Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 495

ตอนที่ 495 นายกองพันต่งล่อจับคน

ย่างเข้าเดือนสิบ คลื่นลมบนท้องทะเลก็เริ่มแรง ชาวประมงเมืองชิงโจวยังคงออกหาปลาในเขตปกครองใต้ ชาวประมงที่ไหลโจวและเติงโจวหยุดพักแล้ว คนเองไปหางานใช้แรงงานอื่นทำกัน

เรือประมงหยุด พ่อค้าที่มาจากทางทะเลก็ค่อยๆ เบาบางลง เรือทะเลก็น้อยลง โจรสลัดทะเลยิ่งไม่ต้องพูดดึงว่าจะอยู่อย่างไร ต่างก็ว่างงานกันไปหมด

โจรที่ซานตงส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ มักเป็นพวกพักอาศัยตามหมู่บ้านประมงชายทะเล ตอนเรือทะเลไปมามาย ก็ร่วมกลุ่มพรรคพวกออกทะเล หากว่างก็กลับบ้านไปหางานทำ

พวกหากินบนท้องทะเลที่ไหลโจวและเติงโจงล้วนรู้กันว่า ของที่ปล้นได้มาอยู่ในมือตนนั้นอันตรายมาก หากมีความสามารถขนไปที่จี่หนิงหรือหลินชิงได้ก็เป็นเช่นเดียวกัน

พ่อค้าทางนั้นตาแหลมมาก เห็นสินค้าก็รู้ว่าที่มาไม่ถูกต้อง ก็ย่อมให้เงินแบบหักราคาลงเจ็ดส่วน คิดจะรับของโจรก็ต้องไปแถบจี่หนาน โดยเฉพาะอำเภอเยี่ยนโถว ที่นั้นรับไว้ และให้ราคาสูง พร้อมให้เงินสด

พี่น้องตระกูลอู๋กับพวกไก้เถี่ยถ่ามีชื่อเสียงเกรียงไกรเพียงนี้ หลายวันก่อนว่ากันว่าพี่น้องตระกูลอู๋กับพวกไก้เถี่ยถ่าถูกจับกุมไปยังเขตปกครองเหนือกันหมด มีบางคนยังถูกตัดหัวในทันทีที่จับได้

ทุกคนรู้สึกกลุ้มใจไม่รู้จะเอาของไปปล่อยที่ไหนดี คิดไม่ถึงว่าผู้ที่เป็นศัตรูกับพี่น้องตระกูลกลับมาทำการค้านี้แทน

นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรรับของโจรทุกคน ยังมีอันใดไม่วางใจ ว่ากันว่านายกองพันต่งกับราชาไตรธารามีสายสัมพันธ์กัน ดวงตาปกติอยู่บนหน้าผาก หากไยมองไม่เห็นกัน ตอนนี้ถึงกับยอมลดตัวมาทำการค้านี้

แน่นอน รับซื้อของโจรแล้วเอาไปขายที่ร้านหลูไห่ กำไรมหาศาลนี้ ต่งช่วงสี่จะปล่อยไปได้อย่างไร เขาจับตาดูว่าจะกลืนกินการค้านี้ไว้เองนานแล้ว

แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ อู๋ต้าเดือนเก้ากลับมาที่ซานตงอีกครั้ง และไปตามหาช่างต่อเรือที่ริมทะเลทุกวัน ทุกคนเคยมีน้ำใจกันมานานหลายปีย่อมไว้หน้ากันอยู่ แต่ก็แค่นั้น ต่งช่วงสี่ตอนนี้ให้เงินสด และยังให้มากกว่าที่ตระกูลอู๋ให้ถึงสามส่วน ทุกคนล้วนรู้จักแต่เงินทอง ไม่รู้จักตัวบุคคล

นายกองพันต่งก็รู้ธรรมเนียมอยู่ การค้าดีๆ ทำได้สองเดือน วันที่ 12 เดือนสิบก็จัดเลี้ยงที่อำเภอเยี่ยนโถว เชิญทุกคนที่ร่วมค้ากันมาร่วมงานเลี้ยง

มารยาทเกรงใจก็ส่วนมารยาทเกรงใจ หากในใจทุกคนต่างก็ระแวดระวังกันอยู่หลายส่วน ต่งช่วงสี่เข้าสู่วงการค้านี้และมีลู่ทางทะเลได้อย่างไร ทุกคนรู้ดี และยังเป็นถึงนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร มีหน้าที่จับโจร

