Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 42

ตอนที่ 42 กล่าววาจาน่าฟัง

ที่ยิ่งไปกว่านั้น โจวอี้ขันทีวัยกลางคนที่มาผู้นี้ต้องการให้ความกระจ่างแก่ตน กิริยาท่าทางของอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา แตกต่างจากบรรดาขันทีหลายระดับที่มากินอาหารที่ร้านในหลายวันนี้ มองอย่างไรก็ควรเป็นชุดสีแดงเข้มหรือชุดสีแดงระดับสูงนั้น แต่ปฏิบัติต่อตนเองอย่างอ่อนโยนและมีมารยาท ทั้งยังสุภาพเป็นพิเศษ และยังจะให้ความกระจ่างแก่ตน

เจตนาต้องการจะสานสัมพันธ์ของอีกฝ่ายครั้งนี้นั้นแม้ว่าเป็นคนโง่ก็ย่อมเข้าใจ

หวังทงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ประสานมือน้อมตัวคารวะกล่าวว่า

“โจวกงกงยินยอมชี้แนะข้าน้อยย่อมเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด หวังทงอายุยังน้อยไม่ถึง 14 ปี โจวกงกงเรียกใต้เท้าเช่นนี้ ทำใหข้าน้อยอายุสั้น หากโจวกงกงไม่รังเกียจ เรียกข้าน้อยหวังทง”

ปฏิกิริยาของหวังทง ทำให้โจวอี้รู้สึกตกใจ เจตนาสานสัมพันธ์ของตนเองนั้นไม่ยากที่จะเข้าใจ แต่เด็กน้อยอายุไม่ถึง 14 ปีผู้นี้สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ และยังตอบรับได้อย่างแนบเนียน แม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ธรรมดาทั่วไปก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างแนบเนียนเช่นนี้

“เรียกชื่อตรงๆ รู้สึกเหินห่าง เราใกล้ชิดกันอีกนิดหนึ่ง ไม่สู้เรียกเจ้าว่าน้องชาย แล้วเจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายเป็นอย่างไร?”

“ในเมื่อพี่ชายต้องการเช่นนี้ น้องก็ไม่เกรงใจแล้ว”

สองฝ่ายสบตากันด้วยรอยยิ้ม ความสัมพันธ์เช่นนี้ อย่างน้อยความสัมพันธ์ภายนอกก็จะใกล้ชิดกันไม่น้อย โจวอี้หันไปนั่งลงดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อนจะเริ่มเล่าว่า

“วันนั้นน้องชายพูดถึงความทุกข์ยากของพ่อแม่ พูดถึงความกตัญญู ทุกคนต่างก็เคยกล่าวหลักการนี้ให้ฮ่องเต้ทรงฟัง แต่ไม่มีใครกล่าวได้จริงจังเช่นนี้ โดนพระทัยฮ่องเต้…”

ที่แท้ฮ่องเต้ว่านลี่กำลังดื้อกับไทเฮาฉือเซิ่ง สกุลเดิมแซ่หลี่ พระมารดาผู้ให้กำเนิดพระองค์ ฮ่องเต้ว่านลี่ค่อยๆ เติบใหญ่ มีความคิดเป็นของตนเอง ก็ยากที่จะไม่ดึงดันกับผู้อื่น

สถานะก็สูงส่งที่สุด เรื่องส่วนพระองค์ล้วนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ หากไม่มีผู้ใดกล้าตักเตือน ไทเฮามีเฝิงเป่าและจางจวีเจิ้งคอยสนับสนุน ฐานะสูงส่งเช่นกัน อีกความหมายหนึ่งก็คือ ถึงขั้นสามารถปลดฮ่องเต้ได้ ตั้งแต่เล็กฮ่องเต้ว่านลี่ก็เชื่อฟังมา หากอยู่ๆ ก็เอาแต่พระทัยดึงดัน ไทเฮาหลี่ก็รู้สึกเสียพระทัยใจมาก

สองพระองค์ยังคงไม่ยอมลดราวาศอกกัน คนรอบข้างก็แอบร้อนใจกัน แต่แม้ว่าเฝิงเป่าและจางจวีเจิ้งที่เป็นขุนนางอันดับหนึ่งในราชสำนักก็ไม่เหมาะที่จะยื่นมือเข้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ จึงต้องปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ราชสำนักหมิงที่ยิ่งใหญ่อาจสั่นคลอน ก็จะถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกินจะรับไหว

ฮ่องเต้น้อยทั้งวันเอาแต่พระทัยก็ไม่ใช่เรื่องดี มีคนแอบส่งสัญญาณให้จางเฉิงพาฮ่องเต้ออกมาคลายพระหฤทัยนอกวัง ในสมัยราชวงศ์หมิงนี้ ฮ่องเต้ออกมานอกวังก็มีไม่น้อย และก็ไม่มีใครต้องเป็นห่วง

พอดีจางเฉิงได้ฟังบรรดาขันทีน้อยพูดถึงสามชั้นน้ำแดงของหอรสเลิศรสชาติไม่เลว ฮ่องเต้ก็กำลังถูกไทเฮาและจางจวีเจิ้งอบรมให้รู้จักประหยัด กินอะไรเรียบง่าย จนฮ่องเต้ก็ทนไม่ไหวแล้ว

ผลก็คือพอมีเรื่องเกี่ยวกับหอเลิศรสตามมาเหล่านั้น คำพูดมีเหตุผลของหวังทงทำให้ฮ่องเต้น้อยเข้าใจเรื่องราวบางอย่าง จิตใจผ่อนคลายลง พอกลับไปพระราชวังก็ไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยพระองค์เอง และยังคุยเรื่องทั่วไปอีกด้วย

อย่างไรก็เป็นแม่ลูกกันแท้ๆ เลือดเนื้อเชื้อไขย่อมผูกพัน ฮ่องเต้ว่านลี่ที่พระอุปนิสัยดื้อดึง อยู่ๆ ก็รู้จักกาละเทศะและกตัญญู ทำให้พระนางรู้สึกพอพระทัยอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะตรัสกับนางกำนัลและขันทีที่รับใช้ใกล้ชิดว่า

“…ฮ่องเต้เจริญชันษาแล้วจริงๆ …”

บุคคลระดับนี้ไม่สามารถแค่ซาบซึ้งกันไปเพียงเท่านั้น อย่างน้อยก็ต้องส่งคนไปสอบถามการเปลี่ยนแปลงนี้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จางเฉิงที่ติดตามรับใช้ฮ่องเต้ก็ย่อมไม่อาจปิดบัง

พอได้รู้สาเหตุ ไทเฮาก็ทรงทอดถอนพระทัย พวกบัณฑิตความรู้สูงส่ง ขุนนางเก่าแก่วันๆ เข้าวังมาสอนหลักการฮ่องเต้ ยังมิสู้เด็กอายุไล่เลี่ยกันด่าได้ผลกว่า

ตั้งแต่สมัยเจียจิ้งและหลงชิ่งมาก็ไม่มีขันทีเข้าวังมาอีก ตอนฮ่องแต้ว่านลี่ครองราชย์ ไม่มีขันทีผู้ใดอายุน้อยกว่า 40 งานการในวังก็มีปัญหามากขึ้น ต่อมาว่านลี่ปีที่สองก็เรียกชายตอนเข้าวังขนานใหญ่ จึงได้ผ่อนคลายสถานการณ์ลงได้

แต่ก็มีปัญหาตามมา พวกที่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้ ขันทีไว้วางใจได้ก็อายุไม่น้อยกันหมด ซึ่งสำหรับฮ่องเต้ก็ไม่ต่างอะไรกับขุนนางใหญ่เก่าแก่เหล่านั้น

หากมีคนอายุไล่เลี่ยกันเป็นเพื่อน มีความสามารถและมีคุณธรรมซื่อตรง ก็จะส่งผลดีต่อการบ่มเพาะพระอุปนิสัยและการเจริญชันษาของฮ่องเต้

ในวังหลวงการจะตรวจสอบบุคคลในระบบสักคนถือเป็นเรื่องง่าย และถ้าผู้นี้เป็นคนที่ไทเฮาต้องการตรวจสอบ สำนักบูรพาและสำนักองครักษ์เสื้อแพรก็จะเริ่มดำเนินการทันที บรรพบุรุษสามรุ่นของหวังทงถูกนำขึ้นรายงานอย่างกระจ่างทุกซอกมุม ข่าวที่สืบมาได้ก็ส่งขึ้นมารายงานตลอด ทำให้ไทเฮายิ่งทรงพอพระทัยหวังทงมากขึ้น

ไทเฮาทรงโปรด อีกทั้งยังต้องการให้คนผู้นี้ต้องเติบโตไปพร้อมกับฮ่องเต้ คนที่พอมีหัวทางการเมืองบ้างก็ต่างรู้ว่ามีความหมายถึงขั้นใด หากต้องการมั่นคงยืนยาว วาสนาเงินทองยืนนานก็ต้องสานสัมพันธ์กับคนผู้นี้ให้ดี อย่างน้อยที่สุดต้องเข้าใจเบื้องหลังของคนผู้นี้ให้กระจ่าง

