บทที่ 310 ทุกข์ด้วยกัน ตายด้วยกัน! (ต้น)
ยิงเกาทัณฑ์!
เจียงจิ่วสั่งการทั้งสีหน้าเรียบเฉยมิได้ส่ออารมณ์แต่อย่างใด
เอาแต่อารมณ์! นางเอาแต่อารมณ์ได้หรือ?
ถ้ากองทัพแคว้นชูพังประตูเมืองเข้ามาได้ ทหารข้างในจะต้องตายอีกนับไม่ถ้วน อย่างว่าแต่ทหารที่ต้องตาย……แม้ประชาชนพลเรือนก็คงถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปด้วย!
จะต้องมีคนตายนักต่อนัก! นางต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของพวกเขา! ถึงแม้เต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรง แต่ยามนี้ไม่มีทางเลือกใดที่ดีกว่านี้! ไม่มีทางเลือก!
ขณะที่ความคิดคำนึงสายตาของเจียงจิ่วกวาดมองไปยังกลุ่มทหารแคว้นชูที่เชิงกำแพงเบื้องล่าง นัยน์ตาแดงก่ำ หามิได้มีร่องรอยของการเอาแต่อารมณ์แต่อย่างใด ที่บนกำแพงนั้น สายตาของทหารทั้งหลายเต็มไปด้วยความลังเลใจ ทหารก็เป็นพลเมืองแคว้นเจียง!
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับคำสั่งพวกเขาก็ต้องทำ! หมดหนทาง! อับจนหนทางสิ้นเชิง! ขณะที่ทหารบนกำแพงเริ่มเคลื่อนไหว พลันรองแม่ทัพคนหนึ่งชี้มือลงไปทางเบื้องล่าง พลางส่งเสียงดังขึ้นอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ทัพ ดูนั่น!”
เจียงจิ่วเงยหน้าขึ้นมองออกไปตามเสียงจึงได้เห็นสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา คนหลายคนขี่หลังสุนัขป่าร่างยักษ์สีดำ 12 ตัว กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้! เยี่ยฉวน!
ขณะที่มองเห็นได้ถนัดชัดเจนแล้วว่าเป็นเยี่ยฉวน ปฏิกิริยาของทหารบนกำแพงเริ่มเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉง! “ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเยี่ยฉวน!” เสียงของใครบางคนตะโกนออกมา หลังจากนั้น หลายเสียงบนกำแพงตะโกนบอกต่อกันเป็นทอด
ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเยี่ยฉวน! เวลานี้เสียงตะโกนดังกึกก้องสะท้อนไปมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า! เมื่อสายตาปะทะกับเยี่ยฉวน เจียงจิ่วสีหน้าค่อยคลายความเคร่งเครียดลงเล็กน้อย และมือที่เกาะกุมไว้เริ่มคลายออกซึ่งปรากฏโลหิตหยดไหลลงมาจากฝ่ามือ……
เยี่ยฉวนและกลุ่มคนทั้ง 11 ขี่หลังสุนัขป่าสีดำเห็นได้แต่ไกล และกำลังมุ่งตรงเข้าหากองทัพทหารของแคว้นชู ทั้งสิบคนล้วนเป็นยอดยุทธ์ผสานเทพ ส่วนเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงนั้นกล้าแกร่งยิ่งกว่าคนในขั้นพลังผสานเทพ คนทั้ง 12 เปล่งประกายเจิดจรัสแผ่รัศมีกระจายออกภายนอกกายของแต่ละคน เป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ไม่น้อย!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเพียง 12 คน เท่านี้ หากพลังเคลื่อนไหวก็มิได้ด้อยกว่ากองทัพน้อยเลย! ด้วยความรวดเร็วของเยี่ยฉวนและคนอื่นซึ่งมีอยู่เป็นทุนเดิม ดังนั้น ในเวลาไม่นานคนทั้งกลุ่มจึงเข้ามาเผชิญหน้ากับกองทัพทหาร ทหารม้าที่คุมกำลังอยู่เบื้องหลังกองทัพทหารแคว้นชูยังมิทันแสดงปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด!