ดังนั้นวันที่ 12 เดือนสิบจัดเลี้ยงใหญ่โต คนใหญ่คนโตทุกคนจึงไม่มากัน ส่วนใหญ่ส่งเพียงหัวหน้าเล็กๆ มาเท่านั้น ไว้หน้ากันพอได้อยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่อง

หัวหน้าตัวเล็กๆ กับผู้ติดตาม สองเมืองก็มากับร่วมร้อย ทุกคนเป็นชายฉกรรจ์ หน้ำตากรำแดดจนดำคล้ำ มองดูก็รู้ว่าเป็นคนใช้ชีวิตบนท้องทะเล

อำเภอเยี่ยนโถวรุ่งเรืองไม่ว่า เดิมโรงบ้านตระกูลไก้ก็จัดเลี้ยงมาก่อน ว่ากันว่างานเลี้ยงฟุ่มเฟือย มีหมดไม่ว่า หมู แพะ ไก่ เป็ด ปลา กุ้ง ปู มีครบ ใช้จ่ายมากเช่นกัน ว่ากันว่ายังเชิญพ่อครัวมาจากเมืองจี่หนาน สุราไม่ต้องกล่าวถึง ล้วนเป็นสุราดีซื้อมาจากร้านสุราใหญ่ในเมืองหลินชิง

งานเลี้ยงที่พวกโจรสลัดเคยเห็นมา ปกติก็แค่เนื้อปลาที่ดีกว่าชาวบ้านหน่อยเท่านั้น แต่อาหารในวังนี้แม้แต่ในเมืองก็ใช่ว่าจะหากินได้ สุรานี้ในเมืองใช่ว่าจะหาดื่มได้

มีบางคนถึงกับคิดว่า แม้ว่ามีอุบายก็จะต้องดื่มให้คุ้มค่าสะใจไปเลย ต่งช่วงสี่เองก็เดินเรียกชนจอกสุราไม่หยุด

ในงานเลี้ยงก็เริ่มคึกครื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว อาหารชั้นเลิศยกขึ้นโต๊ะมาเรื่อยๆ ไม่หยุด สุราดีเปิดออกไหแล้วไหเล่า คนรอนแรมยังชีพบนท้องทะเล ตากแดดตากลมนานวัน ชอบที่สุดก็คือสุรารสแรงไว้ขจัดความหนาว

สุราในงานเลี้ยงนี้เป็นสุราฤทธิ์แรงจากเมืองเป่าติ้ง ถูกปากพวกเขาที่สุด จึงกลายเป็นว่าเจ้าชามข้าชาม สนุกสุขขีดกันขึ้นมา

ประตูสี่ด้านเปิดกว้าง ไม่เห็นทหารสักนาย ทุกคนเริ่มแรกก็ระแวดระวังกัน แต่สุดท้ายก็คลายความระแวงลง กินดื่มกันยกใหญ่ มีความสุขมาก ต่งช่วงสี่ก็ดื่มไปหลายชาม เห็นท่าทางก็เมามาย ยังมีอุบายเล่ห์ใดอีกเล่า คิดไม่ถึงว่า พอสุราจัดไปสามรอบ ด้านนอกก็มีหญิงสาวร่วมร้อยนางมาถึง

หน้ำตาอย่างไรไม่อาจรู้ได้ ดื่มไปแล้วมึนๆ มองอย่างไรก็เบลอๆ เขียวๆ แดงๆ ทุกคนต่างก็คว้าเอาไว้ก่อน

พวกนี้เป็นแค่หัวหน้าเรือและคนงานพวกโจรสลัดทั่วไป จะมีค่าอันใดให้ต่งช่วงสี่ใช้แผนสุราเลิศหญิงงามมาล่อจับกัน แต่ยามนี้สุราเลิศเบื้องหน้า บรรดาชายฉกรรจ์ก็ย่อมไม่อาจทานทนได้ ต่างก็หน้ามืดตามัวกันไปหมด

จวนตระกูลไก้ว่างอยู่ ย่อมโอบกอดกันคนละคนแล้วก็หาที่หลับนอนไป

ดื่มสุราแรง ยังมีสาวงามเคี่ยวกรำยาวนาน ก็ย่อมไม่อาจมีสติหลงเหลือ ไม่ทันถึงเที่ยงคืนดีก็พากันสลึมสลือหลับไปกันหมด

มีบางคนยังพอมีสติเลือนรางได้ยินคนด้านนอกตบประตูถามขึ้นเบาๆ ว่า

“หลับแล้วหรือยัง?”

