บทที่ 318 ยอมแพ้หรือยอมตาย! (ต้น)
……
กระบี่ซึ่งแขวนอยู่บนยอดหอคอยแห่งเรือนจำ เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย……
……
เยี่ยฉวนไม่ทันสังเกตเห็น!……
..
ด้านนอกตัวอาคารหอคอย
เยี่ยฉวนคลายมือที่กำแน่นออกเพียงครึ่งเดียว พร้อมกับสูดลมหายใจรับอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ช่วงเวลานั้น เขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายจากความกังวลใดๆ ทั้งปวง!
มิใช่ความรู้สึกอย่างเดียวที่ผ่อนคลาย ทว่าจิตใจก็ผ่อนคลายด้วย
เมื่อก่อนเยี่ยฉวนไม่ค่อยมั่นใจเส้นทางกระบี่ของตนเองว่าที่แท้คือสิ่งใดกันแน่ ‘ความรู้สึกไม่มั่นใจ’ ทำให้ไม่กระจ่างชัดแจ้งต่อเส้นทางกระบี่ของตนเอง!
อย่าว่าแต่เส้นทางกระบี่ แม้แต่ปณิธานกระบี่ก็ยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร!
บัดนี้ ทุกอย่างกระจ่างชัดเจน ดุจดั่งท้องฟ้าที่แจ่มใสหลังจากเมฆหมอกจางหายก็ปาน!
ความดีและความชั่ว!
ความคิดอาจมีทั้งคิดดีและคิดชั่ว!
อันที่จริงปณิธานกระบี่ของเยี่ยฉวนหาได้เป็นปณิธานแห่งความดีและความชั่ว ทว่าเป็นแต่เพียงต้นแบบต่างหาก เมื่อวันหนึ่งที่เขาเกิดความถ่องแท้ เมื่อนั้น ปณิธานกระบี่ของเยี่ยฉวนจึงจะกลายเป็นปณิธานแห่งความดีและความชั่ว!
สิ่งหนึ่งที่เยี่ยฉวนค้นพบได้ในเวลานี้ คือ ปณิธานกระบี่ที่กล้าแกร่งขึ้นกว่าเดิม!
ถ้าตอนนี้เขามีโอกาสประมือกับชายสวมชุดเทาซึ่งเคยพบกันมาก่อนอีกสักครั้ง เขามั่นใจว่าจะสามารถใช้ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาสยบคนผู้นั้นได้ภายในห้ากระบวนท่า!
ในปณิธานกระบี่มีพลังปราณหรือไม่?
คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ ทว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลยที่เขาไม่อาจหาคำตอบได้
ด้วยขณะนี้ สตรีผู้เป็นอาจารย์เซียนกระบี่ยังไม่ละจากกรรมฐาน!
เยี่ยฉวนจึงไม่เสียเวลาครุ่นคิด และออกเดินตรงไปทางแม่น้ำ
ชายหนุ่มหยุดยืนที่ริมฝั่ง จากนั้นจึงค่อยเหยียดฝ่ามือข้างขวาและหงายฝ่ามือดันขึ้นจากล่างสู่บน เมื่อปะทะกับสายลมที่เคลื่อนที่มาปะทะ เขาจึงรับรู้ถึงความสงบเยือกเย็นบนฝ่ามือ
ความรู้สึก!
เสมือนกับการฝึกทักษะดวงตากระบี่ สัมผัสสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยความรู้สึก
ขณะหนึ่ง เยี่ยฉวนไม่เพียงใช้ความรู้สึกสัมผัสเท่านั้น แต่เขาดึงมันออกมา!
ครั้งที่ปะทะกับชายสวมเสื้อสีเทา เยี่ยฉวนผนึกรวมจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และปณิธานกระบี่เข้ากับแรงผลักดันแห่งกระบี่ ชั่วขณะนั้นเขาฉุกใจคิด ในเมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของตนเองและปณิธานกระบี่สามารถผนึกรวมกับแรงผลักดันแห่งกระบี่ได้ แล้วอย่างอื่นเล่า?
ยกตัวอย่างเช่นลมและดิน……
เยี่ยฉวนกระทืบเท้าลงบนพื้นดิน ครั้งนี้เขาไม่ใช้กฎแห่งเต๋าเพราะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งอื่นอยู่แล้ว เหมือนสินค้าสำเร็จรูป หาใช่สิ่งได้มาด้วยตนเองไม่!
