ตอนที่ 350 ตรวจสอบ คุยสัพเพเหระ ลงทัณฑ์สอบ
ตามตัวหลี่หูโถวยังมีรอยโลหิตเปรอะเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก เขาหายใจเข้าออกอย่างแรง ท่าทางเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยอมพัก หลี่หู่โถวฉีกปาท่องโก๋ที่พกมาด้วยเป็นหลายชิ้น ก่อนจะใส่มือป้อนให้ม้ากิน ยังนำผ้าแห้งเช็ดเหงื่อม้าจนสะอาด จึงได้ลงมือเช็ดอาวุธตนให้สะอาดต่อ
ตลอดเส้นทางที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ฆ่าฟัน ม้าเสียกำลังไปมาก ต้องการอาหารที่แข็งสักหน่อยอย่างเช่นแผ่นเปี๊ยะหรือปาท่องโก๋อะไรพวกนั้นมาเสริมกำลัง และเหงื่อม้าที่ไหลในยามอากาศหนาวเย็นเช่นนี้จะทำให้ป่วยง่าย จะต้องเช็ดให้แห้งอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นหากปล่อยให้หนาวก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากทันที
ความรู้นี้ได้มาจากหลี่เหวินหย่วน ตอนยังอยู่ลานฝึกหู่เวย บรรดาครูฝึกสอนอีกหลายครั้ง ติดตามหวังทงมาตลอดทางก็เห็นชื่อเฮยทำเช่นนี้หลายครั้ง หลี่หู่โถวจึงจำขึ้นใจ
หอกยาวที่เข้าใช้เป็นหอกที่สั่งทำ ปลายหอกคมกริบ แต่น้ำหนักเบา ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบโลหิต หลี่หู่โถวกำลังตั้งใจทำความสะอาดอยู่ที่นั่น
เขาไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าของร่างกาย กลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าขึ้นมองสนามรบเป็นระยะ เพื่อดูเชลยที่ถูกมัดอยู่กลางทุ่ง บรรดาชายฉกรรจ์ท่าทางดุร้ายพวกนั้นไม่มีผู้ใดกล้าสบตาเขาสักคน นั่นเป็นความหวาดกลัวของผู้แพ้ที่มีต่อผู้ชนะ ทำให้หลี่หู่โถวยิ่งพึงพอใจ
อย่างไรก็ตาม หลี่หู่โถวกลับรู้สึกว่าหวังทงแปลกมาก เห็นอยู่ว่าชนะแล้ว แต่เหตุใดสีหน้าหวังทงจึงบึ้งตึง หัวหน้าหลายค่ายสีหน้าก็ไม่สู้ดีไปด้วย
*************
“หัวหน้าค่ายและนายกองร้อยทุกค่ายต้องสรุปผลการรบครั้งนี้ ทหารที่วิ่งหนีจัดการเหมือนพวกเชลย ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามขอร้องแทน!!”
หวังทงกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบ บรรดาขุนพลยืนตัวตรงรับคำสั่ง สีหน้าทุกคนไม่ดีจริงๆ หวังทงกวาดตามองรอบหนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“พวกเชลยและศพพวกเดียวกันหน้าโรงบ้านทั้งหมดเท่าไร?”
“เรียนใต้เท้า ทั้งหมด 325 ในโรงบ้านยังมีมือธนูหลบซ่อนอยู่ กำลังตามล่าตัวอยู่”
“กองพันเรามาทั้งหมดเท่าไร?”
เมื่อได้ยินหวังทงถามถึงสิ่งที่เห็นชัดเจนอยู่ ทุกคนก็ลอบมองหน้ากัน หวังทงเสียงเยียบเย็นกล่าวว่า
“ค่ายสิบสอง เจ้ามาตอบ!”
“ค่ายสี่ทั้งหมด 816 คน พลม้า 120 คน ใต้เท้านำมาอีก 20 ทั้งหมด 956!”
“พลม้า 120 คนไปสกัดพวกหลบหนี ยังมีอีก 800 กว่าจากสองค่าย ยังคงได้เปรียบ เหตุใดจึงปล่อยให้โจรแทรกกลางเข้ามาต่อสู้กับพวกเราให้วุ่นวายไปหมด ถึงกับมี 5 คนวิ่งหนี!!”
