ตอนที่ 22 ชีวิตที่เรียบง่าย
สองสามวันจากนั้น ในร้านตอนกลางวันนอกจากลูกค้าบนถนนทักษิณและเขตรอบๆ จำนวนมากมากินแล้ว ช่วงหลังเที่ยง ยังมีขุนนางระดับล่างไม่น้อยมากินกันที่นี่
ที่ทำให้หวังทงตกใจก็คือ ไม่รู้ว่าขันทีในวังหกคนนั้นกลับไปโฆษณาอย่างไร บรรดาเจ้าหน้าที่ขันทีในวังถึงมากันมากขนาดนี้ แม้แต่พลทหารองครักษ์วังหลวงก็ยังมีมาบ้าง
เจ้าหน้าที่ขันทีในวังระดับล่างและทหารองครักษ์วังหลวงเวลาประจำการซับซ้อนวุ่นวาย ไม่อาจมาทันเวลาอาหารกลางวันได้พอดี เดิมหอเลิศรสที่คิดจะทำแต่อาหารกลางวันก็ต้องซื้อวัตถุดิบเพิ่ม เพิ่มคนงาน เพื่อเตรียมให้คนเหล่านี้
สถานะองครักษ์เสื้อแพรของหวังทงแม้คนพวกนี้มาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว กลับกันยังสามารถป้องกันการรังแกจากพวกเจ้าหน้าที่ขันทีและองครักษ์ในวังได้ด้วย ขอเพียงกินข้าวจ่ายเงิน ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง
เริ่มแรกขันทีในวังหกคนนั้นได้รับเงินไปไม่น้อย ลูกค้าหนึ่งคนหนึ่งอีแปะ คนที่มาก็มีมาก ได้ผลประโยชน์ไปเยอะจริงๆ
กำไรทุกเดือนมากกว่าเมื่อก่อนมากมาย นับแล้วปีหนึ่งได้ราวสามร้อยตำลึง และมองดูสภาพการณ์แล้ว ยังต้องขยายเพิ่มอีก แต่รายได้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นข้อดีเสียทีเดียว
วันนั้นขันทีในวังด่าซุนต้าไห่ที่ก่อเรื่อง จากนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่ขันทีและองครักษ์ในวังก็ทยอยกันมากินข้าวที่หอเลิศรส ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาผู้คนทั่วไป ข่าวโคมลอยก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่ว บอกว่าปีนั้นหวังลี่ได้รู้จักคุ้นเคยกับมหาขันทีท่านหนึ่ง หลายวันก่อนพบหวังทงโดยบังเอิญ จึงได้ให้เขาเปิดร้านในละแวกใกล้ๆ จะคอยดูแลได้สะดวก
ข่าวนี้แน่นอนย่อมเหลวไหลนิ่งนัก แต่คนที่ได้ยินกลับชั่งน้ำหนักกันพอควร ไม่กล้าทำอะไรล่วงเกิน อย่างน้อยหลังจากซุนต้าไห่มาเยือน หอเลิศรสนี้ก็สงบดีมาโดยตลอด
ทุกวันหลังรายงานตัว นอกจากคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบทุกเรื่องกับชายชราที่จวนนายกองร้อยเถียนผู้นั้นแล้ว องครักษ์ร่วมสังกัดคนอื่นก็สุภาพกับหวังทงขึ้นมาก เจ้ากั๋วต้งก็ไม่ปรากฏตัวบนถนนทักษิณอีก นายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งก็ทำเหมือนหวังทงไม่มีตัวตน ทุกวันนี้แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
เห็นการค้าเติบโตเกินกว่าที่ตนคาดไว้ หวังทงหยิบตำลึงเงินออกมาซื้อบ้านของเพื่อนบ้านด้านซ้ายและขวา เวลาจำกัดไม่ทันได้ซ่อมแซมอะไร ก็เอาโถงในบ้านนั้นทำเป็นร้านอาหารไปเสียเลยด้วยความช่วยเหลือของนางหม่าและจางซื่อเฉียง ยังมีคนงานอีก 20 คนช่วยกัน
ทุกอย่างเร่งด่วนมาก บรรดาพ่อครัวไม่ได้มีเวลาฝึกฝนเพียงพอ เรื่องขาดตกบกพร่องในเรื่องอาหารและบริการก็เกิดขึ้นได้ง่าย ร้านอาหารจานด่วนนั้นก็เป็นร้านที่ลูกค้าพร้อมจะย้ายไปกินร้านอื่นกันได้ง่าย