ชายหนุ่มเริ่มออกเดิน ครู่ต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่า ‘แรงผลักดัน’ กำลังแผ่กระจายออกจากร่างกายสู่ภายนอก
แรงผลักดันแห่งกระบี่!
จังหวะนั้น จิตวิญญาณการต่อสู้และปณิธานกระบี่ค่อยผสานเข้ากับแรงผลักดันของเยี่ยฉวนทีละน้อยๆ แม้แต่ลมที่พัดโชยมาปะทะฝ่ามือก็หยุดชะงัก และไหลเลื่อนรวมเข้าหาแรงผลักดันในกายของเขา ขณะนั้น พื้นแผ่นดินที่เหยียบยืนเริ่มไหวสั่น ฉับพลันนั้นสำแสงแห่งพลังปฐพีจากพื้นดิน หลากเข้าหาร่างกายคนผ่านเข้าทางฝ่าเท้า จนในที่สุด ก็ไหลรวมตัวเป็นกระแสพลังสู่แรงผลักดันของเยี่ยฉวน
ขณะที่ต่อมานั้นเอง แรงผลักดันที่เปล่งประกายออกจากร่างกายของเยี่ยฉวนเกิดภาพทรงพลังน่าหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด!
บริเวณตรงกลางแม่น้ำฝั่งขวาเริ่มเดือดปุด ขณะเดียวกัน ทุกที่ที่เยี่ยฉวนก้าวย่างพื้นดินเกิดการยุบถล่ม……
แรงผลักดัน!
การดึงเอาแรงผลักดันออกมา!
เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีเมื่อค้นพบว่าแท้จริงแล้วแรงผลักดันสามารถดึงออกมาได้! และไม่เพียงดึงออกมาใช้งาน หากยังสามารถผสานสิ่งแวดล้อมได้ด้วย!
เขาผสานสิ่งแวดล้อมทั้งมวลเข้าสู่แรงผลักดัน
เหมือนกับการผสานจิตวิญญาณการต่อสู้และปณิธานกระบี่……เมื่อสองประสานเข้าสู่แรงผลักดันแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวน กระบี่ก็มิใช่ใช้ออกด้วยแรงผลักดันแห่งกระบี่เท่านั้น!
แรงผลักดันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่าง!
ถ้าจะพูดให้ถูก สิ่งนี้มิได้เป็นเพียงแรงผลักดันของเขาเท่านั้น!
แรงผลักดันของบุคคลแต่ละคนมีขีดจำกัด อุปมาน้ำในถ้วยความสามารถของถ้วยในการบรรจุน้ำมีข้อจำกัด แต่ถ้าเรานำถ้วยไปวางในถังและทุบถ้วยให้แตก บุคคลก็สามารถตักน้ำมาเติมลงไปได้อีก
แรงผลักดันก็เหมือนน้ำ ถ้าเยี่ยฉวนต้องการในปริมาณมาก เขาต้องทะลวงคอคอดที่ตีบตันเสียก่อน!
ชายหนุ่มยังคงสาวเท้าเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ขณะนั้นแรงผลักดันเริ่มทะยานขึ้นจากพื้นผิวน้ำทีละน้อย
แรงผลักดันแห่งสายน้ำ!
แรงผลักดันแห่งสายน้ำค่อยๆ ทยอยไหลหลากมาทีละน้อยๆ……
ตู้ม!
พลันพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยฉวนมิได้ปริแตก แต่พื้นดินระเบิดกระจัดกระจาย
แรงผลักดันที่ไหลรวมเข้าสู่ร่างกายนั้นเกินขีดความสามารถที่พื้นดินจะรับไหว
มันฉุดไม่อยู่!
เมื่อประสานเข้ากับปณิธานแห่งความดีและความชั่วของเยี่ยฉวน ณ เวลานี้ เชื่อได้เลยว่าเขาสามารถสังหารยอดยุทธ์ขั้นสันโดษได้ง่ายดายด้วย ‘พลังปณิธาน’ ที่ว่านี้ และถ้าตอนนี้เยี่ยฉวนพบชายสวมเสื้อเทาที่เคยพบกันก่อนหน้า เขาเชื่อมั่นว่าจะสังหารคนได้ภายในสามกระบวนท่า หากเป็นทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาแล้วล่ะก็ บางทีอาจใช้เพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น!
