Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 154

ตอนที่ 154 ร่วมวงวิวาท

เมื่อเห็นว่าประตูยังไม่ถูกคนปิดทางออกไว้ เฉินซือเป่าตะโกนให้พรรคพวกลุยออกไป ชายรับใช้ด้านนอกพวกนั้นปฏิกิริยาฉับไวกว่า กรูกันเข้าปิดทางออกไว้ทันที

หอสุราใหญ่โตเช่นนี้ ด้านนอกมีเพิงพักดื่มน้ำชา ข้างในนั้นมีน้ำชาและอาหารสำหรับผู้ติดตามและคนรับใช้ของพวกชนชั้นสูงไว้พักผ่อนรอเจ้านาย

ตอนเข้ามา เฉินซือเป่าและพรรคพวกคิดถึงแต่อาหารเลิศรส ไหนเลยจะสังเกตสถานที่โดยรอบนี้ให้ละเอียด เห็นคนที่มาขวางทางตรงประตูไว้ก็ล้วนเป็นคนตระกูลฟางที่หน้าตาคุ้นเคย อดแอบร้องโอยในใจไม่ได้

ถังซื่อไห่เริ่มลงมือประเคนใส่ทั้งหมัดทั้งเท้า ผู้น้อยย่อมไม่อาจล่วงเกินผู้ใหญ่ คนตระกูลฟางไม่รู้ว่าเป็นคนของตระกูลใดจึงได้แต่ป้องกันจุดสำคัญเอาไว้ หรือไม่ก็ยกมือปัดทิ้ง ไม่กล้าลงมือโต้กลับ

ไม่นาน ก็มีเสียงโหวกเหวกดังมาจากชั้นบน คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเฉินซือเป่าสิบกว่าคนพากันวิ่งลงมา เถ้าแก่ที่อยู่ตรงโต๊ะเก็บเงินชั้นล่างเห็นดังนั้น สีหน้าก็บิดเบี้ยว ยังไม่ทันรอให้เถ้าแก่ออกมาขอร้อง คนพวกนั้นที่ลงมาจากชั้นบนก็ประสานมือกันพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ขอทุกท่านให้เกียรติสักครั้ง จวนอันผิงโหวมีกิจต้องสะสาง บัญชีของทุกท่านข้าจะจัดการให้เอง!”

บรรดาศักดิ์สามระดับสูงตั้งแต่กง โหว และป๋อ ตระกูลที่เป็นถึงระดับโหวได้ก็ย่อมเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา เอ่ยนามออกมา บรรดาคนที่นั่งอยู่ชั้นล่างก็รีบลุกไป ก้มหน้าก้มตาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ชายรับใช้ที่ขวางปิดทางอยู่หน้าประตูก็เปิดทางให้ช่องหนึ่ง ปล่อยบรรดาแขกเหล่านั้นออกไป จากนั้นก็อุดกันแน่นหนาอีกครั้ง

เฉินซือเป่าสบถใส่พื้นไปคำหนึ่ง กัดฟันหันไปมอง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันว่า

“ฟางจงผิง ก็แค่เทศกาลเก้าเดือนเก้าปีก่อนแข่งขันกัน ข้าขี่ม้าชนะเจ้า แค้นนี้ไยต้องฝังใจถึงเพียงนี้ ไยไม่จบไม่สิ้น?”

ฟางจงผิงผู้นั้นสีหน้าเย็นเยียบ กำลังจะกล่าววาจา ถังซื่อไห่ก็หันมาหยอกล้อว่า

“พี่เฉิน เขาย่อมจำฝังใจ มาหาเรื่องพวกเราถึงสองครั้ง ล้วนถูกพวกเราจัดหนักกลับไปไม่ใช่หรือ?”

