บทที่ 928 : ข่มขู่ข้าต่อสิ ข้าจะได้ตัดแขนขาเจ้าต่อ
เมื่อเยี่ยฉวนสังหารหลีเสวียนเฟิงแล้ว เขารีบออกจากสำนักกระบี่ทันที
……ไม่หมายปองถูกสำนักกระบี่รุมสกรัมหรอก!
สาเหตุที่ชายหนุ่มเสี่ยงไปฆ่าหลีเสวียนเฟิง ไม่ได้มาจากอารมณ์ชั่ววูบ แต่เป็นหลีเสวียนเฟิงสมควรตายต่างหาก!
สำหรับเยี่ยฉวน หมู่เฟิงเฉินกับเจ้านั่นสมควรตายทั้งคู่
ทว่าชายหนุ่มยังไม่สามารถสังหารหมู่เฟิงเฉินได้ในยามนี้ เขาจึงเลือกฆ่าหลีเสวียนเฟิงก่อนแทน
เขาไม่อยากให้ศัตรูมีลมหายใจอยู่ต่อได้อีกแม้แต่คืนเดียว!
หากฆ่ามันได้เมื่อไร เขาจะทำทันที!
เยี่ยฉวนกลับไปยังสถาบันฝึกยุทธ์ ซึ่งยามนี้เละเทะไม่แพ้กัน
แม้สถาบันฝึกยุทธ์จะชนะศึกครั้งนี้ แต่สิ่งที่เสียไปถือว่ามากพอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะเหล่าชายชุดดำซึ่งมาในตอนท้าย พวกเขาสังหารยอดฝีมือของสถาบันฝึกยุทธ์ไปเยอะนัก!
เมื่ออู่เวิ่นเห็นเยี่ยฉวน เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้าไปฆ่าหลีเสวียนเฟิงที่สำนักกระบี่มาหรือไร?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า
อู่เวิ่นส่ายหัว “วู่วามเกินไปแล้ว! มองภายนอกหลีเสวียนเฟิงคือศิษย์ของหมู่เฟิงเฉินก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นตาหลานกันต่างหาก อีกทั้งยังฆ่าเขาไปแล้ว หมู่เฟิงเฉินกลับมาเอาเจ้าคืนแน่นอน!”
เยี่ยฉวนถามกลับ “หากไม่สังหารเขา พวกเขาจะปล่อยข้าไปหรือไม่ล่ะ?”
อู่เวิ่นได้แต่นิ่งเงียบ
เยี่ยฉวนตอบเสียงนุ่ม “แน่นอนว่าไม่ เป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าไปฆ่าเขาก่อนไม่ดีกว่าหรอกหรือ”
ชายหนุ่มรู้ดีว่า แม้ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่จะต่อว่าพวกหมู่เฟิงเฉินไปแล้ว ผู้ฝึกกระบี่พวกนั้นไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองแน่
เพราะอย่างไรเสีย ผู้ก่อตั้งไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนี้อีกต่อไป
อีกอย่าง สำนักกระบี่รู้แล้วว่าหอคอยแห่งเรือนจำอยู่ในตัวเขา
ถึงแม้สำนักกระบี่จะปล่อยเขาไป เขาก็ไม่ยอมปล่อยสำนักกระบี่อยู่ดี
ครั้งนี้หากไม่ได้ระวังไว้ตลอด เยี่ยหลิงคงโดนเจ้าพวกนั้นจับตัวไปแล้ว!
ยามคิดถึงตรงนี้ เยี่ยฉวนอยากจะเข่นฆ่าพวกมันทุกคน!
อู่เวิ่นซึ่งอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อย “เอาเถอะ เจ้าไม่ใช่ศิษย์สถาบันฝึกยุทธ์เรา และข้าจะไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของเจ้าด้วย”
เขาเอ่ยจบหมุนตัวจากไป
เยี่ยฉวนเดินไปหาอันหลานซิ่ว เหลียนว่านลี่และเยี่ยหลิง โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นมาร่วมด้วย
พวกเขาทุกคนรวมตัวกันอีกครั้ง!
