Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 503

ตอนที่ 503 เพลิงโจมตีไม่แตกแถว ค่ายรับราวภูผา

ควันไฟลอยขึ้นแทบจะเวลาเดียวกันกับที่หวังทงเห็น ลมพัดไปทิศเหนือ ควันก็ไปตาม ใช้สายตามองเห็น ควันเริ่มหนาแน่นขึ้น

“มีคนจุดไฟ!!”

คนนำทางตะโกนเสียงดัง บนทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ไม่มีหิมะตก หญ้าแห้งพวกนี้แต่ละกอเผาเป็นไฟกอใหญ่ เพลิงไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เป็นกองเพลิงที่ได้มาตรฐานยิ่ง

พื้นที่เป็นเนินดินสูงต่ำ หญ้าแห้งขึ้นสูง คนหลบอยู่ตามเนินก็ยากจะมองเห็น ในกองกำลังเริ่มมีเสียงไอดัง น่าจะเริ่มวุ่นวายกันแล้ว พวกกองกำลังหู่เวยอยู่ใต้ลม เปลวไฟลามมาทางนี้แล้ว

“หัวหน้ากองทุกคน นำขบวนหลบข้างทาง ตัดหญ้าออกไปสามก้าว รีบปฏิบัติ!!”

หวังทงสั่งการบนหลังม้า ทหารติดตามรีบขี่ม้าออกไปสั่งการ กระจายข่าวสี่ทิศทาง คำสั่งออกไป แต่ละแห่งที่กำลังวุ่นวายก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เสียงคำสั่งการดังขึ้น บรรดาพลทหารก็เริ่มกระจายตัวออกไปรอบนอกค่าย

ทหารแต่ละนายนอกจากอาวุธประจำตัวหรือปืนไฟแล้วก็ล้วนมีดาบติดตัว กองกำลังหู่เวยซ้อมรบ ตั้งค่ายพักเป็นค่ายรถศึก หัวหน้าแต่ละหน่วยรับหน้าที่ทิศทางตนเอง

พอถึงชายขอบพื้นที่รับผิดชอบตน ก็จะกระจายตัวแนวนอนใช้ดาบตัดหญ้า หญ้าแห้งกรอบ ตัดง่ายมาก กองกำลังหู่เวยลงมือพร้อมเพรียงตามเสียงสั่งการ พื้นที่ว่างสามก้าวก็เก็บกวาดได้อย่างรวดเร็ว

แต่ละแห่งตัดหญ้าทิ้ง หวังทงอุดจมูกมองไปยังทิศทางที่ควันลอยมา เพลิงลุกลามเร็วมาก ควันก็บดบังไปเกือบทั่วพื้นที่

“ถานเจียง เจ้านำกำลังกองที่ 1 ไปควบคุมให้คนรถดูแลรถให้ดี หม่าซานเปียวเจ้าอยู่ที่นี่รอคำสั่ง หากมีเสียงตะโกนดังวุ่นวาย ไม่ต้องให้ข้าออกคำสั่ง จัดการตัดหัวมันเป็นตัวอย่างได้ทันที!!”

ทั้งสองรับคำสั่งพร้อมกัน หวังทงบังคับม้าไปทางที่ควันลอยมา ค่ายรถทางนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของถานปิง

พื้นที่ในค่ายขี่ม้ามาถึงกันได้เร็ว ม้าที่หวังทงนั่งถูกควันรบกวนจนไม่หยุดนิ่ง พอไปถึงทางนั้นหวังทงก็เห็นว่าจัดการพื้นที่โล่งออกไปได้หกก้าว

“ถานปิง จัดกองกำลังสองกองตั้งแถวที่นี่ อีกฝ่ายจุดไฟ รอไฟลามมา หญ้าแห้งก็เผาไหม้หมด ขอเพียงด้านนี้ไม่มีไฟ ศัตรูย่อมกรูกันมาทางนี้”

ถานปิงพยักหน้ารับคำสั่ง หันไปออกคำสั่ง ไม่นานพลทหารค่ายสองก็เรียงแถวแนวราบพร้อมทวนยาว หวังทงหันกลับไปตะโกนดังว่า

“ใช้รถใหญ่กั้นทางนี้ไว้ให้ดี พลปืนไฟอย่าออกมา ให้อยู่ในรถคอยคำสั่ง พลธนูขึ้นหลังคารถ เร็ว!!”

ควันไฟตลบอบอวล ไม่อาจเล็งแม่นไม่ว่า ดินปืนมีสายชนวนหลุดออกมา ดินปืนไม่ได้ปิดคลุมไว้อย่างดี ย่อมติดไฟได้ง่าย

ขณะที่ควันลอยมาทางนี้ ทุกคนก็พากันแสบตาแทบลืมไม่ขึ้น เสียงไอพร้อมน้ำตาไหล ทุลักทุเลอย่างมาก ถานปิงก้มหน้าเช็ดขอบตา พลางกล่าวกับหวังทงว่า

“ใต้เท้า ที่นี่ข้าดูแลได้ ขอใต้เท้ากลับเข้าไปในค่ายหลบก่อน!”

