บทที่ 274 ตาต่อตา ตายเป็นตาย! (ปลาย)
หลังได้ยินคำถาม เยี่ยฉวนพลันชะงักฝีเท้า “เจ้าเลือกที่จะรอคนตามมาสมทบและค่อยต่อสู้ก็ได้แต่ไม่ทำ กลับเลือกที่จะสู้กันตัวต่อตัว ดังนั้นเมื่อรู้ผลแพ้ชนะพวกเราจึงควรจะยุติการต่อสู้”
ยุติเมื่อรู้ผล! เยี่ยฉวนพูดจบก็หันไปกระโดดขึ้นหลังเจ้าสุนัขป่าร่างยักษ์สีดำ หลู่ซวนเชี่ยนมองเยี่ยฉวนนิ่งนาน กระทั่งมีชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวออกเบื้องหน้า
สุดยอดผนึกยุทธ์! ชายชรากระแทกกำปั้นกับฝ่ามือคารวะต่อเยี่ยฉวน “ขอบใจสำหรับความเมตตา ตระกูลหลู่จะถือเอาความกรุณาครั้งนี้จดจำไว้ในใจ!” จากนั้นเขายกนิ้วมือชี้ออกไป พลันขวดหยกขาวจำนวนสิบขวดปรากฏออกที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน
“หือม์?” เยี่ยฉวนสีหน้าออกแสดงความสงสัย เสียงชายชรารีบชี้แจง “ข้างในขวดหยกจะมียาสมุนไพรสุดยอดโอสถเทพประสาน ถือว่าเป็นของขวัญแทนคำขอบใจจากตระกูลหลู่ก็แล้วกัน”
โอสถเทพประสาน! เมื่อได้ยินคำพูดสีหน้าของเยี่ยฉวนสดชื่นขึ้นทันตาเห็น ด้วยเวลานี้พวกเขาขาดแคลนยาดีๆ ใช้รักษาอาการบาดเจ็บมากที่สุด! มีความต้องการอย่างรุนแรง!
เยี่ยฉวนจัดการสะบัดข้อมือพลันขวดหยกทั้งสิบขวดตกลงที่เบื้องหน้าเหยี่ยลี่และคนอื่น เช่นนั้นจึงไม่มีเหลือให้ตนเองและลู่ป้านจวง เขาหันกลับมาทางชายชรา “เอ่อ……ผู้อาวุโส คือว่า……”
อีกฝ่ายดูท่าจะเข้าใจความหมายในท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า เขาจึงขยับนิ้วมืออีกครั้งพลันขวดยาหยกขาวสองขวดก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเยี่ยฉวน
ชายหนุ่มมองสิ่งของ สีหน้าเจื่อนเล็กน้อย “น่าอายอยู่หรอกนะ……” อย่างไรก็ตามเขาเอื้อมมือคว้าเอาขวดยาทั้งสองหมับ ชายชราส่ายหน้าพลางยิ้มๆ ชายหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวนดูเป็นคนละคนกับข่าวลือที่ได้ยินมา! เขาหยุดความคิดไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวนและหันไปหาหลู่ซวนเชี่ยนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง
ซึ่งขณะนั้นหลู่ซวนเชี่ยนกำลังมองไปทางเยี่ยฉวนพลางกล่าวว่า “ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง!” หลังจากนั้นจึงหันกลับและร่างหายวับไปกับชายชรา
หลู่ซวนเชี่ยนออกไปแล้ว ทำให้ความนิ่งกลับคืนทั่วบริเวณลานอีกครั้ง กองทหารแคว้นถังยังไม่มีความเคลื่อนไหว พวกเยี่ยฉวนก็ไม่เคลื่อนออกจากที่เช่นกัน ทุกคนจัดการกลืนยาสมุนไพรโอสถเทพประสาน เพราะพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์พร้อมที่จะต่อสู้ สองฟากฝั่งยังหยุดอยู่กับที่ ไม่มีฝ่ายใดเคลื่อนไหว!