เพราะเยี่ยฉวนและกลุ่มของเขาปรากฏตัวออกมาในเวลารวดเร็วยิ่งนัก! “ฆ่ามัน!” เสียงตะโกนของเยี่ยฉวนดังลั่นปานฟ้าผ่าขณะที่คนทะยานนำหน้าไป!
กระบี่พุ่งออกมาจากกายา ทอแสงเป็นประกายแว่บวาบประหนึ่งอสุนีบาต เมื่อกระบี่โฉบเข้าหากองทหารฉับพลันนั้น ศีรษะนับสิบหัวกระเด็นกระดอนไปในอากาศ!
“ฆ่ามัน!” โดยมีเสียงหลิงฮั่นและคนอื่นซึ่งควบตามหลังมาติดๆ ดังประสานเป็นเสียงเดียว ไม่ยอมปล่อยให้หนีรอด! เมื่อกลุ่มคนพุ่งตรงมาถึงกองทัพทหาร พวกเราเริ่มลงมือสังหารโดยไม่รีรอ ลำพังฝีมือของทหารเหล่านี้ไหนเลยจะต้านทานไหว แน่ละอย่าว่าแต่ต้านทานพวกมันไม่ทันตอบโต้ด้วยซ้ำ ความสับสนอลหม่าน อีกทั้งเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนทหารตั้งรับไม่ทัน
ในตอนนี้ มีเสียงของเจียงจิ่วสั่งบัญชาการ “เปิดประตูเมือง!” ที่เชิงประตูเมือง ทันทีที่ประตูแง้มเปิดพลเมืองแคว้นเจียงต่างกรูกันเข้าเมือง ขณะเดียวกัน กองทหารเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากออกไปนอกเมือง
“อย่าไปกลัว!” คนผู้หนึ่งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางกองทหารราบแคว้นชู ผู้บัญชาการวัยกลางคนออกคำสั่งเสียงดังปานฟ้าผ่า “เกาะกลุ่มคนห้าคน ทันที……”
จังหวะนั้น ลำแสงแห่งกะบี่ฉายวาบตัดข้ามลาน ทันใดนั้นเอง ปลายกระบี่พุ่งเสียบทะลุกึ่งกลางหว่างคิ้วของผู้บัญชาการคนเมื่อกี้ ทำให้เสียงสั่งการของคนสะดุดลงกระทันหัน! มิเพียงเท่านั้น ผู้บัญชาการคนอื่นต่างร่วงผล็อยลงไปตามกัน……จัดการหัวหน้าตัวสั่งการก่อน จึงค่อยจัดการลูกน้อง!
เมื่อผู้นำกองทหารสิ้นชีพเสียแล้ว ทัพทหารของแคว้นชูต่างก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน! ต้องหนี! เวลาต่อมา ทหารหลายคนเริ่มคิดที่จะหลบหนี ทว่าทั้งเยี่ยฉวนและเจียงจิ่วไม่เปิดโอกาสให้พวกมันหนีรอด คนทั้ง 11 และเยี่ยฉวนทะยานเข้าสกัดกั้น หลังจากนั้น ไม่ว่าพวกเขาผ่านไปทางไหน ทางนั้นจะปรากฏแต่ซากศพ
ทหารเลวหรือจะต้านทานคนทั้งกลุ่ม! ทหารราบจากแคว้นชูหลายคนหันหลังวิ่งหนี ขณะที่เยี่ยฉวนและกลุ่มคนไล่ติดตามพวกมันไป
ที่เบื้องหน้ากองกำลังทหารม้าแห่งแคว้นชู ชายวัยกลางคนชูกระบี่ขึ้นสุดแขน “บุก!” พลันทหารม้านับแสนส่งเสียงขานรับดังปานฟ้าผ่าพร้อมเคลื่อนกำลังพลมุ่งหน้าออกไปทันที ด้วยจำนวนม้าที่มีมากส่งผลให้พื้นดินสั่นไหวราวแผ่นดินจะถล่ม กองทัพม้านับแสนเคลื่อนกำลังออกพร้อมกัน จะน่าเกรงขามขนาดไหน?