“ข้าจะไปได้อย่างไร ข้าจะเป็นกองหลังให้เจ้า!!”

หวังทงตะโกนดัง ทหารที่ติดตามมาหลายสิบนายก็ล้วนจัดแถวพร้อมรบ เห็นเพลิงไหม้มาทางนี้ ควันก็ยิ่งแสบคอ หากยืนสูงอีกหน่อย ก็จะได้เห็นไฟบนทุ่งหญ้าล้อมรอบค่ายหู่เวยไว้หมดแล้ว แต่เปลวไฟก็เผามาได้แค่พื้นที่โล่งรอบๆ

เปลวเพลิงต้องการเชื้อเพลิง พื้นที่กว้างมีแต่ต้นหญ้าเล็ก เผาเร็วมากแต่ไม่อาจลามได้ ลมยังพัดมาจากตอนเหนือ เบื้องหน้าหวังทงไฟกำลังมอด ควันไฟเริ่มจางลงแล้ว

“มีทหารม้าวิ่งมา!ๆ”

มีคนในกองกำลังตะโกนดัง ควันไฟเริ่มจาง แต่มองไม่เห็นข้างหน้าชัดนัก หากเสียงม้าร้องและควบมาดังสนั่นหวั่นไหว คนแถวหน้าก็ย่อมได้ยิน

“พลทวนตั้งระนาบ หยุดม้าไว้ หยุดม้าไว้!!”

เสียงถานปิงตะโกนดังอยู่หน้าทหารสองกอง 400 นายในแถวทวนแนวระนาบไปด้านหน้า ทหารแถวที่หนึ่ง ก้าวเท้าซ้ายออกไป ตัวเอนไปด้านหน้า ทวนยาวก็แทงลงพื้น ด้านหน้าเอนลง ด้านหลังก็ค่อยๆ ทำตาม สุดท้ายก็เป็นแนวราบพร้อมทั้งแนว

“ตั้งมั่นไว้!! ตั้งมั่นไว้!! อย่าแตกแถว ย่อมปลอดภัย!!”

ถานเจียงและคนในบังคับอีก 100 นายก็ตะโกนดัง ทหารทุกคนตอนนี้สองตาเต็มไปด้วยน้ำตา ลืมไม่ขึ้น เสียงฝีเท้าม้าด้านหน้ากับเสียงพื้นดินสะเทือนเริ่มรุนแรง พลทหารล้วนพากันหวาดกลัว แต่รู้ว่าหากทิ้งแถวตอนนี้ ไม่ถูกศัตรูสังหารก็จะถูกลงโทษทางวินัย ขอเพียงมีโอกาสรอดเพียงนิด ก็ต้องยันไว้สุดชีวิต

เสียงฝีเท้าม้าดังมา เสียงตะโกนแหลมๆ แปลกๆ ดังมา ศัตรูขี่ม้าปรากฎตัวหลังควันไฟ ในมือพวกเขามีทวนยาวและดาบใหญ่ ม้าก็ทะยานมาอย่างรวดเร็ว

พวกเขามาตามทิศทางลมอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้ถูกควันรบกวนแม้แต่น้อย เมื่อครู่พวกเขาเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ในพื้นที่โล่งด้านหน้า หากเกิดเพลิงไหม้ ถือโอกาสที่กำลังชุลมุน ทะลวงเข้าไปทางนี้ เข้าไปสังหารทหารหมิงให้สิ้นซาก

แต่คิดไม่ถึงว่า เพลิงไหม้ใหญ่ ทหารหมิงกลับยังคงตั้งแถวรับแนวนอนอย่างเป็นระเบียบได้ ทวนทำเป็นรูปเหมือนเม่นเหล็กแทงออกรอบตัว

เห็นประกายทวนวิบวับเบื้องหน้า หยุดม้าก็ไม่ทันแล้ว ยามนี้พวกเขาที่ร้องตะโกนเฮโลกันมาก็เริ่มเป็นเสียงร้องโหวกเหวกแทน แต่เสียงร้องโหวกเหวกอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชนเข้ากับทวนยาว

พอชนเข้ากับแถวทวนยาว พวกมองโกลและม้าก็ถูกแทงทะลุ เสียงร้องโหวกเหวกดังกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แถวที่หนึ่งและสองถูกชนจนล้มลง ทวนยาวหักสะบั้น

“รักษารูปแถวไว้ แถวสามขึ้นหน้าเสริมกำลัง!!”