ทุกคนผู้มาจากแผ่นดินแห่งฉางหลาน!
เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเข้มในลานโล่ง “ทุกคน ข้ารู้ดีว่าอาจเป็นเรื่องโชคร้ายไปหน่อยที่ได้รู้จักกัน เกรงว่าข้าจะเจอเรื่องวุ่นวายมากกว่านี้ในอนาคตเสียแล้ว”
ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าชายในชุดฟ้าเอ่ยกับเขาว่าอย่างไร
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หอคอยแห่งเรือนจำมาหาชายหนุ่ม ดูเหมือนใครบางคนจงใจวางแผนไว้ เขาไม่รู้สาเหตุ ทว่ารู้ดีว่าเรื่องมันยังไม่จบ!
ด้านข้าง โม่อวิ๋นฉีหัวเราะออกมา “กลัวพวกข้าเข้าไปวุ่นวายด้วยหรือไร”
เยี่ยฉวนส่ายหน้ายิ้มๆ “ข้าดึงพวกเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเสียแล้ว”
โม่อวิ๋นฉีเอ่ยเสียงเข้ม “หัวขโมยพี่เยี่ย พวกเราไม่ได้อ่อนแอเหมือนกัน ข้าเองก้าวขึ้นสู่ขั้นพลังจุดกำเนิดแล้ว ตอนนี้ยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ยังเทียบไม่ติด ผ่านไปอีกสักหน่อย……คงสังหารคนขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”
ไป๋เจ๋อเอ่ยขึ้นมาบ้าง “แต่ศัตรูอยู่ขั้นไขว่คว้าเต๋ากันหมดแล้วนี่สิ!”
โม่อวิ๋นฉีถึงกับสะอึก
เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเข้ม “พี่ใหญ่โม่ สถาบันฝึกยุทธ์นั้นเป็นที่ที่ดี ท่านเรียนรู้จากที่นี่ได้เยอะและฝึกปราณให้มาก ข้าตั้งตารอจะสู้เคียงข้างท่านในภายภาคหน้า!”
เขารู้ดีว่าผู้คนมักจะห่างกันไปเมื่อเวลาผันผ่าน!
ทว่าชายหนุ่มไม่อยากสูญเสียสหายเหล่านี้ไป!
พวกเขาเคยผ่านความเป็นตายเคียงข้างมา!
โม่อวิ๋นฉีเอ่ยยิ้มๆ “หัวขโมยพี่เยี่ยไม่ต้องห่วงไป! พวกเราไม่ให้เจ้าแซงหรอก!”
เยี่ยฉวนตอบ “เอาเป็นว่า ทุกคนที่นี่เป็นสหายและพี่น้องข้า คำนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไป!”
โม่อวิ๋นฉีคลี่ยิ้ม “เห็นเจ้าพูดอะไรซาบซึ้งแบบนี้แล้วจั๊กจี้แฮะ!”
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากันเองแล้วหัวเราะร่า!
“ข้าไปฝึกปราณล่ะ!”
โม่อวิ๋นฉีพลันลุกขึ้นยืน “มามัวเสียเวลาคุยกับพวกเจ้าต่อไม่ได้แล้วสิ!”
เอ่ยจบเขาหันหลังจากไป
ไป๋เจ๋อก็เช่นกัน
อันหลานซิ่วมองเยี่ยฉวนแล้วถาม “แผนต่อไปล่ะ?”
เยี่ยฉวนตอบเสียงนุ่ม “ข้าจะเริ่มบุกก่อนบ้างแล้ว!”
อันหลานซิ่วพยักหน้าน้อยๆ “ระวังตัวด้วยนะ”
เยี่ยฉวนตอบ “พวกเจ้าก็ด้วย! ระวังพวกสำนักกระบี่กับผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเอาไว้”
ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว!
เขาคาดเดาว่าชายชุดดำพวกนั้นอาจถูกผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวส่งมา!