ฟากเยี่ยฉวน พวกเขากำลังรอพวกที่กำลังมาช่วยเหลือ! เสียงหลิงฮั่นถามดังมาจากด้านหนึ่ง “พี่เยี่ย พี่ใหญ่ ถ้ากำลังเสริมของฝ่ายโน้นมาถึงก่อน จะเอาไงดี?”
พวกฝ่ายโน้นมาก่อน! ด้วยคำถามจี้จุดของใครอีกหลายคน ทำให้แต่ละคนชักสีหน้าแปรเปลี่ยน ถ้ากำลังเสริมของแคว้นถังมาถึงก่อน พวกเยี่ยฉวนต้องตกที่นั่งลำบากใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย
ต้องบอกว่าเมื่อถึงตอนนั้นสถานการณ์คงเลวร้ายอย่างยิ่ง! ลู่ป้านจวงไม่กล่าวว่ากระไร สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกเช่นเคย เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากออกยิ้มๆ “พวกเราจะทำอะไรได้เหรอ? สู้หรือยอมแพ้ ว่าไง?”
ยอมแพ้? ได้ยินเช่นนั้น คนอื่นๆ พากันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน อย่างที่เยี่ยฉวนบอกนั่นแหละ ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นอกจากสู้! ถึงกระนั้น ทุกคนต้องคิดให้รอบคอบ สู้ก็สู้!
จู่ๆ เยี่ยฉวนก็ขับสุนัขป่าออกไป มุ่งหน้าตรงไปทางกองทหารม้าหนักซึ่งคุมเชิงในที่ไกล เมื่อเห็นเช่นนั้นพลันทหารม้าหนักของแคว้นถังตั้งท่าเตรียมพร้อมทันที กองทหารติดอาวุธขึ้นสายธนูตั้งท่าเตรียมยิงทีละคนๆ ประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจก็ปาน
เยี่ยฉวนมิได้ใส่ใจกับการเตรียมพร้อมของทหารม้าหนัก เขาไปหยุดที่เบื้องหน้าเซี่ยโหวเต้าและกองกำลังเกราะดำซึ่งติดอาวุธดาบยาวโค้ง พลันชี้ปลายกระบี่ใส่หน้าเซี่ยโหวเต้าพร้อมตะโกนออกไปว่า “สู้กันตัวต่อตัว!”
ตัวต่อตัว! สายตาทุกคู่เบนไปมองเซี่ยโหวเต้า เขายืนนิ่งสายตาจ้องเขม็งตรงมายังเยี่ยฉวนโดยไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นว่าเซี่ยโหวเต้าไม่ตอบโต้อย่างใด เยี่ยฉวนจึงยกนิ้วโป้งส่งให้พลันชี้กลับลงไปที่พื้นพลางว่า “เจ้าขี้ขลาด!”
จากนั้นคนพูดหันหลังย้อนกลับไป ทันใดนั้นเซี่ยโหวเต้าเดินตรงแน่วออกจากที่ พุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนพร้อมดาบโค้งยาวในมือ เยี่ยฉวนชะงักหยุดกึก
พลันปรากฏชายวัยกลางคนออกมาขวางหน้าเซี่ยโหวเต้า! มู่ซ่วนชิง! เขาจ้องเขม็งที่หน้าเซี่ยโหวเต้า เสียงพูดอย่างใจเย็น “กลับไป”
ชายหนุ่มเบื้องหน้าตอบเสียงห้าวแฝงอารมณ์ขุ่นมัว “อาจารย์ ท่านก็ได้ยินที่มันพูดแล้ว!” ถ้าเขาถอยหลังกลับไป ความรู้สึกผิดจะกลายเป็นเชื้อร้ายกัดกร่อนอยู่ภายในใจตลอดเวลา!