หวังทงเกือบจะคำรามออกมา หัวหน้าทั้งสี่ค่ายต่างพากันก้มหน้า ไม่กล้าตอบ หวังทงถอนหายใจแรง ก่อนจะสงบใจลงเอ่ยขึ้นว่า
“วันนี้คนมากสู้คนน้อย แม้ว่ามีบาดเจ็บล้มตาย มีทหารหนีตาย แต่ยังคงชนะ หากครั้งหน้ารบกับกองกำลังที่มากพอกับกองกำลังเราเล่า หากครั้งหน้าไม่ได้รบกับพวกงี่เง่าเช่นนี้ แต่เป็นทหารที่ผ่านการฝึกมาเหมือนกันเล่า!?”
ทุกประโยคที่หวังทงถาม หัวหน้าแต่ละค่ายก็ก้มหน้าลงยิ่งต่ำ หวังทงขยี้หน้าตัวเองอย่างแรงสองสามที ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า
“คืนนี้ค้างในโรงบ้าน แต่ละค่ายตั้งแต่ขุนพลยันพลทหาร ทุกคนถกผลการต่อสู้ในวันนี้ ว่าเกิดผิดพลาดขึ้นตรงไหน ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ข้าจะร่วมด้วย พอกลับไปจะต้องอบรมกันใหม่ รับทราบแล้วยัง?”
หัวหน้าค่ายแต่ละค่ายตัวตรงรับคำสั่ง ตอบพร้อมกันว่า ‘รับทราบ!’ หวังทงโบกมือขึ้น ตามมาด้วยคำสั่งว่า
“ค่ายห้า ค่ายสิบสองคุมเชลยไว้ พักตรงนั้น ส่วนค่ายหนึ่ง ค่ายเจ็ดเข้าไปสำรวจในโรงบ้าน จำไว้ให้ดี ปฏิบัติตามกฎกองทัพเข้มงวด!!”
บรรดาขุนพลต่างตอบนรับพร้อมเพรียง กลับออกไปเตรียมตัว
***********
“นายท่านอย่ามัวมองแต่ข้อบกพร่อง ออกสนามรบครั้งแรก น้องๆ ข้าน้อยเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขา พวกนายทหารอายุน้อยพอได้เห็นโลหิต ได้เห็นมีดจริงทวนจริงปะทะกัน วันหน้าย่อมดีขึ้นเอง”
พอเห็นหวังทงเดินมา ถานเจียงก็เอ่ยปลอบ หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“เดิมคิดว่าฝึกได้ไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอออกสนามจริงจะเป็นเช่นนี้ไปได้ เห็นได้ว่าหลายอย่างยังฝึกไม่ถึงขั้น มีช่องโหว่มากมาย ต้องหาแต่จะจุดออกมาให้ได้”
ถานเจียงพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า
“นายท่านกล่าวมาได้ถูกต้องแล้ว แต่หากมัวแต่หาข้อบกพร่อง ไม่ใส่ใจชัยชนะที่ได้มา ขวัญกำลังใจย่อมอ่อนแอลง”
หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“ตอนนี้ยังเป็นเดือนหนึ่งอยู่ ในโรงบ้านมีสุราอาหารไม่น้อย คืนนี้ก็ทำอาหารดีๆ ให้รางวัลทุกคน ให้พวกเขาพักผ่อนเต็มอิ่มสักคืนแล้วค่อยกลับเทียนจิน”
ถานเจียงพยักหน้า เรื่องนี้เขารับหน้าที่ไปดูแลเอง หวังทงมองดูหน้าโรงบ้าน พวกเชลยพากันคอตก ล้วนถูกมัดกันแน่นหนา ไม่น่ามีปัญหาอันใด
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็มีบ้าง แต่ถูกทำร้ายฆ่าฟันด้วยอาวุธเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่โดนหินปา หวังทงส่ายหน้าไม่รู้จะพูดอะไร เขาเดินไปหน้าหลี่หู่โถวถามว่า
“หู่โถวกลับมาก็ต้องออกมาต่อสู้เลย เหนื่อยไหม?”
“พี่น้องเราฝึกกันทั้งวันยังไม่เหนื่อย หู่โถวก็แค่เดินทางมาไม่กี่วัน ไม่เหนื่อย!”