หลังจากคนพวกนี้โผล่มา ชายหนุ่มรู้แม้กระทั่งผู้อาวุโสเยว่และคนอื่นไม่เชื่อว่าหอคอยแห่งเรือนจำอยู่กับเขา แต่ยังมีบางคนเชื่อเช่นนั้นอยู่
เขาไม่อยากนอนรอความตายสักเท่าไรนัก!
หลังจากบอกลาอันหลานซิ่วและคนอื่นๆ ชายหนุ่มจึงจากนครอานุภาพมา เขาพบผู้อาวุโสเยว่กับคนพรรคพวกอยู่ด้านนอก
ผู้อาวุโสเยว่มองเยี่ยฉวนและเงียบไป
เยี่ยฉวนกวาดตามองทุกคนข้างหน้า “ทุกท่านจะแยกย้ายไหม หรือจะทำลายสำนักกระบี่แล้วเอาสมบัติมาก่อนดี?”
ผู้อาวุโสเยว่ตอบเสียงต่ำ “เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
ชายหนุ่มตอบ “หากเป็นอย่างหลัง นี่ย่อมเป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว สำนักกระบี่ตอนนี้อ่อนเปลี้ยนัก”
ผู้อาวุโสเยว่เงียบไป เขายังพะว้าพะวังอยู่!
เยี่ยฉวนส่ายหัวยิ้มๆ แล้วหันหลังจากไป
ตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากด้านหลัง “นายน้อยเยี่ยเสียใจกับพวกเรามากเลยหรือ”
เยี่ยฉวนหันไปมองตามเสียง พื้นที่ไม่ไกลนักพลันแตกออกจากกัน และมีสาวนางหนึ่งออกมาจากที่นั่น
นางอายุเพียงยี่สิบกลางๆ เท่านั้น สวมชุดสีดำยาว ถือพัดสีดำในมือ เรือนผมถูกทิ้งให้คลอเคลียอยู่บนไหล่เปลือยเปล่า
ข้างกายหญิงสาวมีชายชราสองคน หนึ่งสวมชุดคลุมขาว ส่วนอีกหนึ่งสวมชุดคลุมดำ!
ยามเห็นสาวผู้นี้ เหยี่ยหลานและคนอื่นพลันอับจนหนทางขึ้นมา พวกเขาสับฝีเท้าไปยังหญิงสาวพร้อมโค้งหัวให้ “ยินดีต้อนรับคุณหนูที่สามขอรับ!”
ผู้อาวุโสเยว่ไม่เอ่ยคำใด เขาเดินไปยืนหลังหญิงสาวเงียบๆ
นางใช้พัดตบมือซ้ายของนาง เหยี่ยหลานและคนอื่นรีบถอย เยี่ยฉวนพบว่าทุกคนต่างเหงื่อแตกพลั่กกันเป็นแถบ!
เยี่ยฉวนมองสาวคนนี้ ผู้หญิงคนนี้คือใครกัน? ดูท่าทางคนขั้นไขว่คว้าเต๋าจะหวั่นเกรงเหลือเกิน!
ตอนนั้นเอง หญิงสาวมองเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนุ่มรูปงามยอดฝีมือสินะ ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เยี่ยฉวนตอบกลับ “ขอบคุณ ข้าได้ยินแล้วปลาบปลื้มนัก!”
นางเอ่ยต่อยิ้มๆ “เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าชมเชียวนะ!”
เยี่ยฉวนเอ่ยต่อ “เช่นนั้นข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”
หญิงสาวหันไปมองยังนครอานุภาพ “ได้ยินว่าผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์ต่างถูกอัญเชิญมาหรือ”
เหยี่ยหลานรีบพยักหน้า “ใช่ขอรับ!”
นางพึมพำ “ได้ยินมาว่าทั้งคู่มีฝีมือเยี่ยมยอด… เสียดายนักที่ข้าไม่ได้พบพวกเขา!”
เหยี่ยหลานรีบเอ่ยด้วยความเคารพ “ไม่เลยขอรับคุณหนูสาม ท่านต่างหากที่มีพรสวรรค์อันแท้จริง ในอนาคตจะก้าวข้ามบรรพบุรุษเรา…”
หญิงสาวพลันหันไปมองเหยี่ยหลาน “ข้าดูน่ากลัวหรือ”
เหยี่ยหลานชะงักไป ก่อนจะรีบส่ายหัวๆ
นางเพ่งมองไปยังเขา “หากไม่ใช่เช่นนั้น เหตุใดถึงประจบข้านัก?”
