Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 487

ตอนที่ 487 ประโยชน์ที่ไม่ตั้งใจ ผู้ใดเป็นหัวหน้า

กองกำลังหู่เวยเดิมมีปืนไฟเพียง 20 กระบอก ในจำนวนนี้ยังนับรวมปืนสั้นสองกระบอกของหวังทงไว้ด้วย ทหารต่างชาติเอามาด้วย 10 กระบอก โรงช่างก็ทำออกมากระปริดกระปรอย ไม่ได้ดังใจหวังทง อาวุธและอุปกรณ์อื่นก็ใช้จ่ายไม่น้อย ปืนไฟไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอันดับหนึ่ง ดังนั้นก็ล่าช้ามาเช่นนี้

ช่างต่างชาติจากมาเก๊าที่ถูกจับมา นำวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพพลังน้ำและกำลังสัตว์ลากมาปรับปรุงใช้งาน และยังน้ำเอาเทคนิคการตีหลอมและการผลิตเหล็กที่ก้าวหน้ามาด้วย

ที่มาผสมได้อย่างลงตัวก็ด้วยช่างหวังทงเองก็มีสรรพกำลังเพียงพอ อยู่ในสถานะที่ทุกสิ่งพร้อมสรรพ การตีชุดเกราะ หลอมปืนไฟก็ได้กำหนดเวลาส่งมอบงาน

ปืนไฟ 400 กระบอกชุดแรกจะส่งมอบปลายเดือนเก้าให้ทหารให้ใช้ กองกำลังหู่เวยเตรียมพลยิงไว้พร้อม ทหารปืนใหญ่มีความชำนาญมาก ทว่าในเรื่องปืนไฟนี้ก็ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

ยังดีที่พวกทหารของฮั่นซือได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นทางการมาก่อน ข้อเสนอแนะให้ปรับระบบกองกำลังหู่เวยก็เป็นแนวคิดดี ตอนนี้ให้บรรจุเป็นครูฝึกปืนไฟ

ทหารปืนไฟย่อมคัดเลือกมาจากแต่ละค่าย หัวหน้าแต่ละค่ายร่วมหารือ เตรียมคัดเลือกพลทหารที่ดีที่สุด จากนั้นก็ยังมีคนจากสำนักนาวาสุคนธ์และหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกสองส่วนเข้าร่วมด้วย

ทุกคนคิดไม่ต่างจากถานเจียง ทหารปืนไฟเป็นตัวถ่วงในสนามรบนั้นมีอยู่จริง จะได้ผลอันใดกัน ช่างไม่เห็นถึงความหวังโดยแท้

แต่เงินที่หวังทงจะให้ตอบแทนนั้นทำเอาทุกคนต้องตกตะลึง พลปืนไฟจะได้เบี้ยหวัดเป็นสองเท่าของทหารทั่วไป และ 400 คนแรกจะได้สังกัดอยู่กับหวังทงโดยตรง พร้อมสองกองพันใหญ่ที่จะจัดระเบียบขึ้นในอีกไม่นาน

เบี้ยหวัดสูง และยังได้อยู่ในสังกัดหวังทงโดยตรง ผลตอบแทนนี้บอกอะไรได้มากมาย บอกได้ว่าพลปืนไฟนี้สำคัญยิ่ง ใต้เท้าให้ความสำคัญอย่างที่สุด

เดิมแต่ละค่ายจะส่งคนที่แย่ที่สุดในค่ายมา แต่พอได้รับข่าวนี้ก็หันไปเลือกคนที่เก่งในแต่ละค่ายแทน ด้วยกลัวว่าใต้เท้าหวังจะไม่พอใจอันใด

แม้ว่าไม่ระบุยศ แต่เงินสองเท่าและสังกัดหวังทง แสดงเห็นแล้วว่าได้ผลตอบแทนเท่ากับนายกองธงเล็ก คนที่ถูกเลือกมาก็ย่อมรู้สึกภาคภูมิอย่างมาก

************

แต่ละค่ายคัดทหารส่งมา ตำแหน่งที่ว่าก็หาคนอื่นมาเสริม ครั้งนี้คนที่ได้เข้าเสริมแทนก็คือพวกชาวนาวาสุคนธ์ พวกเขาฝึกเช่นเดียวกับกองกำลังหู่เวย เพียงแต่ไม่ได้รับเบี้ยหวัดเท่านั้น

การดึงเอาคนจากสำนักนาวาสุคนธ์มาเสริมครั้งนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวากันขึ้นมา งานใช้แรงงานที่ผ่านมานี้ไม่มีผู้ใดเป็นอิสระ ลำบากอย่างไม่อาจอธิบายด้วยคำพูดใด

