Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 146

ตอนที่ 146 ถูกรังแกกลับมา

หอฉินก่วนก็เหมือนกับหอคณิการะดับสูงส่วนใหญ่ที่พอเข้าประตูไปก็จะพบระเบียงด้านบนโดยรอบ หากตกแต่งเป็นโดมคลุมทำจากราวไม้ไผ่และผ้าอาบน้ำมัน จากนั้นก็แขวนด้านบนไว้ พร้อมแขวนโคมไฟ เป็นเหมือนห้องกั้นขนาดใหญ่ที่บดบังสายตาผู้คน

พอเข้าประตูไปที่ชั้นหนึ่งก็จะมีฉากบังลมและที่นั่ง นี่ก็คือโถงใหญ่ พอแขกทุกคนเข้ามาก็จะหยุดดื่มน้ำชาและฟังเครื่องดนตรีบรรเลงกันที่นี่ หากให้การต้อนรับขุนนางหรือคหบดีใหญ่ ก็จะเชิญอาจารย์ด้านการบรรเลงที่มีชื่อมา ทำให้บรรยากาศดูหรูหรา

ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวที่หรูหรา แขกจะดื่มสุราไป หาความสำราญไป หากอยากครึกครื้น ก็เปิดม่านออกมองลงมายังห้องโถงใหญ่ด้านล่าง ก็นับเป็นความบันเทิงหนึ่งเช่นกัน

หอฉินก่วนก็เช่นเดียวกัน แต่วันนี้ค่ำแล้ว ไม่มีใครมาหาความสำราญกันที่โถงใหญ่ แขกไม่หาความสำราญกันอยู่ด้านหลัง ก็จะร่ำสุราหาความสำราญกันในห้องส่วนตัว

หลี่ว์วั่นไฉกำลังปะทะกับแม่เล้าซ่ง เพิ่งกล่าววาจาข่มขู่ไป ก็ได้ยินเสียงตวาดดังมาจากชั้นสอง หลี่ว์วั่นไฉสะดุ้งทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าหน้าต่างบานหนึ่งของห้องชั้นสองเปิดออกตั้งแต่เมื่อไร มีคนผู้หนึ่งยืนจับขอบหน้าต่างมองมา เพราะเป็นกลางคืน แสงโคมก็ย่อมส่องให้เห็นแค่เลือนลาง หลี่ว์วั่นไฉเงยหน้าขวับขึ้นไปมอง ก็มองเห็นไม่ชัด

“ช่างไร้ธรรมเนียม กล้ามาหาเรื่องที่หอฉินก่วนนี้!”

เสียงตวาดดังมาอีก จากนั้นคนผู้นั้นก็หันหน้ามา หลี่ว์วั่นไฉครั้งนี้ได้ยินชัดเจน คนผู้นี้สามารถสั่งสอนตนเองได้จริงๆ เขาคือรองเจ้ากรมแห่งศาลซุ่นเทียน เฉินจื้อจง

หลี่ว์วั่นไฉสบถด่าในใจ ได้ยินเสียงดังตึงตังมาจากทางบันได รองเจ้ากรมเฉินครานี้วิ่งลงมาด้วยตนเอง แน่นอนสวมชุดลำลอง วิ่งมาหยุดหน้าหลี่ว์วั่นไฉอย่างรวดเร็ว ชี้หน้าด่าหลี่ว์วั่นไฉเสียงดังว่า

“ใครใช้เจ้ามาฮึ ใครออกหนังสือให้เจ้ามาตรวจค้น…”

นิ้วมือที่ชี้ด่าเกือบทิ่มหน้า หลี่ว์วั่นไฉผงะถอยไปหนึ่งก้าว พยายามระงับโทสะเอาไว้ ประสานมือรายงานว่า

“เรียนท่านรอง เจ้าพนักงานสี่นายของศาลเราถูกหอแห่งนี้กักตัวไว้ ข้าน้อยมาขอคน”

“โย~~~ใต้เท้าหลี่ว์อย่าได้กล่าวเช่นนี้ เจ้าโจรพวกนั้นมาให้หอฉินก่วนเราซื้อป้ายไม้หลายพันตำลึง ข้าน้อยก็รู้สึกแปลกใจ นี่ย่อมเป็นโจรที่อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานมาต้มตุ๋น เพื่อมิให้เสื่อมเสียถึงศาลซุ่นเทียน จึงได้ให้คนของเราจับตัวไว้ กำลังรอว่าพรุ่งนี้จะส่งไปศาลซุ่นเทียน!”