เฉินซือเป่า ถังซื่อไห่และคนอื่นๆ ทั้งหมดรวมห้าคน ตอนนี้ล้วนหันหน้ากลับมา ได้ยินวาจาหยอกล้อ ก็พากันฮาครืนดังลั่น สีหน้าฟางจงผิงยิ่งเลวร้ายลง ยกชายเสื้อผ้าไหมตัวยาวขึ้น ขยับมือขยุกหยิกเหน็บไว้ที่สายรัดเอว บรรดาคุณชายตระกูลสูงที่อยู่ด้านหลังก็ทำเช่นเดียวกัน

สำหรับพวกคุณชายมีเงินพวกนี้แล้ว ไม่สวมชุดยาวย่อมไม่อาจแสดงสถานะสูงส่ง แต่เมื่อจะลงมือต่อยตี ชุดยาวเกรงว่าจะเกะกะเกินไปสักหน่อย ดังนี้จึงเลิกชายเสื้อยาวขึ้นเหน็บเอวไว้ นี่ก็คือความเคยชินยามเมื่อเตรียมจะลงมือ

“เฉินซือเป่า เห็นเจ้าสวมชุดเน่าๆ เช่นนี้แล้ว หรือว่าตระกูลเจ้าล้มละลาย ต้องไปทำงานคุ้มกันบ้านแทน ที่จวนข้ายังขาดสุนัขสองสามตัว จะมาไหม มีอาหารให้เจ้ากินจนอิ่ม!”

เฉินซือเป่าก้มหน้าลงกล่าวกับคนข้างๆ ว่า

“จำไว้ว่าให้จัดรูปแถวเรียงห้าคน ต้านไว้ก่อน รอจังหวะว่าจะหนีได้ไหม…”

เขายังพูดไม่จบ วาจาของฟางจงผิงยั่วถังซื่อไห่โกรธจัด ตะโกนด่าเสียงดังบุกเข้าใส่ทันที ที่นั่งชั้นล่าง ยังมีโต๊ะและม้านั่งวางเต็มพื้นที่ ถังซื่อไห่บุกเข้าไปเช่นนี้ จะวิ่งก็ไม่ได้ วิ่งไปได้สองก้าว ก็มีคนโยนม้านั่งใส่ทันที

เขากระโดดหลบทันทีโดยสัญชาติญาณ ทางนั้นพุ่งออกมาสองคน คนหนึ่งรวบเอว คนหนึ่งฉุดกระชาก ลากถังซื่อไห่ล้มลงกับพื้น ถังซื่อไห่ได้รับการฝึกที่ลานฝึกมานาน ร่างกายแข็งแรงขึ้นไม่น้อย ดิ้นรนอยู่ที่พื้นสักพักก็สะบัดตัวหลุดออกมาได้ คนของฟางจงผิงมีไม่น้อย อีกคนก็พุ่งเข้ามา ทั้งหมัดทั้งเท้าประเคนเข้าใส่

เฉินซือเป่ากับถังซื่อไห่เป็นสหายกัน ได้ร่วมฝึกด้วยกันที่ลานฝึก มิตรภาพก็ยิ่งแนบแน่น เห็นถังซื่อไห่ถูกรุม เฉินซือเป่าก็ทนไม่ไหว ตะโกนเสียงดังบุกเข้าใส่ทันที

ตะลุมบอนกันมั่วซั่วแบบนี้ ก็ย่อมไม่อาจใส่ใจกับการตั้งค่ายต่อสู้แล้ว หากฝึกกันมาได้ไม่ถึงสองเดือน เฉินซือเป่ากับพวกก็ย่อมไม่ได้แข็งแรงมากไปกว่าพวกคุณชายพวกนี้เท่าไรนัก

กำลังน้อยย่อมไม่อาจทานกำลังมากได้เป็นเรื่องธรรมดา สามสี่คนรุมคนเดียว ไม่นานก็ล้มลงโดนรุมกินโต๊ะ เฉินซือเป่าคว้าม้านั่งมาได้ตัวหนึ่ง เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา ครู่หนึ่งก็ลุกยืนได้มั่น

แต่คนที่ถูกรุมล้มลงไปนั้นมีมาก คนมือเปล่าค่อยๆ รุมล้อมเข้ามา ฟางจงผิงหัวเราะคิกคักกล่าวว่า

“แน่จริงก็วางม้านั่งลง พวกเรามือเปล่าตัวต่อตัว ไม่เช่นนั้นไม่นับว่าเป็นลูกผู้ชาย!”

