Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 13

ตอนที่ 13 ธรรมเนียมปฏิบัติ

พอกล่าวจบก็ก้าวยาวๆ จากไปทันที หวังทงตอบรับอย่างสุภาพ ในใจกลับระมัดระวังยิ่ง ตนเองแม้มีฐานะองครักษ์เสื้อแพร แต่บนถนนทักษิณนี้ก็ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจ ใกล้พระเนตรพระกรรณเช่นนี้ ผู้มากบารมีซุกซ่อนอยู่ทั่วไป ใครก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของใครจะมีขุนนางตำแหน่งสูงส่งอะไรหนุนอยู่เบื้องหลัง หรืออาจจะเป็นเชื้อพระวงศ์ ระวังไว้เป็นการดีที่สุด

ความคิดหวังทงที่เพิ่งจะล่องลอยไปไกลเริ่มสงบลง ปฏิเสธคำเชิญของบรรดาพ่อค้าอย่างสุภาพไปแล้ว ก็ซื้ออาหารง่ายๆ กับกับแกล้มนิดหน่อย แล้วเรียกให้จางซื่อเฉียงกลับไปกับเขา

จางซื่อเฉียงไม่ใช่ว่ามาบ้านตระกูลหวังเป็นครั้งแรก พอได้เห็นโถงกลางตั้งป้ายวิญญาณของหวังลี่อยู่ จางซื่อเฉียงก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็เข้าไปจุดธูปไหว้สามดอก

อาหารง่ายๆ กับกับแกล้มพร้อมสุราเล็กน้อย ยามเฝ้าฐานไม่อาจดื่มสุรา แต่หวังทงรู้ดีว่าดื่มอย่างพอเหมาะจะทำให้จางซื่อเฉียงรู้สึกผ่อนคลายลงได้ง่ายกว่า จะได้พูดสิ่งที่รู้ออกมาบ้าง

อาหารก็คือเนื้อขาหมูหั่นเป็นชิ้นและไส้พะโล้ ล้วนเป็นอาหารธรรมดา แต่จางซื่อเฉียงก็กินอย่างเอร็ดอร่อย หวังลี่เป็นนายกองธงเล็ก เงินนอกระบบก็มาก หวังทงแต่เล็กก็ไม่เคยได้รับความลำบากอันใด ต่างจากจางซื่อเฉียงที่ได้แต่งานเฝ้าฐานว่างเปล่า จึงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เงินนอกระบบก็น้อย พอเห็นอาหารเต็มอิ่มเช่นนี้ก็กินราวกับพายุ

พอสุราเข้าปาก คำพูดของจางซื่อเฉียงก็พรั่งพรูออกมามากขึ้น อย่างเช่นเล่าว่าตนเองอายุ 32 ปี แม้แต่ภรรยาก็มีไม่ไหว อยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวมันช่างลำบากจริง อะไรเหล่านี้เป็นต้น

“พี่จาง ถนนทักษิณเส้นนี้แท้จริงแล้วสถานการณ์เป็นอย่างไร เล่าให้ละเอียดได้หรือไม่”

จางซื่อเฉียงเงยหน้าดื่มไปจอกหนึ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ดื่ม เห็นได้ชัดว่ามึนเมาเล็กน้อย นึกอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า

“ตัวข้านั้นลำบากมา 10 ปี ได้ติดตามบิดาของท่านจึงได้มีวันเวลาที่ดีอยู่บ้าง ถนนทักษิณสายนี้…ถนนทักษิณสายนี้เป็นงานอันดับหนึ่งของกองร้อยเราเลย…”

คำพูดกระท่อนกระแท่นด้วยฤทธิ์สุรา แต่เล่าได้ละเอียด ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดเดาของหวังทง จางซื่อเฉียงเกิดในตระกูลคหบดี สมองไวกว่าพวกเกิดมาก็เป็นองครักษ์พลทหารไม่น้อย หลายปีมานี้ตกระกำลำบากต้องอดทนอดกลั้น เดาว่าคงเห็นอะไรมาไม่น้อย ถนนทักษิณงานดีเช่นนี้ แน่นอนเขาย่อมต้องรู้อย่างละเอียด

เสียงบ่นพร่ำพรรณนาทำให้หวังทงได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการ ถนนทักษิณสายนี้มีทั้งหมด 21 ร้าน มีธุรกิจร้านค้าและพ่อค้าคนกลางหลากหลาย ส่วนใหญ่บ้านเรือนที่สร้างอยู่ที่นี่มีอายุไม่มากนัก ล้วนเป็นบ้านกว้างใหญ่ สะดวกในการเป็นโกดังเก็บสินค้า

