บทที่ 291 ถามข้าหรือยัง? (ปลาย)
บัดนี้ ชายหนุ่มเยี่ยฉวนกำลังบอกว่าต้องการคัดเลือกสัตว์อสูรเป็นศิษย์! ทั้งไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในแผ่นดินชิง! สายตาของราชาเขาหมางมองเยี่ยฉวน ยากจะเดาความคิดของเขาในเวลานั้น “เจ้าพูดจริงหรือ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าหนักแน่น “จริงขอรับ ถ้าพวกเขาเข้าร่วมกับสถานศึกษาข้าจะดูแลให้ได้รับความเท่าเทียม อีกอย่างท่านอาจเคยได้ยินเรื่องที่ข้ามีศัตรูมากมายรายรอบ และข้ายังมีจุดหมายที่ยิ่งใหญ่คือจะทำให้ฉางหลานเป็นสถานศึกษาที่ดีที่สุดในแผ่นดินชิง เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเขามาร่วมกับเรา เพื่อตัวของพวกเขาเองซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับการพัฒนา แต่โอกาสก็เต็มไปด้วยอันตรายตามมาด้วยเช่นกัน”
ราชาอสูรสัตว์เขาหมางมองสบตาของพูดนิ่ง หามิได้เอ่ยวาจาออกมาแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มเงียบเสียงลงเช่นกัน เขาได้พูดในสิ่งที่อยากพูดอย่างเปิดอกทั้งหมดแล้ว ครานี้ถึงคราวของราชาสัตว์อสูรบ้าง
เมื่อผ่านไปพักใหญ่ไป่เจ๋อพลันเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ พี่ใหญ่คิดว่านี่เป็นโอกาสของเขาหมางแล้วขอรับ พวกพี่ๆ เหล่านั้นจะได้มีโอกาสออกไปเห็นโลกภายนอก ข้างนอกกว้างใหญ่นักอีกทั้งคนข้างนอกก็มีแต่คนกล้าแกร่งทั้งนั้น” หลังจากได้พบกับพวกหลิงฮั่นและคนอื่นอีกหลายคน ทั้งไป่เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีรู้สึกว่าตนเองช่างอ่อนต่อโลกนัก
คนเหล่านั้นกล้าแกร่งแท้จริง! เมื่ออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนอย่างหลิงฮั่นและพวกของเขาจัดว่าพื้นธรรมดาหาใช่อันดับต้น โลกกว้างใหญ่ยังมีสุดยอดของยอดฝีมืออีกมากมาย!
หลังจากนิ่งไปอึดใจ ราชาเขาหมางหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะดูแลให้เท่าเทียมกันได้?” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ได้แน่นอน ข้ารับรองว่าจะสนับสนุนทุกอย่าง รวมทั้งฝึกฝนให้พวกเขากล้าแกร่งขึ้นให้จงได้”
ผู้อาวุโสโต้แย้งรวดเร็ว “การจะฝึกสัตว์อสูรให้เชื่องนั้นไม่ใช่ง่าย ถ้าพวกมันไปอยู่ที่ฉางหลาน พวกมันจะเป็นตัวของตัวเองไร้ซึ่งขีดจำกัด หรืออาจมีพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ เจ้าจะรับมือไหวหรือ?”
เยี่ยฉวนยกมุมปาก “ถ้าพวกมันสามารถเอาชนะข้าได้ ก็เชิญมันทำทุกอย่างที่ต้องการ แต่หากชนะข้าไม่ได้ พวกมันจะต้องเชื่อฟัง มิเช่นนั้นมันจะถูกลงโทษ!”
ราชาเขาหมางนิ่งเงียบก่อนผงกศีรษะช้าๆ “ดี ถ้าเช่นนั้น สัตว์อสูรแห่งเขาหมางจะร่วมกับสถานศึกษาฉางหลาน ไหนลองบอกสิว่าเจ้าอยากได้สัตว์อสูรชนิดใดไปที่ฉางหลาน?”