หากอาหารต้มตุ๋นที่ใส่เครื่องปรุงง่ายๆ รักษาระดับการปรุงได้ดี บรรดาเจ้าหน้าที่และองครักษ์ในวังมีมาตราฐานในเรื่องรสอาหารไม่สูงนัก ขอเพียงกินได้ รสชาติไม่แย่นัก อาหารปรุงสุกก็พอแล้ว กิจการหอเลิศรสจึงไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้เติบโตต่อไปอย่างช้าๆ เช่นนี้เอง
วันที่ 1 เดือนสิบสองวันนั้น หวังทงนำส่วยรายเดือนไปมอบให้นายกองร้อยเถียนที่จวน ครั้งนี้สีหน้าเถียนหรงหาวอ่อนลงอยู่หลายส่วน ตอนนี้เขาไม่ชัดเจนเบื้องหลังของหวังทง เมืองหลวงเสือสิงห์ซ่อนตัวกันไม่น้อย บุคคลตัวเล็กๆ ในตลาดก็ไม่แน่อาจมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีบารมีใหญ่ หวังทงอาจจะรู้จักบุคคลที่บารมียิ่งใหญ่สักคนก็เป็นได้
แต่ก็อ่อนลงให้บางส่วนเท่านั้น เพราะบุคคลบารมียิ่งใหญ่ตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว ความเป็นไปได้มากนั้นก็คือเป็นแค่ข่าวลือ หวังทงหยิบเงินของเดือนนี้ออกมา เถียนหรงหาวก็ทำตามธรรมเนียมครั้งก่อน เอาส่วนแบ่งของหวังทงแยกออกมา
จากนั้นหวังทงเอาถุงเล็กใบหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ พลางยิ้มกล่าวว่า
“ร้านของข้าน้อยก็อยู่บนถนนทักษิณ ก็ต้องทำตามธรรมเนียม กิจการช่วงนี้ก็นับว่ารุ่งเรือง ข้าน้อยขอเป็นผู้เสนอเองว่า เดือนละสามตำลึง ใต้เท้าคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”
ในยามนี้นายกองร้อยเถียนใบหน้าพลันแย้มยิ้ม พยักหน้ากล่าวว่า
“หลายวันนี้ได้ยินว่าร้านเจ้ามีคนไปหาเรื่องหรือ? ก็เป็นการค้าของพี่น้องพวกเรากันเอง หากมีพวกไม่รู้ความเช่นนี้อีก ข้าจะออกหน้าให้เจ้าเอง!”
หวังทงรีบทำความเคารพกล่าวขอบคุณ ในใจเขาเข้าใจดีว่าจากนี้ไป หอเลิศรสของตนนั้นไร้กังวลได้อย่างแท้จริง การค้าที่กำไรมากเป็นประจำนั้น ทุกคนย่อมอิจฉาตาร้อน หากไม่หาที่พึ่งให้ทันท่วงที เกรงว่านอกจากหลิวซินหย่งที่มีความแค้นต่อกันแล้ว ผู้อื่นก็อาจพูดจามากความกันไปด้วย
พอจ่ายส่วยรายเดือนก็จะกลายเป็นร้านในเขตรับผิดชอบนายกองร้อยเถียนที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ตามธรรมเนียม หากมีผู้มาหาเรื่องที่หอเลิศรส สิ่งที่ต้องเจอก็คือกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรของพวกเขา หลิวซินหย่งคิดจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงธรรมเนียมที่เป็นที่ยอมรับกันไปแล้วนี้ด้วย
วันที่ 15 เดือนสิบสอง ร้านค้าส่วนใหญ่บนถนนทักษิณก็เริ่มหยุดกิจการเพื่อฉลองตรุษจีน ถนนทักษิณพลันเงียบเหงาลง หากหอเลิศรสของหวังทงนั้นเป็นข้อยกเว้น
เจ้าหน้าที่ขันทีและองครักษ์ระดับล่างในวังหลวงยังต้องเข้าเวรประจำการ ช่วงเทศกาลเช่นนี้ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา และก็เช่นกัน อาหารในวังก็คงไม่ได้ปรับปรุงดีขึ้นสักเท่าไร