ดังนั้นจึงได้มีภาพเหตุการณ์ผู้มากบารมีพากันมาเยือนในหลายวันที่ผ่านมา แต่ในสมัยว่านลี่นี้ ขุนนางเก่าแก่สองท่านนี้กลับไม่เป็นเช่นเมื่อก่อน

เฝิงเป่าเห็นฮ่องเต้มาแต่เล็กจนเติบโตเป็นฮ่องเต้ว่านลี่ ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่พอเห็นเฝิงเป่า ก็ต้องวางท่าทีเป็นทางการ ไม่กล้าผิดพลาดแม้แต่น้อย ส่วนจางจวีเจิ้งก็เป็นพระอาจารย์ มักจะอบรมสอนสั่ง หากว่านลี่ทำผิด ก็มักจะถูกจางจวีเจิ้งลงโทษโดยอ้างพระบัญชาบรรพชนและไทเฮา

ท่าทีสองคนนี้ที่มีต่อว่านลี่ ความเคารพในฐานะเจ้านายกับขุนนางก็มีอยู่ แต่ในฐานะผู้ใหญ่กับเด็กเกรงว่าจะมากกว่าเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้อะไรกับหวังทงนักที่มาดูก็เพราะต้องการมาดูว่าหวังทงเหมาะสมหรือไม่ที่จะเป็นเพื่อนกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้น้อยจะได้รับประโยชน์อันใดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

เหตุผลเดียวกัน หากฮ่องเต้น้อยไม่สนใจอีก หวังทงผู้นี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกเช่นกัน ก็แค่หัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่ง ทหารระดับล่างเท่านั้น

จะว่าไป เด็กอายุสิบสามสิบสี่ปี อารมณ์ไม่คงที่ ชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็เปลี่ยนแปลงไว ใครก็มิอาจว่ากล่าวอันใดได้ พอถึงเวลาก็เลื่อนให้เจ้าเด็กนั่นเป็นนายกองร้อย ก็ถือว่าทดแทนคุณก็พอแล้ว นี่นับเป็นโชคใหญ่ที่เกิดมาแปดชาติยังอาจไม่พบพาน

โจวอี้กล่าวช้าๆ แต่กระจ่างชัด ได้ยินเรื่องวุ่นวายและหลักการชัดเจน หากหลายเรื่องไม่ได้บอกชัดแจ้งแต่หวังทงก็เดาได้ เบื้องหลังที่แอบแฝงนั้นทำให้หวังทงถึงขั้นหลั่งเหงื่อออกมา

วันนี้เรื่องที่ฮ่องเต้ ‘แต่งกายสามัญออกนอกวัง’ ถูกเปิดเผย ก็ทรงรู้สึกว่าไม่น่าสนใจอีก มีความเป็นไปได้จริงๆ ว่าโชควาสนานี้จะบินหนีไปจากมือของตนเอง

โจวอี้พูดจนรู้สึกกระหายน้ำ หวังทงรีบรินน้ำให้ มือถือกาน้ำไว้ก็คิดได้เรื่องหนึ่ง ในเมื่อขุนนางเก่าแก่พวกนั้นรู้สึกว่าอย่างไรก็ได้ เช่นนั้นความตั้งใจของจางเฉิงจะมีสาเหตุใดกันแน่?

หวังทงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจถือโอกาสถาม ยากยิ่งนักที่โจวอี้ผู้นี้จะยอมเล่า เมื่ออยู่ที่สูงก็ย่อมเห็นสิ่งรอบกายได้อย่างชัดเจนกว่า หากจะลื่นล้มก็มีความเป็นไปได้แค่เล็กน้อย

เขาวางกาน้ำชาลง ถูมือไปมา ก่อนจะถามอย่างลังเลว่า

“พี่โจว ขอบคุณพี่ที่ให้ความกระจ่าง ชะตายากคาดเดา พระทัยฮ่องเต้ ขุนนางก็ไม่อาจคาดเดาแทนได้ แต่…”

หวังทงอยากจะพูดแต่กลับหยุด ใช้มือชี้ไปที่ตำรับห้องเครื่อง โจวอี้ก็วางจอกชาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม สองมือตบขึ้นเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า

“น้องหวังสายตาแหลมคม ไม่ทันไรก็ถามได้ตรงประเด็น!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version