มีคนบางคนที่ยังมีสติอยู่หลายส่วนก็ตอบอู้อี้กลับไปว่า “ยังไม่หลับ” มีบางคนโยนให้หญิงข้างกายเป็นคนตอบ ในใจก็คิดงงๆ ว่า ใต้เท้าต่งผู้นี้ช่างมีน้ำใจ ถึงกับยังมาคอยเอาใจใส่

หลังจากไล่ถามไปทีละห้องจนครบ คนงานก็วิ่งเหยาะไปรายงานต่งช่วงสี่ ต่งช่วงสี่กำลังโก่งคออาเจียนดัง พื้นเละเทะไปทั้งแถบ กลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว

อาเจียนหมดแล้ว คนข้างๆ ก็ประคองกะละมังไม้ออกมา ต่งช่วงสี่ยืนโงนเงนล้างหน้า ก่อนจะถามเสียงสั่นเล็กน้อยว่า

“หลับกันหมดแล้วยัง?”

“เรียนนายท่าน หลับกันหมดแล้วขอรับ ข้าน้อยไล่ถามมาทีละห้องแล้ว!!”

“จับ จับ จับมัดให้หมด!!!”

ต่งช่วงสี่พูดอาการลิ้นจุกปาก คนงานข้างๆ รีบคำนับรับคำก่อนจะวิ่งออกไปทันที ไม่นาน ประตูใหญ่ก็เปิดออก มีองครักษ์เสื้อแพรมากมายกรูกันเข้ามา

**********

วันรุ่งขึ้นพระอาทิตย์ขึ้นสูงมากแล้ว บรรดาโจรสลัดที่มาร่วมงานเลี้ยงเพิ่งตื่น ฤทธิ์สุรายังคงไม่สร่าง ต้องการนอนกันต่อ

แต่พอตื่นมาดูก็ไม่พบหญิงข้างกายเสียแล้ว หากถูกมัดด้วยเชือกเส้นโต และยังมีพวกองครักษ์เสื้อแพรในชุดมัจฉาเวหายืนเฝ้าอยู่ไกลๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังมีอันใดไม่เข้าใจอีก ต่างก็ราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ บางคนถึงกับตะโกนด่าทอหยาบคาย ด่าว่าต่งช่วงสี่ย่อมไม่ได้ตายดีแน่

ต่งช่วงสี่ตอนบ่ายจึงได้ปรากฎตัวต่อหน้าทุกคน พอมาถึงก็ทำเหมือนไม่ได้เสียงตะโกนด่าทอของทุกคน หากเลือกแกะมัดให้กับคนสำคัญในกลุ่มนี้ราวสิบคน จากนั้นก็กล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า

“ปล่อยพวกเจ้ากลับไป มีเรื่องบางอย่างต้องบอกพวกเจ้า ทางเทียนจินมีคนต้องการใช้งานชาวทะเล เร่งมาไม่หยุด ข้าจึงต้องทำเช่นนี้ ส่งไปเทียนจินไม่ได้มีอันใดเสียหาย ไม่แน่อาจจะได้พ้นความผิดทั้งหมด หากไม่เชื่อข้า พรุ่งนี้ก็ส่งไปเทียนจิน พวกเจ้าส่งคนตามไปดูได้”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ ผู้ใดจะไม่เชื่อ ต่งช่วงสี่กล่าวต่ออย่างไร้แรงกำลังว่า

“วันหน้าราคารับซื้อเพิ่มสองส่วน เจ้ากลับไปรายงานเจ้านายพวกเจ้า หากมีเรือแต่ไม่มีทุนทำการค้า ก็ให้มาหาข้าที่นี่ มีคนรับซื้อ!”

พวกที่ถูกปล่อยกลับไปแม้ไม่เชื่อ แต่ก็ต้องจากไป ต่างพากันรีบวิ่งออกไปทันที ต่งช่วงสี่เมื่อวานดื่มมากไป พอต้องลมก็อยากจะอาเจียน แต่ในท้องว่างเปล่า จึงได้แต่อาเจียนเพียงลมออกมา อาเจียนเอาแต่น้ำย่อยออกมา คนงานข้างๆ เข้าไปประคอง ก็ถูกเขาผลักออก พลางกัดฟันกรอดด่าทอว่า

“ล้วนเป็นเพราะพวกเจ้าไร้น้ำยา หากพวกเจ้าเก่งได้เหมือนคนของหวังทง ข้าไยต้องเสียเงินซื้อหาสุรานารีพวกนี้มากัน ต้องจัดการมอมพวกมันก่อนจึงจะจับตัวได้ เรื่องแค่นี้กลับต้องใช้เงินไปถึง 400 กว่าตำลึง วันหน้ายังไม่รู้ว่าจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกเท่าไร……”

