Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 927


บทที่ 927 : ชายพกศิลาแห่งจักรวาลดารา!

เยี่ยฉวนมองชายชุดฟ้าด้วยความรู้สึกปะปนกัน

เขาทราบแล้วว่าชายคนนี้คือเจ้าของหนึ่งในกระบี่สามเล่มบนยอดหอคอย!

อีกทั้งหอคอยแห่งเรือนจำยังสามารถนำพาไปยังโลกห้ามิติได้ด้วย!

ทว่ามันกลับหนีออกมาจากโลกห้ามิติเสียอย่างนั้น!

และใครคือผู้เล่นซึ่งชายคนนี้กล่าวถึงกัน?

เยี่ยฉวนส่ายหัว

เขามีคำถามเยอะเกินไปเสียแล้ว!

ตอนนั้นเอง ผู้ก่อตั้งหนุ่มพลันเอ่ยขึ้นมา “อย่าคิดมากนักเลย ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเป็นพอ”

เยี่ยฉวนมองเขา “หอคอยนี่ท่านพ่อของข้าทิ้งเอาไว้ให้หรือขอรับ”

ชายในชุดสีฟ้ายิ้ม “คำถามนี้ตอบยากนัก ถามใหม่เถอะ!”

ชายหนุ่มเหลือบมองแล้วถามต่อ “มีคนบอกว่าสายเลือดของข้าไม่ธรรมดา พูดให้ถูกคือผิดปกติไปมาก ท่านทราบสาเหตุหรือไม่ขอรับ”

ชายชุดฟ้าพยักหน้า “รู้สิ”

เยี่ยฉวนรีบถาม “สายเลือดของข้าเป็นอย่างไรหรือ”

อีกฝ่ายลังเลไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา “อันนี้ก็ตอบยาก ถามใหม่ดีกว่า!”

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแห้ง “เช่นนั้นโปรดบอกสิ่งที่ท่านทราบมาหน่อยได้หรือไม่ขอรับ?”

ผู้ก่อตั้งหนุ่มกำลังจะตอบ ผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลวิ่งมาหาโดยมีชายชุดฟ้าเป็นเป้าหมาย “พวกเราไปกันได้แล้ว”

เขาผงกหัวเล็กน้อย หันไปมองหมู่เฟิงเฉินกับคนอื่นๆ “สำนักกระบี่ออกห่างเป้าหมายข้าเสียแล้ว ซึ่งนั่นเป็นทางเลือกของพวกเจ้า หลังจากนี้จะไม่ผูกมัดกับสำนักกระบี่นี้อีก และจะไม่ฆ่าพวกเจ้าทิ้งเพราะเห็นแก่สหายเก่า พวกเขาสร้างสำนักกระบี่ขึ้น ที่นี่เป็นผลิตผลจากความมานะอุตสาหะ ดังนั้นดูแลตัวเองกันไปเถอะ!”

เอ่ยจบ ร่างของผู้ก่อตั้งทั้งสองเริ่มเลือนราง

ห่างไปไม่ไกล ผู้ทรงพลังแห่งสถาบันฝึกยุทธ์โค้งคำนับให้ “ท่านผู้ก่อตั้ง ได้โปรดดูแลตัวเองดีๆ นะขอรับ!”

นางผงกหัวให้เล็กน้อย แล้วมองไปยังอันหลานซิ่ว “จำคำข้าไว้นะ”

อันหลานซิ่วพยักหน้า

ชายในชุดสีฟ้าหันไปมองเยี่ยฉวน “ในอนาคตเจ้าก็พึ่งพาตัวเองเสียด้วยเล่า!”

ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากตอบกลับไป ทว่าผู้ก่อตั้งทั้งสองพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของทั้งคู่ฉาบไปด้วยความแคลงใจ

ผ่านไปสักพัก ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่กับผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์เหินขึ้นฟ้า แทบจะพริบตาเดียวพวกเขาก็ก้าวผ่านดินแดนจักรวาลดารานับพัน สุดท้ายต่างคนต่างหยุดอยู่ ณ จักรวาลดารา

หินศิลาสูงประมาณพันจั้งกำลังลอยอยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลนัก

หินศิลานี้มืดมนนัก และด้านข้างมีชายหนุ่มผมยาวยืนอยู่ข้างๆ

เขาเปลือยท่อนบน ดวงตามีผ้าพันเอาไว้ ยืนอยู่ตรงนั้นโดยถือหินศิลายักษ์ด้วยมือข้างเดียวราวเทพเจ้าแห่งสงครามก็ไม่ปาน!