หลี่ว์วั่นไฉถลึงตาจ้อง กำลังจะด่า เฉินจื้อจงกลับหัวหน้ามาส่งยิ้มให้พร้อมกล่าวว่า

“แม่เล้าซ่งคำนึงถึงศาลซุ่นเทียนเราเช่นนี้ ข้าย่อมเรียนท่านเจ้ากรม ยังต้องขอบคุณความใส่ใจของแม่เล้าซ่งถึงจะถูก!”

ได้ยินวาจาของทั้งสอง หลี่ว์วั่นไฉก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ตามคาด สีหน้าเฉินจื้อจงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ตวาดเสียงดังว่า

“ไม่ได้ยินหรือว่าแม่เล้าซ่งบอกว่าเป็นพวกโจร ยังจะตามตอแยอะไรอีก จะไปทำอะไรก็ไป!”

“เรียนท่านรอง มีเจ้าพนักงานสี่คนของศาลเราถูกกักขังอยู่ที่นี่จริงๆ เป็นเจ้าพนักงานที่มาด้วยกันผู้หนึ่งรายงานต่อข้าน้อย วาจานี้เชื่อได้อย่างแน่นอน นางแม่เล้าผู้นี้วาจาเหลวไหล ใต้เท้า”

“หุบปาก!! ระดับแม่เล้าซ่งจะกล่าววาจาเหลวไหลได้อย่างไร แม้ว่าเป็นเจ้าพนักงานของศาลเรา แต่กล้ามาต้มตุ๋นหลอกลวงเงินทองซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ ข้าก็ต้องเอาผิดมันแล้ว ผู้ช่วยหลี่ว์ เจ้าเลื่อนตำแหน่งไม่นาน อย่าได้เลอะเลือน จะได้ไม่ปิดกั้นอนาคตวันข้างหน้า รีบไปๆ อย่าได้กีดขวางการค้าของหอฉินก่วน!”

คำพูดของหลี่ว์วั่นไฉถูกรองเจ้ากรมเฉินจื้อจงตอกกลับไป อย่างไรก็เป็นผู้บังคับบัญชาของตน แม้ว่าระยะหลังจะยอมลงให้ แต่ก็ยังคงเป็นผู้บังคับบัญชา หลั่ว์วั่นไฉจึงไม่กล้าปะทะด้วย ลังเลพักใหญ่ ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะประสานมือกล่าวว่า

“เรียนท่านรอง บางทีเรื่องนี้อาจเข้าใจผิด เช่นนั้นข้าน้อยของนำเจ้าพนักงานทั้งสี่กลับไปสั่งสอนที่ศาลได้หรือไม่?”

นี่เป็นการยอมอ่อนให้แล้ว สีหน้าเฉินจื้อจงเผยแววพึงพอใจ หันไปมองแม่เล้าซ่ง หญิงอายุน้อยผู้นี้สีหน้ากลับเย็นเยียบอยู่สักหน่อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า

“พวกเจ้าหน้าที่ปกป้องกันเอง ใครจะไปรู้ได้ ในเมืองมีโจรเช่นนี้ ไม่รู้ว่าต้มตุ๋นคนอาชีพเดียวกับเราไปเท่าไรแล้ว ข้าน้อยจะต้องนำโจรพวกนี้ส่งไปที่ศาล ขอให้ใต้เท้าเจ้ากรมตัดสินลงโทษ หากไม่มีคำตอบให้ ข้าน้อยก็จะไปตีกลองร้องกรมอาญา ต้องร้องขอความเป็นธรรม”

หลี่ว์วั่นไฉตบพัดในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ชี้หน้าแม่เล้าซ่งตวาดเสียงดังว่า

“นางผู้นี้ ข้าเสนอป้ายสงบสุขก็เพื่อความสงบสุขของคนร่วมอาชีพเจ้า เจ้าพนักงานพวกนั้นก็เป็นคนที่ข้าส่งมา เจ้ากลับมาเยาะใส่อ้างนั่นอ้างนี่ เจ้าเห็นกฎหมายอยู่ในสายตาหรือไม่…”

วาจากล่าวได้เพียงครึ่ง ก็ถูกเฉินจื้อจงขัดขึ้น เฉินจื้อจงเหลือบมองสีหน้าแม่เล้าซ่งไปก็สบถด่าเสียงเย็นเยียบไปว่า

“ป้ายสงบสุขอะไร ข้าเป็นถึงรองเจ้ากรมยังไม่เคยได้ยิน หลี่ว์วั่นไฉหากเจ้ายังเหลวไหลอีก พรุ่งนี้ข้าจะยื่นร้องเรียนเจ้า แม้แต่ท่านเจ้ากรม ก็ย่อมไม่ปล่อยเจ้าแน่ รีบไสหัวไป!!”