มู่ซ่วนชิงนิ่งไปขณะหนึ่งพลันพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็จงยอมแพ้เสีย!” ยอมแพ้! ถ้ายอมแพ้ เรื่องที่เป็นติดค้างเป็นอุปสรรคกีดขวางก็จะมลายไปจากใจเสียสิ้น
เซี่ยโหวเต้ามองหน้าผู้เป็นอาจารย์แน่วนิ่ง “ข้ายอมไม่ได้ขอรับ!” ในแววตาของมู่ซ่วนชิงปรากฏร่องรอยผิดหวังฉายแว่บ “ถ้าเจ้ายอมรับตัวเองไม่ได้ แล้วจะบรรลุขั้นพลังอย่างไรได้?” พูดจบร่างของผู้พูดเลือนหายจากที่ไปทันที
เซี่ยโหวเต้ายังยืนนิ่ง ในมือกำดาบยาวโค้งแน่นหนา สีหน้าของคนยามนี้ทั้งหมองทั้งคล้ำ อย่างไรก็ตาม เยี่ยฉวนขี่บนหลังสุนัขป่าได้หันกลับมาเผชิญอยู่เบื้องหน้า เซี่ยโหวเต้าเงยหน้ามองมาจากในระยะไม่ไกลนัก จ้องหน้าเยี่ยฉวนไม่วางตา “ข้ายอมแพ้!”
ยอมแพ้! สิ้นเสียงคนพูดพลันดาบยาวโค้งในมือของเซี่ยโหวเต้าสั่นสะท้านอย่างแรง ในขณะนั้นเกิดแสงสว่างคายออกจากกายเป็นรัศมีเปล่งประกายเรืองรอง เขาใกล้บรรลุขั้นพลัง!
ฉับพลันนั้นมู่ซ่วนชิงย้อนกายมาปรากฏที่เบื้องหน้าของเซี่ยโหวเต้าอีกครา สายตาที่จ้องมองศิษย์เป็นประกายวาววับแฝงความยินดีอย่างชัดเจน คนหนุ่มหันมามองมู่ซ่วนชิงแววตากังขา “ทำไมเป็นเช่นนี้ขอรับ?”
อาจารย์ของเขาหัวเราะลั่น “ความรู้ตัวตนเป็นสิ่งสำคัญจงจดจำไว้! กลับฉางมู่ได้แล้ว!” เซี่ยโหวเต้าหันกลับมองมาที่เยี่ยฉวน ทำท่าเหมือนจะเอ่ยคำทว่ากลับหุบปากเฉยเสีย
มู่ซ่วนชิงส่ายหน้า “ทางนี้ข้าจะให้คนอื่นมาจัดการ เจ้าไปเถอะ” อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะหันกลับหลังหายลับไป ทันทีที่เซี่ยโหวเต้าลับกาย มู่ซ่วนชิงหันมาทางเยี่ยฉวน “พร้อมหรือยัง?”
เยี่ยฉวนยิ้มในหน้า “เชิญ!”
มู่ซ่วนชิงเหยียดมุมปาก พลันเขาผลักฝ่ามือข้างขวาดันออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นตำราเล่มหนาทะยานออกมาจากใจกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ปลิวสะบัดไปท่ามกลางสายลมก่อนจะค่อยพองขยายใหญ่ขึ้น จนในที่สุดปรากฏเป็นตำราเล่มยักษ์ลอยคว้างอยู่ในอากาศทั้งยังขยายขนาดยาวขึ้นเป็นหลายจั้ง
เมื่อลมสงบนิ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันชั่วขณะ ตำรายักษ์แง้มเปิดออกทีละน้อยพลันปรากฏขั้นบันไดทอดยาวลงมาเมื่อตำราเปิดกางจนสุดลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง!
ราวหนึ่งหรือสองชั่วลมหายใจต่อมา กลุ่มคนขี่อยู่บนหลังอาชาที่มีเปลวไฟลุกโชนราวยี่สิบม้าพุ่งออกจากตำราเล่มใหญ่ทะยานลงมาตามขั้นบันได กลุ่มคนขั้นพลังผสานเทพ!
ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาอาชาอัคคีที่มีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงเหล่านี้ยังเป็นอาชาพลังขั้นสันโดษ!
เสียงหลิงฮั่นอุทานด้วยความตกตะลึง ใบหน้าซีดเผือด “ขุนศึกแห่งเต๋า……ขุนศึกแห่งเต๋าหน่วยอารักขาสถานศึกษาฉางมู่……พวกมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ……”
— จบตอน —