บนศิลาหินมีตัวอักษรสีแดงเลือดจารึกเอาไว้อยู่ และสี่คำแรกดูเด่นชัดที่สุด ‘หอคอย เยี่ยฉวน’

ผู้ก่อตั้งสาวกระซิบคุยกับเพื่อนของนาง “โดนเจอเข้าจนได้!”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ ไวมากเสียด้วย!”

ตอนนั้นเอง ชายผมยาวซึ่งอยู่ห่างออกไปพลันง้างศิลายักษ์แล้วทุบมันลงไปโดยมีทั้งคู่เป็นเป้าหมาย

พื้นที่รอบด้านจักรวาลดาราเริ่มแตกสลายด้วยท่านั้น!

ชายในชุดสีฟ้าเผยสีหน้าเคร่งขรึม เขาชี้ไปยังเบื้องหน้า และฝูงลำแสงแห่งกระบี่พลันตัดผ่านหินศิลาทันที การเคลื่อนไหวของหินศิลาหยุดชะงัก ทว่าลำแสงแห่งกระบี่ของชายหนุ่มกลับแหลกสลายหายไปในอากาศ!

ศิลาหินนั่นไม่มีแม้แต่รอยผุพัง!

ร่องรอยโดนกระบี่บาดยาวหนึ่งแขนปรากฏขึ้นบนตัวของชายไม่สวมเสื้อ!

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่กำลังจะออกกระบวนท่า ทว่าครั้งนี้ตัวเขากลับพร่าเลือนอย่างเห็นได้ชัด

เขาส่ายหน้า “แย่แล้วสิ”

เอ่ยจบ ขาของเขาเริ่มเลือนหาย

ไม่ไกลนัก ชายเปลือยท่อนบนไม่เคลื่อนไหวใดๆ

ชายในชุดฟ้ามองเบื้องหน้า ลำแสงแห่งกระบี่ต่างหมุนวนรอบนิ้ว เขากำลังจะจู่โจมอีกครั้งแต่เหมือนจะคิดอะไรได้เสียก่อนจึงส่ายหัวแล้วยิ้ม “ประคบประหงมมากไปก็ไม่ดีสิ”

เอ่ยจบ ทั้งสองพลันเลือนหายไปจนสิ้น

ชายไร้เสื้อแบกศิลายักษ์และเดินตรงไป ทิศทางเป้าหมายคือทิศทางที่ผู้ก่อตั้งทั้งสองจากมา

ณ สถาบันฝึกยุทธ์ นครอานุภาพ ดินแดนจักรวาลดาราอานุภาพ

การเหินขึ้นฟ้าของสองผู้ก่อตั้งสร้างความงุนงงสับสนแก่ทุกคนในบริเวณนี้

ไปทั้งแบบนั้นเลย?

ตอนนั้นเอง บรรยากาศในบริเวณนี้พลันขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก!

ความสัมพันธ์ของผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์นั้นไม่ธรรมดา!

ฝ่ายที่อับอายขายหน้าสุดคงไม่พ้นสำนักกระบี่ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ หลังอัญเชิญท่านผู้ก่อตั้งมายังที่แห่งนี้

พันธมิตรของเขาโดนผู้ก่อตั้งของเขาสังหารจนสิ้น…

ที่แท้พวกเขาอัญเชิญศัตรู!

สำนักกระบี่ได้รับการสูญเสียครั้งใหญ่!

ไม่เพียงสูญเสียยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าไปหลายคนเท่านั้น ทว่ายังโดนผู้ก่อตั้งสำนักตนปรักปรำอีกด้วย ผู้ก่อตั้งของพวกเขาฆ่าพันธมิตรขั้นไขว่คว้าเต๋าไปหลายคน ซึ่งสำนักกระบี่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!

คิดเช่นนั้น หมู่เฟิงเฉินสัมผัสได้แต่ความสิ้นหวัง

ยามนี้สำนักกระบี่สูญเสียซึ่งทุกสิ่งอย่าง!

หมู่เฟิงเฉินกล่าวขึ้น “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”

หลีเสวียนเฟิงพลันแทรกขึ้นมา “ออกไปเฉยๆ เช่นนี้เลยหรือขอรับ”

เขายังไม่อยากยอมรับชะตาตัวเอง!

หมู่เฟิงเฉินมองอีกฝ่าย “แล้วต้องการอะไรอีก อย่างเจ้าจะทำอะไรได้!?”

เขาแทบจะคำรามในท้ายประโยค

หลีเสวียนเฟิงเป็นคนพาสำนักกระบี่เข้าสู่สถานการณ์นี้ หากหลีเสวียนเฟิงไม่ได้เป็นหลานเขา……คงฆ่าอีกฝ่ายทิ้งไปแล้ว!