ชายหนุ่มตอบทันที “พวกที่สำเร็จขั้นพลังสันโดษแล้วขอรับ” อีกฝ่ายผุดลุกขึ้นจากที่ เดินออกไปทางปากถ้ำ “ตามมา!” เยี่ยฉวนและไป่เจ๋อรีบลุกตามออกไปทันที
คนที่เดินนำออกไป ราชาเขาหมางกระทืบเท้าขวาลงบนพื้นหนึ่งครั้ง พลันพื้นแผ่นดินในละแวกเกิดการสั่นสะเทือนไหวโยก จากนั้นไม่นาน บริเวณโดยรอบมีความสั่นคลอนประหลาด เพียงครู่เดียวฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ปรากฏออกจากแนวป่า สัตว์มากมายหลากหลายชนิดทยอยออกมารวมกันเบื้องหน้าคน
ราชาเขาหมางกวาดตามองไปรอบบริเวณ “สัตว์อสูรพลังขั้นสันโดษจงก้าวออกมา!” ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ สัตว์อสูรกว่ายี่สิบเดินออกมาหยุดที่เบื้องหน้าของเขาเอง
เยี่ยฉวนนับด้วยสายตาได้ว่ามีจำนวนสัตว์อสูรพลังสันโดษ 27 ตัว เขามองแว่บเดียวก็รู้ว่า บรรดาสัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นระดับยอดเยี่ยมแห่งเทือกเขาหมาง เสียงราชาเขาหมางพูดกับเยี่ยฉวนว่า “ทั้งหมดมี 27 สัตว์อสูร นอกนั้นเป็นสัตว์อสูรพลังทะยานสวรรค์ทุกตัว”
เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางก้าวออกไปเบื้องหน้าฝูงสัตว์อสูร ซึ่งขณะนั้นสัตว์อสูรทุกตัวกำลังมองมาที่มนุษย์ตัวจ้อยที่ออกมายืนเผชิญหน้าเช่นกัน สายตาของมันแสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่
ชายหนุ่มมองสำรวจโดยรอบครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลือกได้สัตว์อสูรทะยานสวรรค์มาอีกสาม ซึ่งเป็นสัตว์อสูรพลังสุดยอดทะยานสวรรค์ทั้งหมด แต่ละตัวเปล่งประกายเจิดจ้าอันเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกมันใกล้บรรลุขั้นพลังในไม่ช้า!
บัดนี้มีสามสิบสัตว์อสูร! เยี่ยฉวนหันไปทางราชาเขาหมาง และคนผู้นั้นจึงมองไปทางสัตว์อสูรพลันชี้มือมายังเยี่ยฉวน “นับแต่นี้ไปพวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา ถ้าตัวไหนไม่ยินยอมให้ออกมาท้าประลองกับเขาเดี๋ยวนี้”
มนุษย์ให้ความนับถือคนที่แข็งแกร่ง สัตว์อสูรก็เฉกเช่นกัน! ในเมื่อเยี่ยฉวนต้องการคัดเลือกสัตว์อสูรที่เปี่ยมด้วยพละกำลัง ดังนั้นเขาต้องทำให้พวกมันยอมรับให้ได้ ครั้งนี้เป็นการทดสอบเยี่ยฉวนด้วยเหมือนกัน
หากเยี่ยฉวนไม่แข็งแกร่งหรือเก่งกล้าพอแล้ว ราชาเขาหมางจะไม่ยอมให้พวกสัตว์อสูรกลับไปฉางหลานด้วยอย่างแน่นอน เมื่อได้ยินเช่นนั้น สัตว์อสูรที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหันมองกันและกัน ในที่สุดตัวหนึ่งก้าวออกมาประจันหน้ากับเยี่ยฉวน