พวกเขาแอบมีความหวังว่า งานหน่วยต่างๆ ของหวังทงจะขาดคน พวกเชลยนาวาสุคนธ์แม้ว่าลำบากแต่ไม่เคยต้องทนอดทนหนาว ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยเลือกไปหลายร้อยก็เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไปในเทียนจิน พวกนาวาสุคนธ์รู้ดีว่าตนเองเป็นนักโทษมีความผิด ทุกคนในเทียนจินเห็นพวกนาวาสุคนธ์ว่าเป็นคนของหวังทง ดังนี้จึงไม่กล้ารังแกคนในครอบครัวของชาวนาวาสุคนธ์ ไม่กล้ารังแกหรือกลั่นแกล้งอันใด

ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกชาวนาวาสุคนธ์ทุกคนต่างบอกต่อกันว่ารอให้ลำบากกันไปอีกสักสองสามปี ทุกคนก็จะได้เป็นเจ้าหนักงานหรือไม่ก็ทหาร อย่างนั้นก็จะมีสถานะดีกว่าเป็นชาวบ้านทั่วไป

นี่เป็นแค่การคาดเดา หากครั้งนี้คัดเลือกเข้ากองกำลังหู่เวยเป็นทหาร ทำให้ชาวนาวาสุคนธ์รู้สึกวางใจ ใต้เท้าหวังราวกับพระมีชีวิตของทุกคน ทุกคนทนไปอีกสองสามปี ชดใช้ความผิดที่ก่อนไว้ก่อนหน้าหลายปี ก็จะได้ลืมตาอ้าปากกันแล้ว ติดตามใต้เท้าหวังย่อมพลอยได้รับความรุ่งเรืองไปด้วย

เมื่อคัดเลือกคนจากนาวาสุคนธ์ไปเสริมแทนตำแหน่งที่ขาด หากการทำนาปกติและการใช้แรงงานก่อสร้างก็ไม่ต้องกังวลอันใด บริเวณสบแม่น้ำมีคนมากมายเพียงนั้น ไม่กังวลว่าไม่มีแรงงานทดแทน

นี่เป็นเรื่องของการจัดการ หวังทงไม่ได้สังเกตเห็นว่าหลังจากเขาดึงพวกนาวาสุคนธ์มาเสริมแล้ว เทียนจินแต่ละแห่งก็มีบรรยากาศที่มั่งคงขึ้นมาก นี่เป็นเรื่องที่หวังทงและคนรอบข้างไม่เห็นกัน

หวังทงจากเมืองหลวงมาเทียนจิน ตอนแรกก็ทำเอาวงการขุนนางเทียนจินระส่ำระสายจนล่มสลายกันไปหมด จากนั้นก็จัดการกำราบพวกนาวาสุคนธ์ แต่ละเรื่องแม้ว่าเพื่อเป็นการสร้างฐานกำลังให้แน่นเพื่อรับมือกับอิทธิพลจากเมืองหลวง แต่ทำให้บรรดาขาใหญ่ในเทียนจิน อิทธิพลเดิมในพื้นที่ก็ถูกนำมาเกี่ยวโยงไปด้วย ทำให้สะเทือนไปไม่น้อย

นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรกับกองกำลังหู่เวยสามารถสยบเทียนจินได้ แต่การใช้กำลังไม่อาจสยบใจ กอปรกับหลังเปิดทะเล พวกพ่อค้าในพื้นที่ลงมือกันช้า กลับเป็นพวกนอกเมืองกับพวกซานตงและเมืองหลวงมาแย่งเอาไปหมด กอปรกับนโยบายต่างๆ ที่ตามมา ทำให้คนรู้สึกหวังทงนำเอากำลังภายนอกเข้ามาจัดการในเทียนจิน

เทียนจินรุ่งเรืองหาได้เทียม ผู้สามารถก็ร่ำรวย ผู้ไร้สามารถก็ทำให้ครอบครัวกินอิ่มได้ ความขัดแย้งมากมายล้วนถูกซุกไว้ใต้พรม ความเป็นปรปักษ์และระแวงในใจไม่เคยจางหายไป

ครั้งนี้รับเอาคนของนาวาสุคนธ์เข้าสู่กองกำลังหู่เวย เป็นการรับคนท้องถิ่นเทียนจินเข้าเป็นทหาร หวังทงเห็นว่าเป็นการจัดการปกติธรรมดา แต่ในความคิดพวกเขาแล้วกลับรู้สึกว่าความกดดันต่างๆ ได้ถูกกลืนสลายไปแล้ว

ในเมื่อใต้เท้าหวังมีใจคิดดึงมาเป็นพวกเดียวกัน พวกในพื้นที่เดิมที่เคยระแวงกันก็ไปร่วมไม่น้อย ทุกคนรู้สึกวางใจ ในพื้นที่ก็ย่อมสงบนิ่งมากขึ้น นี่ก็คือความไม่ตั้งใจแต่ได้ผลดีของหวังทง ที่ไม่เคยได้คาดคิดมาก่อน