คนมากรังแกคนน้อย นี่ไม่ต้องมาพูดเลยว่าลูกผู้ชาย เฉินซือเป่าไม่ได้โง่ ม้านั่งในมือกลิ้งไปหลายตลบ กระดอนไปทางประตูที่เริ่มมีคนน้อยลง

****

ถนนสายนี้คึกคักมาก หอวาสนาแม้ว่าจะมีเรื่องกัน แต่เด็กๆ ที่เดินเล่นกันอยู่ในที่อื่นๆ ต่างไม่รู้เรื่อง ทุกคนยังสนุกกับเรื่องของตนเอง เที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน

คนของสำนักบูรพาและพวกเจ้าหน้าที่ที่ติดตามกลุ่มของเฉินซือเป่า พอเห็นว่าข้างใจจะมีเรื่องกัน ก็ร้อนใจยิ่ง หลายคนคิดจะบุกเข้าไปข้างใน แต่กลับถูกคนที่อุดทางเข้าหน้าประตูขวางไว้ คนของสำนักบูรพาแสดงตัว คนพวกนั้นไม่สนใจ กล่าวเพียงว่า

“ข้างในนั้นคือคุณชายสามแห่งจวนอันผิงโหว พวกเจ้ามีเรื่องอะไรไปคุยที่จวนเรา!”

ได้รับพระราชทานถึงระดับกง โหวและป๋อนี้ ก็ไม่ถูกจำกัดอยู่ใต้กฎหมายราชวงศ์หมิงแล้ว คนของสำนักบูรพาและคนอื่นๆ ต่างก็ไม่กล้าบังอาจ ได้แต่จับตามองและส่งคนไปรายงาน

ฮ่องเต้ว่านลี่กับหลี่หู่โถวกำลังยืนอยู่หน้าแผงลอยริมทาง ในมือต่างถือขนมเปี๊ยะสอดไส้ กินกันอย่างตื่นเต้นดีใจ ฮ่องเต้ว่านลี่มีของกินอัดแน่นอยู่เต็มปาก ยังถามด้วยความแปลกใจว่า

“ไส้ขนมนี้ยังมีผลผิงกั่วเป็นไส้ด้วย อืม อร่อยจริงๆ ต้องแพงมากแน่เลยใช่ไหม หนึ่งตำลึงได้กี่ชิ้น!?”

วาจาของเขาทำเอาเจ้าใหญ่และคนขายเปี๋ยะสอดไส้พากันหัวเราะขึ้น เจ้าของร้านกล่าวติดตลกว่า

“คุณชายท่านนี้ หนึ่งตำลึงซื้อได้มากกว่าร้อยอัน นี่ยังเป็นขนมเปี๊ยะขึ้นชื่อของข้าหม่าเหลียงที่สอดไส้ผลไม้ เลือกสรรวัตถุดิบอย่างดี ออกจากตรอกม้าหินไป สิบอีแปะซื้อได้สามชิ้น”

ฮ่องเต้ว่านลี่ก็พูดไปเรื่อยอย่างนั้น กำลังกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย หวังทงก็เพิ่งเคยเห็นขนมเปี๊ยะไส้ผลผิงกั่วหรือแอปเปิ้ลครั้งแรกก็ตกใจมาก เดิมเขาคิดว่าเป็นผลไม้ในยุคปัจจุบัน และมีที่มาจากตะวันตก คิดไม่ถึงว่าสมัยหมิงนี้ก็มีแล้ว (ประวัติศาสตร์มีจริง ไม่ได้แต่งขึ้นเอง)

“นอกจากขนมเปี๊ยะไส้ผลไม้ตระกูลหม่าเราแล้ว หากทุกท่านอยากลิ้มลองความสดใหม่ ด้านในเดินไปไม่ไกล ยังมีขนมพุทราแดงร้านหนึ่ง อย่าว่าแต่คนเมืองหลวงเรา แม้แต่คนตระกูลใหญ่ที่เมืองทงโจวยังส่งคนมาซื้อเลย!”