ความกล้าแกร่งมิได้วัดกันแค่พลังชี่หรือปราณ หากสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือจะต้องมีเคล็ดวิชาวิทยายุทธ์ แรงผลักดัน ประสบการณ์ในทางปฏิบัติและทฤษฎี ส่วนเยี่ยฉวนมีทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วยกเว้นพลังปราณ ถ้าเขาสำเร็จขั้นพลังผสานเทพเมื่อใด พลังความแข็งแกร่งจะยิ่งทะยานสูงกว่าระดับพลังปราณ!
เยี่ยฉวนชะงักหยุดลงทันที โดยกดฝ่ามือข้างขวาลง “สลายตัว!”
ขาดเสียงสั่งการ แรงผลักดันที่กำลังไหลหลากเข้าสู่ภายในหายวับปราศจากร่องรอยในฉับพลันทันใด
และแม่น้ำกลับคืนสู่สภาวะสงบนิ่งดังเดิม!
จ้าวกระบี่!
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก ตอนนี้เขากลับกลายเป็นจ้าวกระบี่โดยแท้จริง!
พลันเขาทำท่าเหมือนจะนึกออกบางสิ่ง จึงยกนิ้วชี้จิ้มออกไปเบื้องหน้า พลันรังสีกระบี่พุ่งวาบออกไปกลางลานโล่ง ณ สถานที่ห่างไปราวสามสิบจั้ง ปรากฏกิ่งไม้หักเปาะจากลำต้นร่วงลงมา เมื่อกิ่งไม้ตกกระทบพื้นดิน กระบี่หลิงซิ่วทะยานวาบขณะเดียวกันกับที่กิ่งไม้หล่นลงบนกระบี่วางอย่างเรียบร้อย และเพียงชั่วพริบตา……กระบี่หลิงซิ่วพลันทะยานมาอยู่ต่อหน้าเยี่ยฉวน ก่อนปรากฏเพียงรังสีกระบี่ส่องประกายแวบวาบ!
รอยยิ้มบนริมฝีปากของเยี่ยฉวนคลี่ขยายออกทีละน้อยจนกลายเป็นยิ้มกว้างขวาง
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีมาก่อนหน้า กล่าวได้ว่า ทักษะควบคุมกระบี่ของเยี่ยฉวนได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความแข็งแกร่ง!
สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ คือ เขาสามารถควบคุมกระบี่ได้โดยถนัดถนี่ปราศจากข้อผิดพลาด เหมือนการใช้มือใช้แขนของตนเองนั่นทีเดียว!
ขณะนั้นเอง ชายชราผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นที่ไม่ห่างไกลนักทางเบื้องหน้า
จ้าวหอชั้นห้าแห่งสำนักอัปสรเมรัย!
เยี่ยฉวนกระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้นครั้งหนึ่งเพื่อระงับพลังกฎแห่งเต๋า พลันรัศมีทอประกายเจิดจรัสอยู่รอบตัวถูกกฎแห่งเต๋าทั้งพลังปฐพีระงับไว้อย่างระมัดระวัง
นานมาแล้วที่เยี่ยฉวนตระหนักรู้ได้ว่ากฎแห่งเต๋านั้นสามารถระงับรัศมีที่เปล่งออกจากร่างกายและพลังปราณได้ แต่ก่อนหน้าเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดซ่อนเร้น ทว่าบัดนี้ เยี่ยฉวนรู้สึกว่าไม่อยากเปิดเผยตนเองมากจนเกินไป สู้เก็บไม้ตายไว้สร้างความประหลาดใจให้ศัตรูเวลาที่มีการปะทะกันจะดีกว่า!
ผู้มาเยือนเดินตรงรี่เข้ามา ทันทีที่สายตาปะทะกับเยี่ยฉวน จ้าวหอชั้นห้าพลันเอ่ยว่า “สหาย ข้าเสียใจด้วยจริงๆ สำนักอัปสรเมรัยตัดสินใจวางมือจากเรื่องนี้แล้ว”
ชายหนุ่มสีหน้าสงบนิ่ง พลางพยักหน้าน้อยๆ “ข้าก็คิดไว้แล้ว!”
จ้าวหอได้แต่ส่ายหน้า “ขอโทษด้วย”
