ตอนที่ 493 ไม่อาจว่างจากธุระภาระ
ราชโองการมาถึงเทียนจิน ถานปิงและหลี่หู่โถวได้เป็นหัวหน้าหน่วยกองพันสองหน่วย
การตั้งชื่อเรียกในกองทัพนั้นก็มักต้องให้ดูน่าเกรงขาม เช่นคำว่า พยัคฆ์ เสือดาว อันใดพวกนั้น แต่สำหรับกองกำลังหู่เวยแล้วไม่สนใจอันใด กองกำลังของถานปิงเรียกหน่วย 1 ส่วนของหลี่หู่โถวเรียกหน่วย 2
กองกำลังหู่เวยไม่เพียงแต่มีสองหน่วย หากยังมีตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องรายงานเมืองหลวงอีก หวังทงคุมพลม้า 260 นาย พร้อมพลโรงม้าอีกร่วมร้อย รวมแล้วก็ 360 นาย พลปืนใหญ่ทั้งหมด 320 นาย ส่วนอีกสองหน่วยมีพลปืนไฟหน่วยละกอง ทั้งหมด 400 นาย ปกติให้หวังทงเป็นผู้ฝึกซ้อม ยามรบจึงกลับสู่สองหน่วยควบคุม ในความเป็นจริงก็เท่ากับอยู่ในอำนาจสั่งการของหวังทงผู้เดียว
ทหารเก่งกล้าสองหน่วยก็ยังผลัดกันมาเฝ้าอารักขาที่จวนหวังทง รอรับคำสั่งหวังทงตลอดเวลา หวังทงดูเหมือนจัดให้กองกำลังมีโครงสร้างแบบหัวหน้าหน่วย รองหัวหน้าหน่วย แต่แท้จริงแล้วอำนาจการสั่งการไม่ได้น้อยลงแม้แต่น้อย ถึงกับมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ
ในกองกำลังหู่เวยเป็นเช่นนี้ ส่วนกองกำลังริมทะเลและริมคลองส่งน้ำ รวมทั้งกองกำลังในนามเป้าตันเหวินพ่อค้าลอบค้าเกลือ และหน่วยรักษาความปลอดภัยอีก รวมแล้วก็หลายพันนาย ยังมีพวกนาวาสุคนธ์อีกหลายร้อย ล้วนอยู่ในอำนาจสั่งการของหวังทง เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอีก
หลังจากราชโองการในเมืองหลวงมาถึง วันรุ่งขึ้นหวังทงก็เร่งให้ส่งเงินก้อนจินฮวาเข้าวัง แม้ว่าตามปกติก็มีระเบียบว่าวันที่ 15 ของแต่ละเดือนจึงจะส่งเงินเข้าวังก็ตาม
************
“เจ้าบัดซบ อัดปากกระบอกทำไมทำแค่สามครั้ง ถึงเวลาจะฟังเสียงระเบิดเองหรือจะสังหารศัตรูกัน!!”
ในค่ายฝึก พลปืนไฟนายหนึ่งถูกหัวหน้ากองเตะจนล้มลง ยังออกคำสั่งให้ลุกขึ้นคุกเข่า ก่อนจะโดนฟาดอย่างแรงไปอีกห้าไม้
“จ้องมองอะไรกัน ฝึกต่อสิ!!”
พลปืนใหญ่ข้างๆ แค่หรี่ตามอง ก็ถูกหัวหน้าด้านหลังด่าทันที
ในค่ายฝึก พลปืนไฟยกปืนขึ้น เติมดินปืน จากนั้นก็ยิง ฝึกการเคลื่อนไหวซ้ำไปมาเช่นนี้หลายรอบ
ท่าทางการเคลื่อนไหวของพลปืนไฟมีเหตุผิดพลาด ก็ล้วนถูกหัวหน้าเรียกตัวออกมาลงโทษฟาดด้วยกระบองไม้ เสียงด่าและเสียงปืนผสมผสานกันดังไปหมด
หวังทงมองดูอยู่บนแท่นไม้อีกด้านหนึ่ง ด้านหลังมีนายทหารอีกหลายนาย ลี่เทากับซุนซิงได้รับการแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าหน่วย เพราะพลปืนไฟนั้นสำคัญ หวังทงจึงให้พวกเขาร่วมในภารกิจฝึกพลปืนไฟด้วย
“ตั้งกฎ ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมลงโทษตามกฎ อย่าได้ใจอ่อน ยามนี้ไม่ฝึกให้ดีพอ วันหน้าในสนามรบจะเป็นการทำลายชีวิตพวกเขาเอง พวกเจ้าเข้าใจไหม?”