************

ข้อด้อยต่างๆ ของการยิงปืนในสนามรบเมื่อก่อนอวี๋ต้าโหยวก็เคยกล่าวถึงมามากกว่าหนึ่งครั้ง ข้าศึกยังไม่อยู่ในรัศมียิง แต่เพราะลนลานจึงผิดพลาดกันไม่หยุด จนข้าศึกเข้ามาในรัศมียิง กระสุนก็หมดแล้ว ปืนไฟเกิดความร้อนจนไม่อาจยิงต่อได้ และข้าศึกก็เข้ามาใกล้มากแล้ว ทหารย่อมยิงไม่แม่นด้วยความตกใจจนขาดสติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณภาพของปืนไฟ บรรดาทหารไม่กล้ายกเล็ง เพราะเกรงว่าจะอยู่ ๆ จะระเบิดใส่ตนอย่างช่วยไม่ได้

หวังทงมีความมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คุณภาพปืนไฟย่อมไม่ด้อย ช่างที่ได้ค่าตอบแทนไปอย่างเต็มที่ก็ย่อมไม่กล้าทำไม่ดีเพราะมีระบบตรวจสอบเอาผิดภายหลัง อย่างไรค่าตอบแทนก็หาไม่ได้เท่านี้ และศีรษะนี้ก็มีเพียงแค่หนึ่งเดียว เครื่องมือพลังน้ำและเทคนิคใหม่ที่ชาวต่างชาตินำมาใช้ ก็สามารถรับประกันได้ว่าปืนไฟย่อมไม่ไร้อานุภาพเพราะวัตถุดิบหรือการผลิตที่ไม่ดี

ในเรื่องของการใช้พลปืนนั้น หวังทงรู้ว่าอวี๋ต้าโหยวและถานเจียงเล่ามานั้นเป็นเรื่องจริง แต่หวังทงก็นับว่าอยู่ในวงการทหารมาหลายปี เขาเองก็ย่อมพอตระหนักถึงได้

หวังทงมั่นใจในตนเอง มีแหล่งที่สมบูรณ์ให้พวกทหารได้เรียนรู้ มีเบี้ยหวัดและอาวุธครบครันเพื่อรับประกันว่าทหารจะยอมฝึกฝน มีระเบียบและวินัยที่เข้มงวดคอยบังคับและคุมไว้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ดีแล้ว หวังทงเชื่อว่าจะเกิดเรื่องเหลวไหลดังที่เล่ากันมาหลายร้อยหลายพันเรื่องพวกนั้น

************

กองพันองครักษ์เสื้อแพรและกองกำลังหู่เวยรวมกันราว 4,000 นาย นอกจาก 800 นายในระบบกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่คอยรักษาความสงบและการดำเนินการในและนอกเมืองเทียนจินแล้ว หวังทงเตรียมนำ 3,200 นายที่เหลือแบ่งออกเป็นสองกอง

ระบบการแบ่งหน่วยกองกำลังใหม่นี้ช่างลึกล้ำอย่างมาก สำหรับชื่อระบบนั้น หวังทงตั้งขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องคิดอันใด ชื่อนั้นเรื่องเล็ก บรรดาลูกน้องไม่สนใจในเรื่องนี้

หนึ่งกองทหารแบ่งออกเป็น 8 ค่ายรวม 1,600 นาย ในนั้นมีพลปืน 1 ค่าย นี่แค่ทหาร หากนับถึงรวมพวกหน่วยสนับสนุน พลทหารรับคำสั่ง ประกาศ ยกธงและตีกลอง หัวหน้ากองและหน่วยอารักขา ทั้งค่ายน่าจะราว 2,000 ต้นๆ

กำลังเช่นนี้ในพื้นที่ก็นับได้ว่าเป็นหน่วยป้องกันเมืองได้แล้ว ดีที่เป็นระบบที่ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานในวังอย่างกองกำลังหู่เวย จึงสามารถสร้างโครงสร้างเช่นนี้ได้

ในเมื่อตั้งกองขึ้นใหม่ ผู้ใดจะมาเป็นหัวหน้ากองพันสองกองนี้ ตอนนี้เป็นเรื่องที่คนของหวังทงจับตาดูกันมาที่สุด ผู้ใดก็รู้ว่าตำแหน่งนี้สูงส่งมีอำนาจมาก วันหน้าอนาคตย่อมไม่อาจประมาณได้ สามารถไปสู่ตำแหน่งนี้ได้ก็ย่อมต้องมีบรรพบุรุษคุ้มครองเป็นแน่