ในบรรดา 21 ร้านค้านี้ ทุกเดือนมีเพียงแค่ 16 ร้านที่ต้องส่งส่วยให้กับองครักษ์เสื้อแพร อีก 5 กิจการนั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา คิดจะเรียกเงินเรียกทองย่อมเป็นไปไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีหนึ่งหอสุรา หนึ่งร้านน้ำชา และหนึ่งบ่อนการพนัน ในสามแห่งนี้มีเพียงหอสุราและร้านน้ำชาที่ถูกเรียกเก็บส่วย บ่อนการพนันนั้นไม่กล้าแตะต้อง

พูดถึงหอรวมคุณธรรม จางซื่อเฉียงยังตั้งใจหรี่เสียงลงกล่าวว่า

“หอรวมคุณธรรมนั้นว่ากันว่ามีเบื้องหลังใหญ่โต แม้แต่ใต้เท้าเรายังต้องเกรงใจ ไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว…”

รอจนพูดถึงส่วยรายเดือน หวังทงก็จดจ่อตั้งใจฟัง ในสมองคำนวณอย่างละเอียด ร้านค้า 16 ร้านทุกเดือนส่ง 3ตำลึง หอสุรา 2 ตำลึง ร้านน้ำชา 1 ตำลึง

ได้ยินแล้วหวังทงก็รู้สึกผิดหวัง เดือนละแค่ 51 ตำลึง นอกนั้นก็แค่กินฟรีหยิบฟรีและผลประโยชน์ช่วงเทศกาล เงิน 51 ตำลึงยังต้องส่งให้นายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งอีก 12 ตำลึง ให้นายกองร้อยเถียน 30 ตำลึง ที่เหลือก็เป็นของตนแบ่งกับเจ้ากั๋วต้ง เหลือถึงมือปีละ 30 กว่าตำลึงก็นับว่าไม่เลวแล้ว

แค่ 30 กว่าตำลึง มันช่างน้อยนิดนัก หวังทงใบหน้ายังคงนิ่งเฉย แต่ในใจกลับรู้สึกไม่มีอะไรน่าสนใจ แม้รู้ว่าตนเองนั้นปีหนึ่งจะได้เบี้ยหวัดถึงมือไม่ถึง 5 ตำลึง และในสมัยนี้ครอบครัวชนชั้นกลางปีหนึ่งสี่คนใช้ราว 11 ตำลึงก็เพียงพอแล้ว

แต่สำหรับหวังทงแล้ว เงินจำนวนนี้อย่างมากก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีหน้ามีตาได้ เพียงเท่านี้จริงๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เมื่อมีโอกาสใช้ชีวิตเป็นครั้งที่สอง หวังทงไม่อยากจะมีชีวิตราบเรียบเหมือนกับชาติก่อนเช่นนั้น เขาอยากจะมีชีวิตที่รุ่งเรืองโชติช่วง มีชีวิตที่ได้ดังใจปรารถนา

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเงินทอง ทุกปีมีมีเงินส่วยแค่ 20-30 ตำลึง จะไปพอทำอะไรได้…

จางซื่อเฉียงดื่มมากไปแล้ว หวังทงจึงไล่ให้กลับไปนอน ตนเองกลับยืนอยู่ตรงกลางลานบ้านมองวังหลวงที่อยู่ห่างไกลออกไปตลอดบ่ายวันนั้น

“ท่านลุง ขอสอบถามเรื่องในจวนหน่อยได้หรือไม่?”

หวังทงกวาดพื้นอย่างสะอาดไปก็กระซิบถามชายชรารับใช้ผู้นั้นไป ชายชราผู้นั้นมองเขาอย่างระแวดระวัง ตอบเสียงแข็งว่า

“ข้าเฝ้าประตูกวาดพื้นทุกวัน จะไปรู้เรื่องราวอะไรในจวน อย่าถามข้า!”

พอได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ หวังทงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อสักครู่ที่พูดไปนั้นก็มีเจตนาหยั่งเชิงดู ที่มีเรื่องลงไม้ลงมือนั้น นอกจากเจ้าตัวเองแล้วก็พูดแค่กับชายชราผู้นี้เท่านั้น ชายชราผู้นี้เป็นเพียงสายสัมพันธ์เส้นเดียวที่เชื่อมระหว่างตนกับนายกองร้อยเถียน

รอจนหวังทงไปยกถังน้ำ ก็ถูกชายชรารับใช้แย่งไปก่อน ยิ้มกล่าวว่า

“ตาแก่อย่างข้าอาศัยงานนี้ออกกำลังกาย ใต้เท้าน้อยอย่างเจ้าทำไปหมด แล้วข้าทำอะไร?”