องครักษ์เสื้อแพรข้างๆ ก็มีสีหน้าไม่รู้จะทำเช่นไรเช่นกัน ต่งช่วงสี่เร่งจับกุมคน แต่คนในมือใช้การไม่ได้ ได้แต่ใช้อุบายล่อจับเช่นนี้

ต่งช่วงสี่สบถด่าดัง ก่อนจะด่าต่อตามมาติดๆ อีกว่า

“รีบส่งไปเทียนจิน เจ้าหวังทงอำมหิตนัก ไม่ทำตามที่ตกลง ถึงกับจะปล่อยตัวตระกูลอู๋กลับมา เจ้าโจรชั่ว เจ้ามันโจรหรือขุนนางกันแน่!?

************

โจรสลัดเมืองเติงโจวและไหลโจวถูกจับส่งไปเทียนจินในเดือนสิบ พวกอารมณ์ร้อนจะไปเอาเรื่องต่งช่วงสี่ แต่คิดดูแล้วไม่ถูกต้องนัก หากว่ามีเรื่องกันจนมองหน้าไม่ติดแล้วคิดจับกุมตนไปรับความชอบ อย่างไรคงไม่ปล่อยตนกลับมา ยังอาจมียัดข้อหาที่ไม่มีจริงก็ได้

หากมีพวกรู้มากหันไปถามกับอู๋ต้าที่วุ่นกับการหาคน อู๋ต้าแม้ว่าอยากจะให้คนไปเอาเรื่องกับต่งช่วงสี่ แต่เรื่องของหวังทงนั้นเขาเองไม่กล้าขวาง ได้แต่อธิบายแทน อู๋ต้ากับต่งช่วงสี่ย่อมไม่อาจอยู่ร่วมโลก คนพวกนี้รู้ดี เขาเองยังกล่าวเช่นนั้น ทุกคนย่อมเชื่อถือ ความโกรธแค้นก็หายไปหลายส่วน

มีข่าวมาจากเมืองจี่หนาน พี่น้องที่ต่งช่วงสี่จับไปเทียนจินนั้นถึงที่หมายแล้ว ไม่มีการสวมกุญแจมีกักขังแต่อย่างใด ได้ยินข่าวนี้ ทุกคนก็วางใจ พวกที่ยังไม่วางใจก็ส่งไปคงไปตามดู ตลอดทางไปเทียนแล้วกลับมารายงาน

ทว่าก็ไม่จำเป็นแล้ว……

************

เมืองหลวงในเดือนสิบ ณ จวนมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง เสนาบดีกรมทหารจางซื่อเหวยกำลังร่วมหารือในห้องหนังสือ จางจวีเจิ้งนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือกล่าวว่า

“จื่อเหวย ชีหยวนจิ้งมีจดหมายมา ที่ว่ามาในจดหมายนั่นทำได้อยู่ กรมทหารนำไปปฏิบัติด้วย!”

จื่อเหวยก็คือนามรองของจางซื่อเหวย หยวนจิ้งก็คือนามรองของชีจี้กวง เขาทั้งสองเป็นคนสนิทจางจวีเจิ้ง จางซื่อเหวยได้ยินจางจวีเจิ้งกล่าวเช่นนี้ก็รีบรับคำ ยืนอ่านอยู่ตรงนั้น หากมุมปากกลับยกยิ้มอย่างไม่ทันรู้ตัว อ่านจดก็ส่งกลับไปอย่างนอบน้อม กล่าวอย่างเป็นการเป็นงานว่า

“ขอใต้เท้าวางใจ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการ”

************

สำนักอาชาหลวงในเดือนสิบ ก็จะยุ่งกับเรื่องเก็บรายได้เข้าวังที่สุด พอสิ้นปี พวกเขาก็ต้องเตรียมนำขึ้นทูลเกล้า ต้องจัดการบัญชีให้เรียบร้อย ในเรื่องนี้หัวหน้าสำนัก รองหัวหน้าและผู้ช่วยทั้งสามตำแหน่งจึงยุ่งจนหัวหมุนไปหมด

ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักอาชาหลวงอย่างฉู่เจ้าเหรินทุกวันต้องมาตรวจบัญชี ฟังรายงานจากขันที วันที่ 16 เดือนสิบ กำลังยุ่งอยู่นั้น ก็ได้ยินขันทีน้อยข้างนอกรายงานดังเข้ามาว่า

“ฉู่กงกง ทางกรมทหารถามถึงเรื่องกองกำลังฝ่ายในเราจะออกไปฝึกซ้อมรบปีนี้แล้ว!?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version