที่เก็บกวาดได้!
ต่างคนต่างเอาสิ่งของที่ได้จากสถานศึกษาออกมาวางกองรวมกัน ลู่ป้านจวงกวาดตามองกองสิ่งของ พลันพูดว่า “ตอนนี้มีเหรียญทอง 270 เหรียญ ศิลาจิตวิญญาณอีกแปดดดดล้านชิ้น นอกจากนั้นก็มีคัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับต้นสามเล่ม ขั้นปฐพีระดับกลางหนึ่งเล่ม และสุดยอดขั้นปฐพีอีกหนึ่งเล่ม ทั้งยังมีศาสตราวุธชั้นธรรมดา 36 ชิ้นและสุดยอดศาสตราวุธ 15 ชิ้น ศาสตราวุธขั้นประกายแสงระดับต้นหนึ่ง และพวกเรายังได้คัมภีร์พลังปราณอีกสามเล่ม ซึ่งเป็นคัมภีร์ขั้นปฐพีระดับต้นทั้งหมด กับของล้ำค่าเบ็ดเตล็ดอื่นอีกหลายชิ้น ถ้าขายคงได้ไม่น้อยกว่ายี่สิบล้านเหรียญทอง หรือมากกว่านั้น……”
พูดจบนางก็สะบัดมือขวาเบาๆ พลันปรากฏศิลาจิตวิญญาณแปดชิ้นที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวนและคนอื่นๆ! ศิลาหยกจิตวิญญาณ! เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าถนัดตา ทุกคนก็ถึงกับเบิกตากว้าง ของล้ำค่าชนิดนี้มีคุณค่ายิ่งนัก! ด้วยเป็นสิ่งที่ใครทุกคนปรารถนามากที่สุด!
หญิงสาวเหลือบมองพลางว่า “ของนี้มีเพียงแปดชิ้น จะแบ่งได้ไม่ครบจำนวนคน ใครที่อยากได้เจ้าสามารถหยิบเอาไปได้ และข้าจะหักเงินที่เป็นส่วนแบ่งของคนผู้นั้นออก” เมื่อได้ยินหญิงสาวว่ามาเช่นนั้น เหยี่ยลี่และคนอื่นที่อยู่ในลานกว้างหันมองหน้ากัน ก่อนศิลาจิตวิญญาณจะถูกแบ่งไปจนครบถ้วน พวกเขาเสมือนคนในครอบครัว ดังนั้นจึงไม่ต้องเสแสร้งว่าเกรงใจต่อกัน
ในขณะนั้นลู่ป้านจวงหันไปทางหลิงฮั่นที่นั่งถัดออกไป พลันกดนิ้วลงจึงได้ปรากฏศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นปฐพีระดับต้นทะยานออกที่เบื้องหน้า! สิ่งนี้คืออาวุธทวน ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้อย่างหลิงฮั่นที่สุด! ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทแต่อย่างใด หลิงฮั่นรีบหยิบฉวยทวนขึ้นมาถือสายตาจับจ้องเชยชมความยินดี อาวุธชนิดนี้จะเพิ่มพูนสมรรถนะการต่อสู้ของเขาขึ้นอีกอย่างน้อยสองหรือสามส่วนทีเดียว! จากนั้นลู่ป้านจวงและเยี่ยฉวนช่วยกันแบ่งสรรปันส่วนของล้ำค่าที่ได้มาให้แก่ทุกคน
ในตอนนี้เยี่ยฉวนมีเหรียญทองแล้ว 320 เหรียญทอง กับสุดยอดศิลาจิตวิญญาณราวหนึ่งล้านชิ้น และยังได้คัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับต้นสามเล่ม คัมภีร์ขั้นปฐพีระดับกลางหนึ่งเล่มและมีคัมภีร์พลังปราณขั้นปฐพีระดับต้นสองเล่ม ไม่รวมคันธนูซึ่งนับเป็นสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ 13 คันธนู นอกนั้นก็เป็นของล้ำค่าที่ไม่ได้มีความหมายสำหรับเยี่ยฉวน แต่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับฉางหลาน
ครั้งนี้ถือว่าเป็นสุดยอดผลงาน! การมาเยือนสถานศึกษาฉางมู่คราวนี้ไม่เสียแรงเปล่า เพราะทุกคนได้กำไรอย่างงดงาม ความจริงอาจไม่ได้มากมายอะไรเมื่อของล้ำค่าถูกแบ่งให้ทุกคน ด้วยการฝึกฝนจำเป็นต้องใช้วัตถุเหล่านี้ในจำนวนมโหฬาร! ฝึกฝนยิ่งมาก เงินทองที่ต้องเสียไปอีกมาก!
ไม่ว่าใครต่างก็อยากเปลี่ยนอาวุธประจำตัวให้เป็นขั้นประกายแสงทั้งนั้น แต่อาวุธขั้นประกายแสงที่มีขายในท้องตลาดแต่ละชิ้นราคาสูงลิบลิ่ว ในเวลานี้ทุกคนในที่นั้นจึงรู้สึกอิจฉาหลิงฮั่นอยู่ไม่น้อย!
ตอนนี้สายตาทุกคู่หันมาทางเยี่ยฉวน ลู่ป้านจวงก็ยังหันมามองดูราวกับกำลังรอฟังเยี่ยฉวนเช่นกัน ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสายตานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้สถานะของพวกเราที่เมืองหลวงถูกเปิดเผยแล้ว ราชสำนักคงจัดเวรยามหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะวังหลวงแคว้นถัง จึงยากถ้าพวกเราจะบุกเข้าไปปล้น”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ เขาหยุดคิดก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “แต่ถึงแม้เราจะเข้าวังหลวงไม่ได้ แต่ยังมีตำหนักองค์ชายและบ้านตระกูลขุนนาง ล้วนน่าจะมีของล้ำค่ามากเหมือนกัน พวกเราไปขอยืมเอาจากที่นั่นก็แล้วกัน”
ลู่ป้านจวงงัดขนมชิ้นใหญ่ออกมาเคี้ยวตุ้ย ก่อนถามว่า “เราจะต้องคืนเงินให้มันไหม?” เยี่ยฉวนพูดหน้าตาเฉย “ข้าดูเป็นคนเหนียวหนี้หรือเปล่า?” อีกฝ่ายมองอย่างพิจารณา ก่อนจะตอบสุ้มเสียงจริงจัง “ตอบยากนะ!”
เยี่ยฉวน “……”
“ฮ่าฮ่า……” ทุกคนประสานเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเยี่ยฉวนได้นำคนทั้งกลุ่มออกจากป่าทึบ และอีกราวหนึ่งก้านธูปให้หลัง บรรยากาศในเมืองหลวงแคว้นถังเริ่มยุ่งเหยิงวุ่นวาย!
กลุ่มของเยี่ยฉวนมุ่งหน้าไปยังเรือนพักของเหล่าขุนนาง ราชบุตรราชธิดาและตระกูลใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวย ที่ใดที่คนทั้งกลุ่มไปถึง ที่นั่นจะถูกปล้นเอาทรัพย์สินของล้ำค่าไปจนหมด……หัวขโมยเยี่ยฉวน! ในเวลาเพียงไม่นาน ชื่อของเยี่ยฉวนและคนกลุ่มนี้ก็กระฉ่อนไปทั่วแคว้นถัง
— จบตอน —