ห้องเครื่องหลวงต้องเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ อย่างเช่นเทศกาลปีใหม่และเทศกาลบัวลอย[1] อาหารที่เตรียมให้พวกระดับล่างในวังหลวงยังแย่กว่ายามปกติเสียอีก
สำหรับเจ้าหน้าที่ขันทีในวังและองครักษ์วังหลวงที่ประจำการอยู่ทางใต้ของวังหลวงนั้น หอเลิศรสเป็นความโชคดีของพวกเขา หากพวกที่ประจำการจุดอื่นก็ยังยอมเดินไกลอีกหลายก้าวเพื่อจะมากินที่นี่ให้ได้
ร้านหวังทงตอนกลางวันนี้คนน้อย แต่พอช่วงหลังเที่ยงไปถึงค่ำ คนก็เริ่มทยอยมาไม่ได้หยุด จนกระทั่งก่อนประตูวังปิด ก็ยังมีคนมา
การค้าตอนนี้นับว่ามากกว่าเมื่อก่อนมากนัก คนงานชายหญิงในหอเลิศรสต่างดีใจเป็นอันมาก เพราะเถ้าแก่บอกแล้วว่า พอถึงตรุษจีนทุกคนอย่างน้อยจะได้ 300 อีแปะและเนื้อหมู 10 ชั่งกลับบ้าน นี่เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง
นางหม่าและจางซื่อเฉียงนับว่าเป็นเถ้าแก่รองร้านนี้ พวกเขาก็ย่อมได้รับอั่งเปามากยิ่งกว่า
วันที่ 20 เดือนสิบสองวันนั้น ตามธรรมเนียมตอนรายงานตัว นายกองร้อยเถียนจะกำชับทุกคนรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ต้องการรายงานตัวกันอีกหลายวัน รอจนวันที่ 30 เดือนหนึ่งค่อยมารายงานตัวกันใหม่ ให้ทุกคนไปฉลองปีใหม่ของตนเอง
คนอื่นมีบ้านมีครอบครัว หวังทงตัวคนเดียว จางซื่อเฉียงก็ไร้คู่เคียงกาย สองคนไม่มีที่ไป จึงยังคงเฝ้าร้านต่อเหมือนเช่นปกติ
ได้ยินจางซื่อเฉียงบอกว่า หาอาจารย์สอนเพลงมวยได้แล้ว รอผ่านพ้นปีใหม่นี้จะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์
ตอนบ่ายมีเจ้าหน้าที่ขันทีและองครักษ์วังหลวงเริ่มทยอยมากินข้าวกัน จางซื่อเฉียงออกไปซื้อหาวัตถุดิบเข้าร้าน แต่หวังทงกลับนั่งเหม่ออยู่ในร้าน
ตามความเร็วที่ทำกำไรได้ พอถึงเดือนสี่เดือนห้าปีหน้า ผสมกับเงินที่ตนเองมีอยู่ ก็สามารถเปิดร้านสินค้าแดนใต้ได้แล้ว
ร้านสินค้าแดนใต้บนถนนทักษิณนั้นเป็นร้านหนึ่งที่ไม่ต้องจ่ายส่วยรายเดือน เถ้าแก่ที่ร้านยังเคยให้หวังทงและจางซื่อเฉียงไปช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้ง อาจให้เขาช่วยแนะนำได้บ้าง
ตอนนี้ในบรรดาการค้าที่คิดได้ การค้าสินค้าแดนใต้นี้กำไรสูงมาก เป็นการค้าที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดการค้าหนึ่ง แต่ก็ต้องดูว่าเถ้าแก่ผู้นั้นจะยอมช่วยเหลือบ้างหรือไม่
คิดไปคิดมาได้ครู่ใหญ่ หวังทงก็พบกว่าในร้านกลับว่างลง นี่เป็นเรื่องน่าแปลก แม้ว่าตอนบ่ายในร้านจะนั่งกันไม่เต็ม แต่ก็ควรมีคนมาสม่ำเสมอ หากหวังทงก็ไม่ค่อยสนใจนัก หรือไม่แน่อาจเป็นจังหวะที่ว่างพอดีเท่านั้น
“…ที่นี่หอมมาก มีอะไรกินบ้าง?”
กำลังเพิ่งจะเข้าสู่ห้วงความคิด นอกร้านก็มีเสียงเด็กน้อยดังเข้ามาก ตามด้วยเสียงตอบว่า
“น่าจะเป็นหมูสามชั้นน้ำแดงที่เล่าลือกัน…”
———————-
[1] เทศกาลปีใหม่ในสมัยนี้หมายถึงเทศกาลตรุษจีนตามปฏิทินจันทรคติ ส่วนเทศกาลบัวลอยคือวันที่ 15 เดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