มองชายชราสวมชุดสีครามเบื้องหน้า หวังทงพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยปากถามว่า

“ท่านผู้เฒ่า ได้พบท่านมาหลายวัน ยังไม่ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามท่านเลย”

“ใช้แรงงานอย่างนี้ทุกวัน จะไปมีชื่อเสียงเรียงนามอะไร ข้าแซ่เถียน”

“ท่านเป็นญาติกับใต้เท้าเถียน?”

ชายชราผู้นั้นหัวเราะเสียงดังขึ้น วางถังน้ำในมือลงแล้วกล่าวขึ้นว่า

“ใต้เท้าน้อย ท่านไม่รู้หรอกหรือว่าเป็นคนรับใช้ผู้อื่นจะต้องใช้แซ่ตามเจ้านาย ตาแก่อย่างข้าแน่นอนย่อมต้องแซ่เถียน”

คำพูดนี้พูดจนหวังทงรู้สึกอายขึ้นมา ชายชราราดน้ำลงพื้นไปสองสามกระบวยก่อนยิ้มพลางกล่าวว่า

“คิดอยากจะสานสัมพันธ์กับใต้เท้าเถียนผ่านตาแก่อย่างข้าหรือ ข้าขอเตือนใต้เท้าน้อย ยกเลิกความคิดนี้เสียเถิด เห็นท่านเป็นคนจิตใจดี ย่อมได้รับผลดีตอบแทน กังวลไปไย”

หวังทงยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้า หากจิตใจดีได้รับผลตอบแทนดี ไยตนเองจึงต้องพบกับเรื่องน่าบัดซบมากมายขนาดนี้

การรายงานตัวในเช้าวันนี้ต่างจากวันอื่นอยู่บ้าง อันดับแรกนายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งอ้างว่าป่วยขอลา เจ้ากั๋วต้งยืนอยู่ในมุมหนึ่งอย่างขลาดกลัว

สองสามคนที่เคยติดตามหวังลี่ไปมาเก๊าล้วนเข้ามายิ้มแย้มทักทาย คำพูดยังแสดงถึงความรำลึกถึงหวังลี่ และสุภาพกับหวังทงมาก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่เป็นน้ำใจจอมปลอม มิเช่นนั้นตอนหวังลี่ป่วยจากไป ตอนเคารพศพไยจึงไม่เห็นคนที่มาแสดงการรำลึกถึงอย่างเช่นตอนนี้

รายงานตัวเสร็จ วันนี้ก็ไม่มีงานอะไร พอกลับไปถึงถนนทักษิณ ก็ไม่เห็นเจ้ากั๋วต้งมา หวังทงเดาพอได้อยู่บ้าง จึงออกปากกล่าวกับจางซื่อเฉียงว่า

“พี่จาง ถนนเส้นนี้ยาวอยู่ เราสองคนเดินลาดตระเวนด้วยกัน มิสู้ผลัดกันไปหรอก ท่านไปพักรอที่บ้านข้าเถอะ”

สิ่งที่เขาคิดนั้น การประจำการก็เหมือนกับตำรวจออกลาดตระเวน ต้องเดินไปเดินมา แก้ไขข้อพิพาท รักษาความสงบ คิดไม่ถึงว่าจางซื่อเฉียงจะมีสีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง หวังทงอดไม่ได้ถามขึ้นว่า

“หรือมีอะไรไม่ถูกต้อง!?”

“ที่ท่านพูดก็ไม่มีอะไรผิด หากงานประจำการนี้ แค่ตามเก็บเงินรายเดือนก็พอ ปกติไปนั่งดื่มในร้านน้ำชา ไม่มีงานก็ไปทำธุระการงานที่บ้านได้”

การประจำการก็คือการรับเงินไม่ต้องทำงานนี่เอง หวังทงคิดไม่ถึงจริงๆ จางซื่อเฉียงเห็นหวังทงเงียบไป ยังคิดว่าตนเองกล่าวอันใดผิดพลาดไป ก็รู้สึกแตกตื่นขึ้นมา

“ในเมืองเราพี่น้องต้องดูแล งั้นก็เดินดูหน่อยละกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version