เยี่ยฉวนชะงักหยุดกึก พลอยให้หลิงฮั่นและคนอื่นหยุดการไล่ล่าไปด้วยทันที เจียงจิ่วติดตามมาหยุดที่ด้านข้าง พลันออกคำสั่ง “ถอย!” เยี่ยฉวนพยักหน้า “ถอย!” ไม่นานนักเยี่ยฉวนและพวกพร้อมด้วยทหารแคว้นเจียง รีบรุดถอนกำลังย้อนกลับเข้าเมืองจนหมดสิ้น
ทหารม้าแคว้นชูซึ่งนำกำลังมาถึงที่บริเวณนอกกำแพงต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทหารม้าพวกนี้ไม่ใช้วิธีทำลายประตูเพื่อบุกเข้าเมือง บัดนี้ กองทัพสองแคว้นเผชิญหน้ากันโดยฝ่ายหนึ่งอยู่บนกำแพงและอีกฝ่ายอยู่ด้านล่าง!
ที่ด้านล่างกำแพงเบื้องหน้ากองทหารม้า ชายวัยกลางคนควบม้าแหวกทางกลุ่มทหารตรงมาทางประตูเมืองซึ่งปิดสนิท คนที่นั่งบนหลังม้าเงยหน้าเล็กน้อยมองขึ้นไปทางเยี่ยฉวนที่บนกำแพงเมือง “เจ้าคือเยี่ยฉวนผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเจียงสินะ?”
คนที่ยืนด้านข้าง เจียงจิ่วกระซิบพูดกับเยี่ยฉวนแผ่วเบา “คนผู้นั้นคือแม่ทัพม้าแห่งแคว้นชู เซียวอวิ๋นซาน เขาเป็นขั้นพลังสุดยอดผสานเทพ”
เยี่ยฉวนพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ จากนั้นจึงตะโกนลงว่า “เจ้าต้องการอะไร?” เซียวอวิ๋นซานตอบกลับ “ได้ยินชื่อเสียงมานานว่า เจ้าเป็นหนึ่งสุดยอดฝีมือแห่งแคว้นเจียงนอกจากอันหลานซิ่ว วันนี้ข้ามาจะขอประลองฝีมือด้วย”
เมื่อได้ยินคนตอบ เจียงจิ่วนิ่วหน้าเล็กน้อยพลางว่า “ท่าทางไม่ชอบมาพากล คนผู้นี้เป็นถึงผู้บัญชาการรบ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะยอมเสี่ยงตายคนเดียวในสถานการณ์เช่นนี้!” ทันใดนั้นเอง ทหารแคว้นเจียงบนกำแพงต่างพากันตะโกนเสียงดังกระหึ่ม “สู้มัน!”
“สู้มัน!” หลังจากนั้นไม่นาน ทหารนับหมื่นต่างตะโกนโห่ร้องเป็นเสียงเดียวกัน จนเสียงดังสนั่นปานฟ้าถล่ม ด้วยความดังที่อื้ออึงไปทั่วบริเวณ เวลานั้น สายตาทุกคู่ที่มองตรงมายังเยี่ยฉวนทั้งตื่นเต้นเต็มไปด้วยความหวัง!
ในแคว้นเจียงบารมีของเยี่ยฉวนนับว่ามากโข มากเหลือเกินทีเดียว ทั้งพลเมืองและทหารต่างลงความเห็นว่าเยี่ยฉวนเสมือนหนึ่งยอดฝีมือไร้เทียมทาน! เขาเป็นผู้ฝึกกระบี่แห่งแคว้นเจียง! เป็นความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างที่ไม่อาจหาคำใดมาอธิบาย ความคาดหวังในตัวเยี่ยฉวนจึงมากมายนัก!