ความโง่เง่าของหลีเสวียนเฟิงทำให้สำนักกระบี่ต้องรับมือกับสถานการณ์ไร้ทางออกเช่นนี้!

ทว่าเขายังไม่อยากยอมแพ้!

หลีเสวียนเฟิงอยากจะเอ่ยบางอย่าง หมู่เฟิงเฉินพลันตะคอกขึ้นมา “คิดสิว่าตอนนี้เราจะสู้กับพวกมันอย่างไร มีอะไรเป็นเดิมพันกัน ชีวิตเจ้าเรอะ!”

สำนักกระบี่ยามนี้สูญเสียมาเยอะเกินไป พันธมิตรก็ไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับสถาบันฝึกยุทธ์นัก!

อีกทั้งด้านนอกยังมีผู้อาวุโสเยว่และพวกอยู่!

สำนักกระบี่ไร้ซึ่งพันธมิตร คนพวกนั้นรวมตัวกันได้เมื่อใด สำนักกระบี่ล่มสลายแน่นอน!

หลีเสวียนเฟิงหน้าซีดเผือด ทว่าไม่นานนัก สีหน้ากลับกลายเป็นปกติ “ท่านตา ท่านพูดถูกแล้ว ข้าไม่ควรมีความคิดโง่เขลาเช่นนั้น”

หมู่เฟิงเฉินมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ไปกันเถอะ!”

หลีเสวียนเฟิงมองเยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขาดูใจเย็นและไร้ซึ่งจิตสังหารหรือโทสะ……ใจเย็นเสียยิ่งกว่าอะไร!

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ

หลีเสวียนเฟิงไม่เอ่ยคำใด เขาหมุนตัวจากไปพร้อมกับคนของสำนักกระบี่

คนของสถาบันฝึกยุทธ์ไม่หยุดยั้งพวกเขาไว้!

หากรั้งขึ้นมาย่อมหมายความว่าพวกเขาจะต้อนสำนักกระบี่เสียจนมุม ซึ่งเมื่อคนขั้นไขว่คว้าเต๋าแห่งสำนักกระบี่ทุ่มสุดแรงเพื่อตอบโต้ จะเกิดผลร้ายต่อสถาบันฝึกยุทธ์ได้ ทว่าสถาบันฝึกยุทธ์อาจชนะ แต่ชนะในราคาที่แพงเหลือเกิน!

อู่เวิ่นไม่ต้องการเช่นนั้น!

อีกอย่าง สถาบันฝึกยุทธ์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นในยามนี้!

สำนักกระบี่ถูกรังเกียจเดียดฉันท์ กองกำลังทั้งหลายจะเพ่งเล็งมา สถาบันฝึกยุทธ์แค่รอให้พวกนั้นโถมใส่จนสำนักกระบี่เหนื่อยก่อนเพียงเท่านั้น!

อู่เวิ่นหันไปมองข้างกายอันหลานซิ่ว ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเพราะมีใครบางคนหายไปเสียแล้ว!

ณ สำนักกระบี่

หลังกลับมายังสำนักและพบว่าที่แห่งนี้อยู่ในสภาพเละเทะ หมู่เฟิงเฉินและคนอื่นได้แต่ทำสีหน้าปั้นยาก

สำนักกระบี่อันรุ่งโรจน์นั้นรุ่งริ่งได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน!

ที่สำคัญที่สุด ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ไม่ช่วยเหลือสำนักกระบี่เลยสักนิด แต่กลับทำลายพันธมิตรแห่งสำนักกระบี่หลังถูกอัญเชิญ

เมื่อไร้ซึ่งการปกป้องจากผู้ก่อตั้ง สำนักกระบี่ก็ไม่ต่างจากเสียไพ่ตายในมือไป!

หมู่เฟิงเฉินส่ายหน้า “เรียกศิษยานุศิษย์แห่งสำนักกระบี่มาปลอบขวัญซะ มอบพื้นที่บางส่วนในตัวนครให้สถาบันฝึกยุทธ์ด้วย ทุกคนจงกลับมายังสำนักกระบี่!”

ด้านหลังหมู่เฟิงเฉิน ชายแก่พยักหน้าแล้วหายไป

หมู่เฟิงเฉินมองหลานของตนซึ่งห่างไปไม่ไกล “จำความเกลียดชังและความเศร้าโศกไว้ในใจซะ แสดงมันออกมาก็ไม่ต่างจากคนโง่ จำเอาไว้ หมาเอาแต่เห่ามันไม่กัดหรอก!”

หลังจากนั้น เขาหมุนตัวจากไป

หลีเสวียนเฟิงเงียบอยู่ตรงนั้น

ความเกลียดชังหรือ?

แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว

สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการโดนเจ้าเยี่ยฉวนต้มเสียจนเปื่อย!

จะให้ยอมรับหรือว่าถูกคนอ่อนกว่าต้มตุ๋น? โดยเฉพาะสมบัตินั่น เขายอมรับไม่ได้หรอกว่ามันหลุดมือไปแล้ว!

ทว่าก็รู้ตัวดีว่าสับสนเพราะความโกรธบังตา

หลีเสวียนเฟิงสูดลมหายใจเข้า แล้วพึมพำด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยฉวน เรามาดิ้นรนอีกครั้งกันดีกว่า!”

เอ่ยจบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาชักกระบี่ขึ้นมาแล้วพุ่งไปข้างหน้า

ตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งตรงหน้าเขากลับโดนโจมตีจนต้องถอยร่น!

เป็นเยี่ยฉวน!

เห็นดังนั้น หลีเสวียนเฟิงจึงยิ้มเยาะ “เจ้านี่เอง ข้าไม่นึกเลย…”

ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง “ไม่!”

เอ่ยจบ เป็นเยี่ยฉวนซึ่งถูกบีบให้ถอยร่นกลับเลือนหาย

กระบี่เล่มหนึ่งถูกจ้วงเข้าให้ที่ท้ายทอยของหลีเสวียนเฟิง!

นิมิต!

นิมิตทับซ้อน!

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีจิตวิญญาณมังกร อำนาจมังกร รวมไปถึงพลังแมวดำ!

กระบี่ในมือคือกระบี่เจิ้นหุน!

เยี่ยฉวนแทบงัดทุกกลเม็ดที่มีมาใช้ลอบสังหารหลีเสวียนเฟิง

หลังกระบี่แทงเข้าท้ายทอยหลีเสวียนเฟิงได้ ชายหนุ่มหายตัวไปพร้อมกับกระบี่ราวกับเขาไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน!

ทันทีที่เยี่ยฉวนหายไป หมู่เฟิงเฉินเข้ามาในบริเวณนี้ เมื่อเห็นว่าหลีเสวียนเฟิงยืนตัวแข็งอยู่เช่นนั้น มือทั้งสองเริ่มสั่นเทา

รอบด้านเอง ผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าของสำนักกระบี่ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน

หนึ่งในนั้นรีบรุดไปยังหลีเสวียนเฟิงซึ่งยังคงหายใจอยู่!

เขาตรวจสอบร่างกายของหลีเสวียนเฟิง หันไปมองหมู่เฟิงเฉินพร้อมส่ายหน้า “วิญญาณของเขาถูกพลังลึกลับทำลายไปแล้ว ไม่มีทางใดจะช่วยได้เลยขอรับ…”

หมู่เฟิงเฉินไปหาหลีเสวียนเฟิงที่กำลังยิ้ม “ข้าไม่นึกเลยว่าจะต้องมาตายเช่นนี้!”

หมู่เฟิงเฉินมองอีกฝ่ายโดยไม่เอ่ยคำใด

หลีเสวียนเฟิงมองเบื้องบนพร้อมพึมพำ “เป้าหมายข้าคือการทำให้สำนักกระบี่ออกสู่โลกภายนอกและโด่งดังไปทั่วโลก ผู้ฝึกกระบี่ทั่วหล้าจะได้เข้าร่วมสำนักเราแท้ๆ… แต่ข้ากลับโดนความโลภบังตาบังใจเข้าเสียเอง…”

แล้วเขามองหมู่เฟิงเฉิน “อย่าได้ดูถูกเขา”

เอ่ยจบ ดวงตาพลันว่างเปล่าเบิกโพลง!

วิญญาณของเขาถูกทำลายจนสิ้น!

ดวงจิตและวิญญาณถูกกำจัด!

หมู่เฟิงเฉินมองหลีเสวียนเฟิงเป็นเวลานานนัก ก่อนจะเดินจากมา เขาสาวเท้าไปยังห้องโถงสำนักกระบี่ แหงนหน้ามองรูปปั้นชายชุดฟ้าเบื้องหน้า ไม่นานนักจึงส่ายหัวยิ้มๆ “จะมีประโยชน์อันใดกับการเคารพบูชาผู้ก่อตั้งที่ปกป้องสำนักตัวเองไม่ได้? จากนี้ไป สำนักกระบี่จะขอไม่เกี่ยวโยงกับเจ้าอีกต่อไป!

สิ้นเสียง ยกกระบี่ขึ้นจ้วงแทงไปยังรูปปั้น

รูปปั้นของชายหนุ่มชุดสีฟ้าผู้นั้นกลายเป็นผุยผงทันที!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version