ต่อหน้าคนอื่น หลี่หู่โถวปฏิบัติตัวตามธรรมเนียม หวังทงถาม เขาก็ต้องยืนตัวตรงตอบ พอได้ยินคำตอบ หวังทงก็พยักหน้าถามต่อว่า
“เจ้าบอกว่าฝ่าบาททรงต้องการให้เจ้าอยู่เมืองหลวง ทำไมไม่อยู่ เจ้ายังสามารถอยู่กับบิดาเจ้าได้ ที่นั่นดีกว่าเทียนจินมากไม่ใช่หรือ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลี่หู่โถวเกาหัวแกรก ท่าทางลำบากใจ ยิ้มแห้งๆ กล่าวว่า
“กลับไปครั้งนี้ บิดาข้าทดสอบฝีมือข้า แม้ว่าก้าวหน้าไม่น้อย แต่ก็ถูกด่าอยู่ดี อยู่กับบิดาข้าไร้อิสระ จะว่าไปตอนฝ่าบาทเป็นหวงอี้จวิน ทุกคนเล่นด้วยกันมีความสุขดี แต่ตอนนี้เป็นฝ่าบาทแล้ว พบกันทีก็ต้องทำความเคารพวุ่นวาย รู้สึกอึดอัด อยู่เป็นลูกน้องพี่หวัง ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกวัน วันเวลาจึงมีค่า…”
หวังทงยื่นมือไปตบไหล่ของหลี่หู่โถว เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ยิ้มกล่าวว่า
“วันนี้เจ้าสังหารไปได้เท่าไร รอรับรางวัลได้เลย!!”
หลี่หู่โถวบุกเข้าใส่ศัตรู สังหารโจรไปไม่น้อย ทุกคนต่างเห็นกันอยู่ พอชมเชยเช่นนี้ หลี่หู่โถวก็ยืดอกตัวตรงรับไว้ทันที ส่งยิ้มแหะๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ลังเลก่อนจะยอมกล่าวว่า
“พี่หวัง กลับเมืองหลวงครานี้ ได้พบฝ่าบาทกับจางกงกงที่หอเลิศรส รู้สึกว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงสนิทกับพวกเราเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เหมือนมีกำแพงกั้นไว้ชั้นหนึ่ง แต่ก็ไม่เหมือนฮ่องเต้กับขุนนาง รู้สึกแปลกๆ…”
หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มถามว่า
“เสี่ยวเลี่ยงสบายดีไหม?”
“ดีนะ เทียบกับตอนเราจากมา ตัวสูงขึ้นไม่น้อย สีหน้าก็ดีขึ้นกว่าเดิม มองออกว่า ฝ่าบาทและจางกงกงดูแลดี”
อย่างไรหลี่หู่โถวก็ยังเป็นเด็กน้อย ถูกหวังทงถามไม่กี่คำถามก็ลืมเรื่องที่คุยกันก่อนหน้า
“ใต้เท้า ในโรงบ้านตรวจหมดแล้ว พลธนูยอมจำนน ไม่เหลือศัตรูแล้ว เชิญใต้เท้าเข้าไปตรวจสอบได้”
มีหัวหน้าค่ายนายหนึ่งวิ่งออกมารายงาน หวังทงพยักหน้า ออกคำสั่งไปว่า
“คุมตัวเชลยทุกคนเข้าโรงบ้าน คืนนี้ต้องให้พวกเขาอยู่ในห้อง อากาศหนาว หากเกิดเหตุหนาวตายไป จะลำบากพวกเราต้องมาจัดการให้อีก”
***********
พื้นที่โรงบ้านตระกูลเป้าใหญ่ไม่น้อย บ้านพักเป้าตันเหวินเองก็ไม่เล็ก แต่หากเทียบกับคหบดีในเมืองเทียนจินแล้วยังด้อยกว่าเล็กน้อย
ทว่าตอนนี้บ้านหลังใหญ่นี้ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว หวังทงนำกำลังของตนมาอยู่ในเรือนกลางของบ้านตระกูลเป้า หม่าซานเปียวก็นำพลม้ามาตรวจพื้นที่หน้าหลังลานบ้านโดยรอบหลายครั้งเพื่อรับรองความปลอดภัย จากนั้นจึงได้เชิญหวังทงให้เข้ามา
“เจ้าอ้วนผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมจัด ด้านหน้ากันสู้กันจะเป็นจะตาย เขาฝ่าออกไปพร้อมบุตรชายสองคนท่ามกลางการอารักขาของพวกบนหลังม้า 20 กว่าคน เห็นพวกเราปิดทางไว้ บุตรชายคนเล็กคิดจะฝ่าออกไปสู้ตาย กลับถูกเป้าตันเหวินรั้งไว้ ลงจากม้ามาโขกศีรษะยอมจำนน ทำเช่นนี้มันน่าเบื่อจริงๆ”
หม่าซานเปียวเป็นพวกชอบการรบราฆ่าฟัน ด้านหน้าสู้กันดุเดือดแต่ไม่ได้ร่วมด้วย ด้านหลังอีกฝ่ายยอมจำนนง่ายๆ กลับทำให้เขารู้สึกเบื่อ
“นำตัวเข้ามาทั้งครอบครัว!!”