กินขนมไป ก็ฟังคนขายเล่าไป ทำให้จิตใจรู้สึกแจ่มใสดีมาก ฮ่องเต้ว่านลี่พอกินเสร็จ ก็กล่าวขึ้นสีหน้าเต็มไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่า

“พวกเราไปลองขนมพุทราแดงกัน รอตอนขากลับค่อยแวะซื้อขนมเปี๊ยะสอดไส้นี่….”

พูดไม่ทันจบ ด้านหน้าก็มีเสียงด่าทอและเสียงตกอกตกใจดังมา พอปรากฏตัวขึ้น เจ้าใหญ่ก็มายืนบังอยู่หน้าฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว พวก ‘ประชาชน’ ที่เดินเล่นกันอยู่โดยรอบก็รุมล้อมเข้ามา หวังทงยกมือขึ้นแตะมีดสั้นที่เอว จ้องมองไปทางเสียงที่ดังมา

เสียงร้องโหวกเหวกดังใกล้เข้ามาไม่หยุด กลุ่มคนพากันแหวกทาง เห็นคนสวมชุดน้ำเงินของลานฝึกวิ่งล้มลุมคลุกคลานเข้ามา เจ้าใหญ่เป็นคนแรกที่ตะโกนขึ้นก่อน

“นั่นมันเฉินซือเป่านี่ เกิดอะไรขึ้น!!? พวกถังซื่อไห่ล่ะ!?”

วาจานี้ก็เพื่อบอกกล่าวแก่องครักษ์โดยรอบว่าคนที่มาเป็นผู้ใด องครักษ์ที่รุมล้อมฮ่องเต้ว่านลี่อยู่ก็พากันสลายตัว

ทันที

เพราะกลุ่มคนรวมตัวและสลายตัวเร็ว ฮ่องเต้ว่านลี่จึงไม่ทันได้สังเกต กลับสนใจเพียงแค่ใบหน้าเขียวช้ำของเฉินซือเป่า ไม่มีใครไล่ตามเฉินซือเป่ามา ก็นับว่าต่อยตีกันจบไปแล้ว ไม่ถึงขั้นวิกฤตความเป็นความตาย

เฉินซือเป่าเสื้อผ้าขาดวิ่นหลายแห่ง ท่าทางเอน็จอนาถมาก เดิมคิดจะไปตามกำลังจากที่บ้านอย่างไม่สนใจอะไรแล้ว คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะได้พบกับพวกหวังทง

เขาตั้งสติได้เร็วมาก เมื่อแจกของอร่อยก็ต้องแจกผ่านหวงอี้จวินนี่ เด็กๆ ในลานฝึกหรือแม้แต่หวังทงที่เก่งไปทุกเรื่องก็ใส่ใจเด็กสองคนนี่มากเป็นพิเศษ เขาหอบหายใจรุนแรง เห็นชัดว่าต้องตอบคำถามเจ้าใหญ่ แต่สายตากลับจับจ้องไปทางหวงอี้ จวิน

“เรียนครูฝึก พลทหารทุกท่าน เมื่อครู่พวกเราไปหาไรกินกัน ถูกคู่อริเก่ามาปิดทางออกไว้ ตอนนี้เสี่ยวถังพวกนั้นยังถูกพวกมันรุมอยู่ ทุกคนรีบไปช่วยพวกเขากันเถอะ!”

สายตาของทุกคนทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจต่างพากันมองไปทางฮ่องเต้ว่านลี่ แต่ฮ่องเต้ว่านลี่กลับมองไปทางหวังทง หวังทงพยักหน้าอย่างไม่ทันรู้ตัว

ฮ่องเต้ว่านลี่สีหน้ามีความโกรธแค้นอยู่ก่อนแล้ว พอหวังทงพยักหน้าก็รู้สึกอารมณ์ขึ้นมาก หันไปตรัสสุรเสียงดังก้องว่า

“กล้าลงมือกับพวกเจ้า ก็เหมือนเป็นศัตรูกับลานฝึกเรา ไม่อาจปล่อยพวกมันไว้ได้ ครูฝึกเจ้า หวังทง หู่โถว พวกเรารีบรวมพลไปช่วยคนกัน! ได้หรือไม่?”

คำพูดของเขาช่างน่าแปลก ข้างต้นเป็นคำสั่ง ข้างท้ายกลับกลายเป็นถามความเห็น หวังทงกับเจ้าใหญ่แอบขำในใจ ในใจรู้ดีว่าฮ่องเต้มีราชโองการแล้ว แต่ก็กลัวว่าวาจาจะถูกคนจับได้ จึงแกล้งกล่าวเสริมต่ออีกนิด แม้รู้อยู่ แต่จะมีใครพูดไป หลี่หู่โถวที่ไม่รู้อะไรกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าฮ่องเต้ว่านลี่ เฉินซือเป่าได้ยินคำตอบของฮ่องเต้ว่านลี่เช่นนี้กลับรู้สึกลังเล หวังทงรู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรไม่ถูกต้องนัก เฉินซือเป่ากัดฟันกล่าวว่า

“พลทหารหวง มีเรื่องหนึ่งต้องแจ้งทุกคนไว้ก่อน ผู้ที่ลงมือนั้นไม่ธรรมดานะ เป็นคุณชายสามจวนอันผิงโหว”

ใช้ชีวิตร่วมกันทุกคนมานาน เฉินซือเป่าก็รู้สึกดีกับทุกคน ลงมือกับลูกหลานจวนระดับโหว ในเมืองหลวงนี่ดีไม่ดีก็จะถึงคุกกันเลยทีเดียว หวังทงเป็นองครักษ์เสื้อแพรที่กว้างขวาง คนอื่นๆ ล่ะ หากต้องพลอยโดนไปด้วย ก็จะสร้างบาปใหญ่แล้ว

“อย่างมากก็แค่ต่อยตีกัน พวกเขาก็ไม่ได้ลงมือรุนแรง หรือพวกเราก็ช่างมันเถอะ…”

เดิมคิดว่าเอ่ยชื่ออันผิงโหวออกมา ทุกคนต้องมีสีหน้าลำบากใจ คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ว่านลี่กลับกำหมัดอย่างไม่สนใจอะไร ตะโกนเสียงดังว่า

“คนของลานฝึกเรามีแต่คนของเราที่ลงมือได้ คนอื่นมาลงมือแทนย่อมไม่ได้ พลทหารเฉินวางใจได้ พวกเราต้องแก้แค้นให้เจ้าแน่!”

วาจาฮ่องเต้เป็นที่ชัดเจน เรื่องนี้มีแต่เด็กๆ ของลานฝึกออกหน้า เจ้าใหญ่และคนรอบข้างสบตากัน ส่ายหน้าไปแจ้งคนอื่นต่อ

กำลังเตรียมตัวอยู่นั้น หวังทงก็ดึงฮ่องเต้น้อยไว้ถามว่า

“ฝ่าบาท นี่เป็นคนของจวน…”

“กลัวอะไร นอกจากคนของอู่ชิงโหวแล้ว ใต้หล้านี้ยังมีใครที่ข้าไม่กล้าลงมือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version