สีหน้าแม่เล้าซ่งเผยรอยยิ้มเยาะเล็กน้อย มองหลี่ว์วั่นไฉอย่างไม่ยี่หระ โถงใหญ่ที่สงบเงียบพลันส่งเสียงอื้ออึงขึ้น หน้าต่างห้องชั้นสองไม่น้อยก็เปิดออก หลายคนมองลงมา ข้างกายไม่น้อยล้วนมีสาวงามเคียงข้าง ชี้มือชี้ไม้มา หัวเราะคิกคัก

“ใต้เท้าเฉินผดุงคุณธรรม เป็นที่พึ่งประชา!!”

ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนหยอกล้อขึ้น เจอตอต่อเนื่อง รอบข้างสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าดำๆ ของหลี่ว์วั่นไฉเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ อ้าปากจะกล่าวอะไร แต่ก็ไม่ได้กล่าววาจาใดออกมา สุดท้ายได้แต่ประสานมือ หันหน้าจากไป

“ใต้เท้าหลี่ว์ ตั้งแต่ท่านมาคราที่แล้ว สาวๆ ในหอฉินก่วนก็เอาแต่บ่นถึงท่านนะ! หรือขึ้นไปช่วยกิจการเราหน่อยไหม!!”

ด้านหลังได้ยินเสียงแม่เล้าซ่งเชื้อเชิญดังมา ชั้นสองและโถงใหญ่ของหอฉินก่วนก็ส่งเสียงฮาครืนดังขึ้น หลี่ว์วั่นไฉอับอายอย่างที่สุด ฝีเท้ายิ่งก้าวเร็วขึ้น

หวังซื่อกับหลี่กุ้ยไม่ได้ตามเข้าไปด้วย พอเห็นลูกพี่ตนเดินหน้าดำออกมา พร้อมเสียงฮาด้านหลัง ก็รู้ว่าเรื่องราวไม่สำเร็จ รีบปรี่เข้าไปหาไม่ทันได้ถาม ก็ได้ยินหลี่ว์วั่นไฉกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นว่า

“ไป เรากลับไปหาใต้เท้าหวังกัน ให้ใต้เท้ามาเอาคืนแทนพวกเรา”

****

“น้องหวัง ตั้งแต่ข้ารับตำแหน่งเป็นขุนนางมาเกือบ 20 ปี ไม่เคยต้องเสียหน้าเช่นนี้เลย แค้นนี้ไม่สะสาง เกรงว่าคงอัดอั้นจนระเบิดเป็นแน่!”

พอหลี่ว์วั่นไฉกลับถึงบ้านหวังทง คนที่อยู่กับหวังทงเมื่อครู่ยังไม่จากไปไหน หลี่ว์วั่นไฉมาถึงที่นี่ราวกับบ้านตนเอง ความอัดอั้นที่ถูกเหยียดหยามที่หอฉินก่วนก็ระเบิดออกมาทันที

หวังทงลุกขึ้นรินน้ำชาส่งให้ ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

“พี่หลี่ว์ลำบากท่านแล้ว ดื่มน้ำชาระบายความอัดอั้นก่อน เล่าเรื่องที่ได้พบที่หอฉินก่วนมาให้ข้าฟังตั้งแต่ต้นสักรอบ”

ชาถ้วยนี้เพื่อดับกระหายและเพื่อแสดงความขอบคุณ หวังทงกับหลี่ว์วั่นไฉรู้ดีว่าครั้งนี้หลี่ว์วั่นไฉออกเป็นทัพหน้าเพื่อหยั่งดูว่าอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร ดูว่าเบื้องหลังเป็นผู้ใด

หลี่ว์วั่นไฉดื่มชาเสร็จก็เริ่มเล่า หวังทงตั้งใจฟัง รอจนเล่าจบ หวังทงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่ได้เอ่ยถามอันใด หันไปบอกถานเจียงว่า

“เรียกคนของเจ้าสิบกว่าคนทางนั้นให้มาที่นี่พรุ่งนี้!”

ถานเจียงรับคำ หวังทงเอ่ยถามขึ้นว่า

“พี่หลี่ว์ รองเจ้ากรมเฉินเป็นบุคคลระดับใดในศาลซุ่นเทียน เทพองค์ใดที่สามารถทำให้เขาต้องออกหน้าสานสัมพันธ์เช่นนี้?”

“ก็พูดยาก ศาลซุ่นเทียนเป็นสถานที่รองรับอารมณ์ของหลายฝ่ายในเมืองหลวง ไม่ว่าเทพองค์ใดก็ต้องสานสัมพันธ์ทั้งนั้น”

“หอฉินก่วนเปิดมานานเท่าไรแล้ว?”