เหยี่ยหลานสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นที่ไหลซึมอีกครา
นางโน้มตัวกระซิบ “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าเชียวนะ ทำตัวให้สมกับระดับหน่อย เข้าใจไหม”
เหยี่ยหลานรีบพยักหน้า ทว่าในใจได้แต่ยิ้มขม
หญิงสาวตรงหน้าพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ!
คุณหนูสามมองไปยังเยี่ยฉวน “เป้าหมายของเจ้าคือล้างบางสำนักกระบี่หรือ”
เยี่ยฉวนพยักหน้า
นางคลี่ยิ้ม “มาร่วมมือกับเราไหมเล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ อีกครั้ง
คุณหนูสามสาวเท้าไปหาเยี่ยฉวนพร้อมมองเขาตรงๆ “ข้าได้ยินมาว่าสำนักกระบี่ไม่มีสมบัติ แต่เจ้าน่ะมี!”
ชายหนุ่มถามกลับ “ท่านคิดเช่นไรเล่า”
นางยิ้มออกมา “ข้าหวังให้เจ้าเอ่ยตามตรงน่ะสิ!”
เยี่ยฉวนตอบ “มันอยู่ที่สำนักกระบี่หมดแล้ว!”
นางมองอีกฝ่ายโดยไม่เอ่ยคำใด
เยี่ยฉวนตอบ “ท่านไม่เชื่อข้าเลยสินะ”
คุณหนูสามคลี่ยิ้ม “นายน้อยเยี่ย เพื่อป้องกันเรื่องยุ่งยากในภายภาคหน้า ข้าขอค้นตัวท่านได้หรือไม่”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า “ไม่ได้”
หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย “ทำไมหรือ”
ชายหนุ่มก้าวเท้าไปหานางบ้าง “แม้ท่านจะดูนอบน้อมโอบอ้อมอารี แต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิที่ไม่ลึกไปถึงกระดูกดำ คุณหนูสาม……ตอนนี้อยากให้เข้าใจว่า ข้าไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับท่าน หรือขอให้มาร่วมมือกันเลย”
ชายหนุ่มจ้องตานางกลับ “หากยอมให้ข้าค้นตัว ท่านจะมาค้นตัวข้าก็เชิญเลย!”
ทุกคนที่ได้ยินต่างจ้องเยี่ยฉวนเป็นตาเดียว
เยี่ยฉวนเมินสายตาคนเหล่านั้นแล้วหมุนตัวจากไป
เขาทราบธาตุแท้ของหลายๆ คนดี ยิ่งประนีประนอมเท่าไรยิ่งร้องขอมากเท่านั้น
ชายหนุ่มไล่ตามใจคนแบบนั้นไม่ไหวหรอก!
ส่วนเรื่องความร่วมมือ หากร่วมมือกันได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อนเลยสักนิด
แค่ต้องลงมือจัดการเองก็เท่านั้น!
ตอนนั้นเอง ผู้เฒ่าสองคนพลันปรากฏตัวขึ้นขวางเยี่ยฉวนไว้
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า คุณหนูสามด้านหลังเอ่ยขึ้นมา “นายน้อยเยี่ย เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดเสียแล้ว”
นางสาวเท้าไปหาเยี่ยฉวน สายตาจับจ้องไปที่เขา “ข้าไม่ได้ขอความยินยอมจากท่าน เพียงแต่แจ้งให้ทราบเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”
เยี่ยฉวนพลันชักดาบแล้วจ้วงไปข้างหน้า
กระบวนท่าของเขาไวเสียจนคมกระบี่ฟันลงตรงหน้าคุณหนูสามทันที
คุณหนูสามเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่หลบเลยแม้แต่น้อย
ทว่าคมกระบี่ของเขาทำเพียงแค่เฉือนอากาศ และคุณหนูสามยังยืนอยู่ตรงหน้าอย่างปกติสุข
อีกฝ่ายเผยสีหน้าไร้อารมณ์ออกมา เมื่อจะเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง นางหน้าตึงไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขวาขึ้นต้านการโจมตี หญิงสาวป้องกันกระบี่ได้ด้วยท่านั้น!