เจ้าสัตว์อสรตัวนี้รูปร่างละม้ายสิงโต ทว่ามีขนาดใหญ่มหึมาและความสูงคะเนได้สิบกว่าเมตร เมื่อมันเดินมาหยุดเบื้องหน้าเยี่ยฉวน ทำให้คนกลายเป็นตัวเล็กไปถนัดตา
ดวงตาแข็งกร้าวทั้งคู่เหลือบมองมนุษย์เบื้องหน้า ทันใดนั้น มันยกอุ้งตีนทั้งสองขึ้นพลันตวัดตบลงที่คนอยู่เบื้องล่างอย่างรุนแรง
เมื่ออุ้งตีนขนาดใหญ่ตบลงมานั้นความรุนแรงปานเนินเขาลูกย่อมถล่มใส่ อีกทั้งพลังเคลื่อนไหวที่กระแทกลงบนพื้นดินทำให้พื้นใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยฉวนไหวโยกและแตกร้าวในทันที
ตู้ม! เสียงดังสนั่นปานพสุธากัมปนาท ฉับพลันนั้นร่างมหึมาของเจ้าสิงโตยักษ์กลับลอยละลิ่วไปหลายสิบจั้ง! ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ในบริเวณตกตะลึงตัวแข็งขึงกับที่ จากนั้นพลันเบนสายตากลับมายังคนตัวเล็กเบื้องหน้า ซึ่งเยี่ยฉวนยังยืนสงบนิ่ง แทบไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่เดิม กับที่รอบๆ กายของเยี่ยฉวน ณ เวลานี้ พลังลึกลับค่อยกระจายออกห่าง
นี่คือพลังปฐพี ด้วยบัดนี้เยี่ยฉวนเลือกใช้พลังปฐพี หาไม่ลำพังความกล้าแกร่งทางกายคงไม่ทำให้เขาบดขยี้สัตว์อสูรตัวนั้นได้ และหากเขาเลือกใช้กระบี่ ก็คงต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อตลอดจนชีวิตเป็นแน่ ถ้าใช้กระบี่หลิงซิ่วฟาดฟันเจ้าสัตว์อสูร คงไม่มีอะไรจะช่วยได้!
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังฝูงสัตว์อสูร “ใครยังข้องใจอีกไหม?”
ตัวอื่นในฝูงหันมองกันไปมา ทว่าหามีตัวไหนก้าวออกมาไม่
เยี่ยฉวนหันไปทางราชาเขาหมาง คนผู้นั้นหันไปมองเหล่าสัตว์อสูรพร้อมออกคำสั่ง “พาพวกมันไปได้”
ชายหนุ่มจึงไม่โอ้เอ้อยู่บนภูเขาหมางอีกต่อไป ดังนั้นหนึ่งก้านธูปต่อมาเยี่ยฉวนและไป่เจ๋อพร้อมฝูงสัตว์อสูรจำนวนสามสิบก็มุ่งหน้ากลับมายังเมืองชายแดนเพื่อสมทบกับพวกหลิงฮั่น
ในระหว่างทางนั้นเอง พลันศิลาถ่ายทอดสัญญาณซึ่งเยี่ยฉวนถือไว้ในมือบังเกิดการสั่นสะเทือน จากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำอย่างประหลาด
ไป่เจ๋อสังเกตเห็นอากัปกิริยาของเพื่อนร่วมทาง “เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไกลสุดสายตา “อาณาจักรต้าอวิ๋นให้คนนำสารมา แจ้งว่าฮ่องเต้แห่งต้าอวิ๋นจะสู่ขอองค์หญิงเก้าไปเป็นสนมเอกขององค์ฮ่องเต้!”
ขณะที่พูดนั้น เยี่ยฉวนเหวี่ยงศิลาถ่ายทอดสัญญาณทิ้ง พลางพูดเสียงกร้าวทำนองเย้ยหยัน “สนมเอกกะผีอะไร! พวกมันถามข้าแล้วยัง?!”