แต่ทุกคนก็รู้ว่า ตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ไม่ใช่ใครๆ ก็จะนั่งได้ แต่หากตนนั่งไม่ได้ แล้วได้คนที่ตนสนิทด้วยมานั่งก็ย่อมดีไม่น้อย

ระบบทหารเป็นเรื่องใหญ่ หากเป็นห้ากองกำลังสำนักอาชาหลวงมีผู้ใดเสนอวิธีการเช่นนี้ย่อมต้องโทษหนักถึงขั้นตัดหัว แต่สำหรับหวังทงแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้มีเอกสารรับรองมาอย่างเป็นทางการ เรื่องพวกนี้ก็ได้แต่ลืมตาข้างปิดตาข้าง ตามใจหวังทงก็แล้วกัน

เบื้องบนไม่ยุ่งส่วนไม่ยุ่ง หากเรื่องเรื่องนี้หวังทงไม่อาจไม่รายงาน ดังนั้นหลังจากวางแผนเสร็จ ก็รีบส่งคนไปเมืองหลวงรายงาน เดินไปตามเส้นทางถวายฎีกาอย่างปกติ ฎีกาผ่านสำนักฎีกาไปยังสำนักส่วนพระองค์ก่อนจะไปถึงพระหัตถ์ของว่านลี่

เดิมคิดว่าคนของตนพร้อมสรรพ แต่พอจะหาใครสักคนมารับหน้าที่กลับพบว่ามีไม่มาก ถานเจียงอายุมากแล้ว กล่าวชัดเจนว่าไม่ยอมรับตำแหน่ง จางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ก็ล้วนมีเป็นหน้าที่สำคัญรับผิดชอบหลัก ให้ไปนำกำลังหทารหย่อมไม่ได้

คิดไปคิดมา ก็มีแต่พี่น้องตระกูลถานทั้งสิบกว่าคนและหม่าซานเปียวที่ใช้การได้ แม้ตระกูลถานจะแซ่เดียวกันแต่ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ทางโลหิต ก็แค่ขุนพลตระกูลถานเหมือนกัน พอถานกวนจากไป สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็สลายไป ย่อมไม่กังวลว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน

และแม้ตอนถานกวนยังไม่จากไป ถานปิงกับถานเจี้ยนก็เป็นคนที่หน่วยงานภายนอกส่งมาเป็นสายสืบ นับไม่ได้ว่าร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งแต่อย่างใด

มีวาจาเสียดสีว่า คนที่หวังทงคิดในใจกับคนที่เบื้องบนเลือกมาก็ย่อมไม่ต่างกันมากนัก ก็เป็นสามคนอย่างถานปิง ถานเจี้ยนและถานกง แม้ว่าจะไม่วางใจอย่างนั้นอย่างนี้ แต่หากว่ากันตามความสามารถและประสบการณ์แล้ว หวังทงไม่อาจหาผู้ใดมาเทียบได้

หลังจากส่งรายชื่อไป หวังทงก็เยาะตนเอง คิดในใจว่าดีที่ตอนอยู่ที่เมืองอี้โจวได้ให้ถานปิงและถานเจี้ยนแสดงความภักดี มิเช่นนี้ก็ไม่อาจควบคุมได้จริง

*************

การบริหารกองกำลังและกิจการ ปกติก็ดำเนินไปตามแบบเดิมซ้ำไปมา ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและทำให้ไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วนัก

หลังกลับจากซานตงมา พริบตาเดียวก็ 10 เดือนแล้ว อู๋ต้าทางนั้นก็ส่งช่างเรือห้าคนมาที่เทียนจิน นับดูแล้วน่าจะออกจากซานตงมาแล้ว ต่งช่วงสี่ทางนั้นส่งรายงานมาร้องขอความเห็นใจว่าตนเองหาไม่ได้จริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังทงคาดไว้แล้ว วิธีการรับมือก็เพียงแค่รับเรื่องไว้ตามระเบียบเท่านั้น

วันที่ 23 เดือนเก้าตอนเที่ยง กู่จื้อปินจากร้านสามธารามารายงานบอกว่า เรือสิบลำที่เสิ่นหวั่งทางนั้นส่งมาเทียนจินหยุดขนส่งสินค้าให้แล้ว และบอกว่าจากนี้จะไม่มาขนอีกแล้ว เรื่องนี้มีผลประโยชน์ไม่มาก ไม่รู้ว่าทำงนั้นทำไม่จึงมาเริ่ม และก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้จึงไม่ขนให้แล้ว แต่หวังทงก็ขี้เกียจจะไปสนใจ

แต่พอกู่จื้อปินออกไป เจ้าหน้าที่จากศาลชิงจวินก็มาถึงจวน

“มีคนไปตีกลองร้องทุกข์ที่ศาล ฟ้องใต้เท้าหวัง……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version