หวังทงมองไปยังสนามฝึก สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน กล่าวกับเด็กหนุ่มข้างๆ สองคน ลี่เทาและซุนซิงล้วนฟังกันอย่างตั้งใจ ถานหั่วที่เป็นหัวหน้ากองปืนใหญ่ก็อยู่ด้วย ได้ยินคำหวังทง เขาก็ยิ้มรับคำกล่าวว่า
“นายท่าน วิธีการของพวกต่างชาติแม้จะตายตัว แต่ฝึกทหารได้ผลดีมาก พวกทหารฝึกตามทุกอย่าง ถึงสนามรบก็ย่อมสะดวกมาก แผ่นป้ายใหญ่ของนายท่านก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม ทำผิดทำถูก ดูแล้วก็จะเข้าใจกระจ่างเองได้”
สองข้างสนามฝึก มีแผ่นไม้สูงเท่าคน ด้านบนหาจิตรกรมาวาดวิธีการตั้งท่าแบบพวกฟะรังคี เป็นภาพการบรรจุดินปืน และการยิง มองดูก็รู้กระจ่างทันที
ที่นี่มีกลิ่นรุนแรงแสบจมูก เป็นกลิ่นดินปืนตลบอบอวล กลิ่นดินปืนย่อมไม่น่าดม หวังทงกลับมองดูอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ดูเหมือนไม่สนใจกลิ่นดินปืนแต่อย่างใด
ซุนต้าไห่ข้างๆ ลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวว่า
“ใต้เท้า วันก่อนส่งรายชื่อมา ตอนนี้พลปืนไฟ 400 นาย ทุกวันมีค่าใช้จ่าย เกือบเท่ากับทั้งหน่วย 1 และหน่วย 2 เลยทีเดียว เป็นการสิ้นเปลืองไปหรือไม่?”
“สิ้นเปลืองอย่างไร?”
“ทุกวันยิงปืน ค่าใช้จ่ายไม่น้อย ตอนนี้กระสุนและดินปืนก็อาศัยโรงช่างเราผลิต เทียบกับที่มาจากหน่วยงานทางการแล้วก็แพงกว่าหลายเท่า……”
“การได้ยิงจริงจึงจะทำให้พออยู่บนสนามรบแล้วไม่ลนลาน วันแรกที่ฝึก ยังมีทหารบางคนตกใจโยนปืนทิ้ง เจ้าดูตอนนี้ พวกเขาจึงนิ่งได้”
หวังทงตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ มองไปทางซุนต้าไห่ที่คิดจะกล่าวอันใด แม้ว่าซุนต้าไห่จะไม่เข้าใจหลักการ แต่อย่างก็เพื่อกองกำลังหู่เวย จึงกล่าวต่อว่า
“การฝึกเช่นนี้ต้องฝึกกันต่อไป เงินทองเรื่องเล็ก สามารถฝึกทหารใช้การได้ขึ้นมากองหนึ่ง จึงเป็นเรื่องใหญ่”
หวังทงกล่าวเช่นนี้ ซุนต้าไห่ก็ไม่อาจแย้งอันใด เขาตอนนี้ถือได้ว่าเป็นพ่อบ้านของหวังทง เงินทองเข้าออกก็ต้องมาถาม การนำเสนอความคิดนี้ของตนก็เป็นการทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด
ดูอย่างครู่หนึ่ง หวังทงก็โดดลงจากแท่น ลี่เทาและซุนซิงก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปฝึกทหารด้วยตนเอง ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนอยู่หน่วยรักษาความปลอดภัย ตอนนั้นหน่วยรักษาความปลอดภัยถือเป็นเขตปกครองส่วนตัวของพวกเขาเพื่อรักษาความปลอดภัยเทียนจิน ดังนั้นหวังทงจึงไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวเท่าไรนัก
ตอนนี้เป็นนายทหารในกองกำลังหู่เวย การฝึกทหารล้วนต้องได้รับการทดสอบจากหวังทง การฝึกได้ดีหรือไปเกี่ยวพันถึงการบ่งบอกความสามารถของตนเอง จะต้องใส่ใจให้มากกว่าเมื่อก่อน