ไม่นาน ครอบครัวของเป้าตันเหวินก็ถูกนำตัวมาที่โถงกลาง ได้ยินที่หม่าซานเปียวพูด หวังทงเดิมคิดว่าว่าเป้าตันเหวินกับบุตรชายทั้งสองผูกกันแน่นแฟ้น คิดไม่ถึงครอบครัวใหญ่มาก มีภรรยาหลวง ภรรยาน้อย ยังมีลูกสาวอีกสองคน พวกผู้หญิงต่างพากันร่ำไห้อยู่ตรงนั้น
คนผู้นี้สมชื่อ ‘หมาป่า’ ในห้วงเวลาสำคัญกลับทิ้งภรรยาหลวงร่วมทุกข์ร่วมสุขและบุตรสาวแท้ๆ ไว้ในโรงบ้าน พาแต่บุตรชายหนี จิตใจเช่นนี้นับว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก
“พวกเขานำทองคำติดตัวไปด้วยราว 100 ชั่ง…”
หม่าซานเปียวกระซิบ หวังทงพยักหน้า เงินทองเกือบสองหมื่นตำลึงเงิน ในเวลากระชั้นชิดนำติดตัวได้มาเพียงนี้ เห็นชัดว่ามีการเตรียมการล่วงหน้า
หวังทงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เป้าตันเหวินที่ถูกมัดไว้แน่นหนาคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็มองประเมินหวังทงและคนรอบ ๆ ในใจ พอเห็นหญิงครอบครัวตนแม้ว่าจะส่งเสียงร่ำไห้ไม่หยุด แต่เสื้อผ้ายังไม่มีร่องรอยฉีกขาด ก็รู้สึกเบาใจลง พอเงยหน้ามองคนด้านบนอย่างละเอียด ตัวหัวหน้าแม้ว่าอายุน้อยและดูแปลก แต่สวมชุดมัจฉาเวหา ยังเป็นชุดระดับนายกองพัน เห็นเช่นนี้ เป้าตันเหวิน ก็กระตุกฉุกคิดขึ้นในใจ
ที่แท้ตนทำผิดอันใดกัน ถึงขั้นต้องให้องครักษ์เสื้อแพรออกหน้ามาจับกุมเองเช่นนี้ ทว่าองครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติการได้เหมือนกองทหารตั้งแต่เมื่อไรกัน และยังเฉียบขาดเช่นนี้ได้อีก
“เป้าตันเหวิน เจ้าเตรียมการได้พร้อมเช่นนี้ คิดว่าคงรู้นานแล้วว่าต้องมีวันนี้กระมัง?”
หวังทงถามขึ้น เป้าตันเหวินกำลังจะตอบ หวังทงก็ออกคำสั่งว่า
“นำตัวท่านเป้ากับคุณชายไปเรือนข้าง ตรวจสอบให้ละเอียด บางทีอาจพบกับโฉนดที่ดินสิ่งปลูกสร้างก็ได้ อย่าลืมต้องขุดลงไปสามจ้าง ไม่แน่ว่าอาจมีทองคำหรือก้อนเงินซ่อนอยู่!”
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าสามคนพ่อลูกก็เริ่มเปลี่ยนสี คหบดีท้องถิ่นมีวิธีการเก็บซ่อนทรัพย์สมบัติ ตอนอยู่เมืองหลวง ได้ยินคนเล่ากันมาก ตอนนี้กลายเป็นแนวทางให้หวังทงทำตาม
หม่าซานเปียวที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังทงโบกมือขึ้น ทหารสิบกว่านายก็เข้ามา ไม่สนใจอาการดิ้นรนสะบัดตัวของทั้งสามคนพ่อลูก นำตัวออกไปทันที
“นับทองออกมาสี่ร้อย แล้วเอาของที่ยึดมาได้จากโรงบ้านหนึ่งในห้าออกมากองไว้ แล้วให้คนไปรายงานที่ศาลอำเภอชิง ว่ามารับนักโทษไปได้แล้ว”
“ใต้เท้า ทำไมยังต้องเงินนายอำเภอด้วย?”
“ไม่ให้? เหตุใดเขาต้องส่งข่าวให้เราด้วย?”
*********
“ใต้เท้าอยากถามอะไร ข้าน้อยยินดีตอบ!!”
เสียงแหบพร่าดังออกมาจากกำแพงอีกข้าง