“อันนี้ต้องสืบก่อน เมื่อก่อนเป็นสถานที่ที่ดี แต่ชื่อเสียงไม่ได้ยิ่งใหญ่เช่นวันนี้…”

หลี่ว์วั่นไฉกล่าวอย่างลังเล หลี่กุ้ยข้างๆ ก็เอ่ยเสริมขึ้นว่า

“ชื่อเสียงเพิ่งมามีเมื่อสามเดือนนี้เอง พี่ติงที่รับหน้าที่ซื้อเสบียงอาหารให้ศาลเราสนิทกับข้าน้อย เขาผู้นั้นชอบที่นี่ที่สุด”

หวังทงพยักหน้า ชูสามนิ้วขึ้นกล่าวว่า

“เบื้องหลังหอฉินก่วนน่าจะเป็นขุนนางผู้ใหญ่สักคน นี่คือประการแรก ขุนนางผู้ใหญ่ผู้นี้ย่อมเรืองอำนาจไม่นาน นี่คือประการที่สอง คำพูดว่า ‘โจรต้มตุ๋นเงินทอง’ ย่อมแสดงให้เห็นว่าหอฉินก่วนเตรียมการมาก่อน และก็เตรียมไว้นานแล้ว เกรงว่าไม่ว่าเราไปเร็วหรือไปช้าก็ย่อมต้องเจอตอเช่นนี้!”

วิเคราะห์จบ ทุกคนก็พยักหน้า หวังทงลุกขึ้นเดินไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ผู้ช่วยงานเราที่นอกเมืองให้เข้าเมืองมาให้หมด หวังซื่อ หลี่กุ้ย คนของเจ้าที่พอจะสู้เป็นมีเท่าไร จะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการหรือไม่ก็ได้?”

“…หลายสิบคนพอเรียกมาใช้งานได้…”

“ดี เรียกมาให้หมด เงินที่ต้องจ่าย ข้าจะจ่ายให้เอง พรุ่งนี้เช้าข้าไปสืบดูก่อนกว่าเบื้องหลังหอฉินก่วนเป็นผู้ใดกันแน่?”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ หลี่ว์วั่นไฉที่อารมณ์สงบนิ่งลงแล้วก็สงสัย ลุกขึ้นถามว่า

“น้องหวัง สถานที่ระดับในเมืองหลวงเช่นนี้ เกรงว่าเบื้องหลังจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสี่คนที่ถูกจับไปนั่นก็แค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น พอส่งไปที่ศาล ค่อยไปเอาตัวออกมาก็ได้ หากล่วงเกินคนระดับนั้นด้วยเรื่องเช่นนี้ ไม่ควรค่าเลย”

หวังทงหัวเราะฮาลั่น โบกมือกล่าวว่า

“ไปถามไม่ใช่ว่ากลัวว่าเป็นผู้ใด แค่เพื่อให้ชัดเจนเท่านั้น ตอนนี้หอฉินก่วนแสดงทีท่าชัดเจนว่าต้องการข่มพวกเรา หากยอมกัดฟันทน ป้ายสงบสุขก็อย่าได้หวังจะไปขายที่อื่นได้อีก จะว่าไป ทำร้ายคนของข้า–หวังทง ย่อมต้องจ่ายคืนเป็นสิบเท่า”

หลี่ว์วั่นไฉ หลี่ซื่อและหวังกุ้ยได้ยินวาจานี้แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไรดี หลี่ว์วั่นไฉจึงเป็นคนนำทั้งสามคนก้มตัวคำนับ

****

เช้าวันรุ่งขึ้น ช่างบังเอิญจริง เพราะในวังถูกจับไปราวสามร้อย ตำแหน่งที่ว่างต้องการเติมคนเข้าไปทดแทน โจวอี้นำคนสำนักบูรพาออกมาแต่เช้า แต่ไม่ได้มาที่ลานฝึกหู่เวย หากตรงไปที่วัดฉือเอินนอกเมืองเพื่อคัดเลือกชายตอนเข้าวัง

เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักบูรพา หวังทงที่คิดจะสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังของหอฉินก่วนก็เป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย หวังทงได้แต่ปล่อยผ่านไป นำถานเจียงและหลี่เหวินหย่วนไปตระเวนรอบหอฉินก่วนในตอนเช้า

ตอนกลางวันจางซื่อเฉียงก็ได้ข่าวมาว่า หอคณิกาและบ่อนพนันในเขตปัจจิมและเขตทักษิณร่วมมือกัน หากว่าหอฉินก่วนสามารถต่อต้านซื้อป้ายสงบสุขได้ วันหน้าก็จะยกให้หอฉินก่วนเป็นผู้นำ แบ่งสรรกำไรให้

ชีวิตที่ลานฝึกหู่เวยในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างปกติ หวังทงกลับบ้านมาก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยาวออกจากบ้านไป ฟ้าค่อยๆ มืดลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version