กล่าวถึงตรงนี้ การเข้ารับตำแหน่งในกองกำลังหู่เวยนี้ยังเป็นราชโองการจากฮ่องเต้ ตำแหน่งพวกเขาหวังทงไม่อาจสั่งย้ายได้ก็จริง เพราะต้องถวายฎีการจึงจะได้ แต่เด็กหนุ่มเหล่านี้ก็ไม่กล้าแอบเกียจคร้าน ทุกวันฝึกซ้อมไม่หยุด หวังทงทุกวันมาเฝ้าดูนับเป็นเรื่องใหญ่สุดสำหรับพวกเขา หากว่าหวังทงไม่พอใจ หรือว่าฝึกได้มิสู้ผู้อื่น ก็ย่อมเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง
พอลงจากแท่นไม้ หวังทงก็หันไปกล่าวกับถานเจียงว่า
“พวกเขาไม่ได้มีท่าทีวางท่าเพียงเพราะคิดได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท เดิมข้าคิดว่า หากพวกเขาฝึกได้ไม่ได้ดี แม้ว่าจะทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ก็จะถวายฎีกาเปลี่ยน ตอนนี้ดูแล้วน่าจะกังวลมากไป”
“นายท่านเห็นพวกเขาดังพี่น้อง ยังอยู่ด้วยกันมานานเช่นนี้ มีนายท่านอยู่ พวกเขาไม่กล้าแอบเกียจคร้านเป็นแน่”
ถานเจียงกล่าวก่อนจะเดินกันไปอีกสักครู่ เดินออกจากค่าย ตามปกติจะเดินไปดื่มน้ำชากันที่เรือนไม้ข้างๆ จากนั้นค่อยขี่ม้ากลับ
เสียงปืนดังลดลงบ้างแล้ว รอบๆ ไม่มีค่อยมีผู้ใดอยู่ ซุนต้าไห่ก็กระแอมในลำคอ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ร้านสามธารารายงานมา ตอนนั้นเร่งรีบออกมากัน ก็ขอรายงานใต้เท้าตอนนี้ อาปาก้งผู้นั้นหลังจากทำสัญญาแล้วได้เงินไปก็ไปร้านสามธาราซื้อผงฟูไปสี่พันตัน จากนั้นก็ยังไปซื้อน้ำตาลของร้านหลูไห่ที่เราคุมไว้ไปอีกครึ่ง จากนั้นจึงขึ้นเรือจากไป”
หวังทงส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“เงินค่าเรือ สุดท้ายกลับมาเข้ากระเป๋าอีก อาปาก้งก็ไม่มาเสียเที่ยว ต้าไห่เจ้าบอกไปทางร้านสามธารา ทางเทียนจินนี้หากมีพ่อค้าชาวฟะรังคีมาซื้อสินค้าต้องจดบันทึกไว้ให้ดี ถึงตอนที่อาปาก้งนำพวกช่างมาได้ ก็จะแบ่งกิจการเฉพาะให้เขาจริงๆ”
พ่อค้าสามารถมีกิจการเฉพาะเพียงผู้เดียวที่เทียนจินได้ ก็เท่ากับว่ามีสิทธิในการหากำไรเอง ภูเขาทองทะเลเงินไม่ต้องกล่าวถึง เรียกได้ว่ากำไรมหาศาลอย่างยิ่ง
แต่ทุกคนรู้ว่าหวังทงแต่ไรมาก็ให้ความสำคัญกับการหาช่างฝีมือด้านต่างๆ ก็ไม่เห็นแปลกอันใด
*************
“น้ำตาลร้านหลูไห่ ว่ากันว่านำไปขายให้กับเจ้าครองเขตตอนเหนือของประเทศวัว เจ้าผู้นั้นยินดีใช้แท่งทองมาซื้อ และให้ราคาสูงกว่าตลาดเท่าหนึ่ง ตอนเรือไปถึง เจ้าครองเขตผู้นั้นกำลังรบกับอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่รู้จะทำเช่นไรจึงได้ไปให้ที่เก่าอีกแห่งหนึ่งแทน”
“ราคาหนึ่งเท่า ยังจ่ายทองแท่ง ไปๆ มาๆ นี่ได้กำไร 10 กว่าเท่าเลยนะนี่!!”