ปัง!
กระบี่บินสองเล่มพลันแตกสลายลง ทันใดนั้นนางปรากฏตัวขึ้น ไม่ทันไร ร่างตรงข้ามนางกลับโดนเหวี่ยงทันที
เป็นเยี่ยฉวนนั่นเอง!
รอยยิ้มเย้ยหยันอันบางเบาพลันบังเกิดขึ้นบนริมฝีปากหญิงสาว ทว่าในเวลาต่อมา ดวงตากลับเบิกกว้าง นางรีบไขว้แขนทั้งสองข้างเป็นการป้องกัน
กระบี่เล่มหนึ่งแล่นมาทางนาง
ตูม!
คุณหนูสามถูกบีบให้ถอยไปข้างหลังไปร้อยจั้งอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน ทะเลแห่งลำแสงกระบี่ปรี่เข้าหานางเสียจนท่วมร่าง ทว่าเสียงร้องแห่งกระบี่พลันดังก้องท่ามกลางกระบี่แสงของเขา จากนั้นแสงจากกระบี่เส้นหนึ่งตัดผ่านทุ่งกระบี่แสงของชายหนุ่มจนขาด!
ทะเลแห่งลำแสงกระบี่แตกสลาย ร่างของคุณหนูสามเดินออกมาพร้อมกระบี่ในมือ!
นางกระชับกระบี่ในมือแน่น พร้อมกับชี้ไปเบื้องหน้าอย่างอ้อยอิ่ง
เพล้ง!
เสียงอะไรบางอย่างแตกออกในบริเวณนี้
ด้วยเสียงนั้น ทุกอย่างพลันกลับเป็นปกติ
คุณหนูสามมองเยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกลนักพร้อมเอ่ย “ลวงตาสามชั้นของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
ชายหนุ่มตอบกลับเสียงนุ่ม “ที่แท้ท่านก็เป็นผู้ฝึกกระบี่!”
นางสาวเท้าไปหาเยี่ยฉวนพร้อมกระบี่ในมือ “แปลกใจหรือ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าหงึกหงัก “อื้ม นิดนึงน่ะ!”
คุณหนูสามยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตอนนั้นเอง ชายเฒ่าด้านหลังกำลังจะขยับตัว แต่นางกลับส่ายหัวไว้ก่อน “ข้าจัดการเอง!”
นางเอ่ยจบก็หายไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพุ่งไปหาชายหนุ่มในพริบตาเดียวและแทงเยี่ยฉวนเข้าไปในอกด้วยกระบี่ในมือ!
ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่หลบ และปล่อยให้กระบี่แทงอกอยู่อย่างนั้น
นัยน์ตาของคุณหนูสามเจือไปด้วยความรู้สึกยากจะเชื่อ ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มพลันพุ่งไปหาร่างอีกฝ่ายและจ่อคมกระบี่ไว้บนคอหญิงสาว
ทุกอย่างพลันเงียบสงัด!
คุณหนูสามมองตรงไปยังเยี่ยฉวน “เชือดเลยสิ! ข้าขอท้าเจ้า!”
เยี่ยฉวนสับกระบี่ลง
แขนของคุณหนูสามกระเด็นออกไปทันที!
เลือดของนางทะลักไม่หยุด!
คุณหนูสามจ้องเยี่ยฉวนเขม็ง “ท่านรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร?”
เยี่ยฉวนฟันกระบี่อีกครั้ง
ฉัวะ!
ครั้งนี้มือซ้ายนางถูกตัดออก
ชายหนุ่มจ่อกระบี่เปื้อนเลือดไปยังคอของนาง “ขู่ต่อสิ ข้าจะได้ตัดแขนเจ้าอีก……หึ น่าสนุกจะตาย!”