ได้ยินจางซื่อเฉียงรายงานมา หวังทงก็อดอุทานขึ้นไม่ได้ จากทางใต้บนน้ำตาลไปขายประเทศวัวได้กำไรสี่เท่าไม่ยาก หากได้เพิ่มอีกหนึ่งเท่า และยังจ่ายด้วยทองแท่ง ราคาก้อนเงินทองแผ่นดินหมิงกับประเทศวัวนั้นต่างกันอยู่ ไปๆ มาๆ กำไร 10 เท่านี่ยังคิดจากน้อยที่สุดด้วยนะ
น้ำตาลจากวางตุ้ง ไหหลำทางนั้นนำไปขายทะเลใต้ใต้ได้กำไรราวเจ็ดเท่า แต่ประเทศวัวถึงกับกำไรสูงกว่าเช่นนี้ มิน่าเล่าเสิ่นหวั่งราชาไตรธารานั้นจึงนำไปส่ง แต่การค้าเช่นนี้ก็เหมือนกับอาศัยโอกาส ได้พบกับเจ้าครองเขตหรือคนอื่นรบกัน การค้าก็ไม่อาจทำได้
ไม่มีอันใดต่อจากนี้ กลับเป็นอาปาก้งที่ได้เปรียบไป เขานำน้ำตาลและผงฟูไปขายประเทศวัว กำไรปกติ ยังได้ทำกรค้าอื่นอีกเล็กน้อยด้วย
ข่าวนี้เป็นจางซื่อเฉียงสืบมา เขากับซุนต้าไห่กล่าวเรื่องคล้ายกัน แต่เรื่องทั้งหมดไม่เหมือนกันนัก การข่าวสองทาง แต่ละฝ่ายควบคุมฝ่ายตน ไม่ข้องเกี่ยวขัดแย้งกัน
“อาปาก้งมาครั้งนี้ เกรงว่าเงินค่าเรือกวางบินนั้นก็คงหาคืนได้จากการทำการค้าแล้ว เรื่องนี้ไว้ก่อน ระเบียบในช่วงริมทะเลและทะเลในหน้าหนาวนี้ กับคลองส่งน้ำกับแม่น้ำทะเลทางนั้น พวกเจ้าเตรียมความพร้อมแล้วหรือยัง?”
“เรียนใต้เท้า พวกข้าน้อยส่งคนไปตามคนที่บริเวณสบแม่น้ำมาแล้ว แม้ว่าทะเลปิดและคลองส่งน้ำปิด หลายคนอยากกลับไปฉลองปีใหม่กัน แต่ก็มีมีคนที่เหลืออยู่หาเงินต่อด้วยความยินยอมพร้อมใจ ปีนี้มีเรื่องดีกว่าปีที่แล้ว คนจากเขตปกครองเหนือหลายคนมากันไมน้อย มีแรงงานไม่ขาด”
จางซื่อเฉียงมีแผนรับมือไว้แล้ว เทียนจินดีกว่าที่อื่นๆ มีเงินทองมากมาย ทำงานก็ได้เงินมาก หวังทงพยักหน้า ฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลง คนงานด้านนอกเริ่มแขวนโคมไฟขึ้น หวังทงเหม่อมองความมืดมิดด้านนอก ก่อนจะกล่าวว่า
“ปีนี้เทียนจินไม่เหมือนปีก่อนๆ เจ้าจัดคนไปเดินรอบเทียนจินในปีนี้ให้ไปดูอีกรอบว่ามีที่ไหนใช้งานได้อีก”
จางซื่อเฉียงรับคำ เห็นหวังทงอายุน้อยเช่นนี้หากมีความคิดรอบคอบรอบด้าน อดไม่ได้ถามว่า
“ใต้เท้า กลางวันท่านฝึกทหาร ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ มีเวลาว่ายังฝึกยุทธ์ เรื่องน้อยใหญ่ในเทียนจินล้วนต้องพึ่งใต้เท้าดูแล ใต้เท้าอายุยังน้อย อย่าได้เหนื่อยจนเสียสุขภาพ”
หวังทงเคาะโต๊ะเบาๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า
“ยุ่งหน่อยก็ดี หากว่างเกินไป กลับมีภัยได้!!”
**************
เทียนจินค่อนไปตอนเหนือ ที่นั่นเป็นที่ตั้งค่ายของกองกำลังหู่เวย คน 2,500 ตั้งค่ายฝึกอยู่ เสียงกลอง เสียงคำสั่ง ดังไปทั่ว รอบด้านมีฝุ่นคลุ้งกระจาย แลดูยิ่งใหญ่ทรงอานุภาพ
ไม่ไกลนักมีคนบนหลังม้า 10 กว่าคนหยุดมองอยู่ ขุนพลสูงวัยผู้หนึ่งกำลังมองดูการฝึกของกองกำลังหู่เวย
“หวังทงรู้จักการฝึกทหารจริงๆ ฝึกทหารเก่งกล้าออกมาได้จริงๆ”