ถานปิงถือทวนยาวในมือ ยืนอยู่หลังสองค่ายในแถวสุดท้าย พลทหารเปลี่ยนที่กันขึ้นหน้า แต่ 400 นายอย่างไรก็มีความกว้างไม่พอ มีทหารม้าสิบกว่านายบุกเข้ามาได้

แต่มองโกลมี่บุกเข้ามาได้ก็ต้องแตกตื่น พวกเขาคิดไม่ถึงว่าทหารหมิงจะเตรียมการพร้อม ที่หูได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันร้องดัง ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรกันแล้ว

เมื่อครู่พลธนูที่ขึ้นไปบนหลังคารถก็ยืนขึ้น แถวทหารราบและรถใหญ่ระยะห่างกันไม่กี่สิบก้าว กำลังเล็งมา คิดจะยิงไม่แม่นก็ยากมาก

ทหารมองโกลที่บุกเข้ามาเข้าใจดีแล้ว คิดจะหนีก็ไม่ทัน ได้แค่ร้องขอชีวิต แต่พวกเขามีใจคิดมาสังหารย่อมไม่อาจไว้ชีวิต หวังทงกับนายทหารติดตามที่มีความกล้าหาญพร้อมรออยู่แล้ว

“ปิดฉากรบ เสริมขึ้นหน้า!!”

หวังทงกับนายทหารติดตามตั้งขบวนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทวนยาวแทงหน้า ก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นหน้า

ทหารมองโกลที่บุกเข้ามาเห็นทวนหลายสิบแทงใส่ คิดจะกระแทกม้าเข้าใส่ ม้าเองก็กวาดกลัวเช่นกัน ถึงกับกระโจนขึ้นสะบัดคนบนหลังม้าร่วงลงมา ทหารมองโกลยังติดอยู่ที่บังโกรนม้า ถูกลากไปด้วย คิดจะมีชีวิตรอดก็ยาก

ทหารมองโกลอีกหลายนายเห็นภาพนี้แล้ว ก็ไม่กล้าบุกเข้ามาต่อ คิดจะหันม้าหนีแต่พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ด้านหลังก็เป็นพลทหารกองกำลังหู่เวย จะหนีได้อย่างไร

ทหารนายหนึ่งขี่อ้อมแถวของหวังทงไป เดิมคิดว่าไม่มาทางจะหันมาแทงตนได้ คิดไม่ถึงว่ามีทหารต่างชาติผู้หนึ่งเอี้ยวตัวใช้ ‘ขวานรูปพัด’ ในมือกวาดมา ขาม้าถูกตัดขาด ม้าส่งเสียงร้องดังโหยหวน แรงบุกเข้ามาไม่ได้ลดลง ม้ากับคนก็กลิ้งล้มลง ม้าหนักเกือบร้อยโล กลิ้งไป คนบนม้าย่อมถูกทับเอาไว้

เสียงร้องโหยหวนและเสียงร้องของม้าดังไปทั่ว ทำให้พวกมองโกลที่บุกตามมาเริ่มลดความเร็วลง คิดได้ว่าจะอ้อมไปด้านหลังแถวทวนยาว มีคนคิดจะถอยไปยิงธนูใส่แทน

แต่ตอนนี้นอกจากทางนี้ที่ไม่มีไฟเผาแล้ว ที่อื่นยังมีไฟอยู่ รบได้แต่ทางนี้เท่านั้น พวกศัตรูคิดจะอ้อมไปบุก บ้างก็คิดจะถอยหลัง ในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ก็เริ่มเบียดกัน ดีที่ทวนยาวด้านหน้าไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ยังสามารถจัดทัพได้ทัน

“พลปืนไฟขึ้นหน้า ยิงได้ตามใจ!!”

หวังทงตะโกนดัง พลปืนไฟที่รอคำสั่งอยู่หลังรถก็รับคำสั่งพากันผลักรถออก ในมือมีปืนไฟ วิ่งออกมาทันที

พวกมองโกลที่เบียดกันไปมาเป็นเป้าพอดี ในสภาพนี้ ไม่ต้องยิงให้พร้อมเพื่อรับรองว่ายิงกันปูพรมพอ เพียงแค่ยิงออกไปก็พอ

เสียงปืนไฟดังราวกับเม็ดถั่วระเบิด ห่างจากแถวทวนยาวด้านหน้าไม่กี่ร้อย พวกมองโกลก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ร่วงจากหลังม้า พวกพลทวนยาวที่ไม่กล้าขยับตัวมาตั้งแต่เริ่มสู้กันก็ขยี้ตา ปาดเช็ดน้ำตา มองเห็นศัตรูเบื้องหน้าแล้ว

“มู่เอิน!! ปืนใหญ่สองชั่งๆ !!”

เสียงตะโกนแหบพร่าของหวังทงดังขึ้น พลปืนใหญ่อยู่ในอำนาจสั่งการของหวังทงรีบปฏิบัติทันที ปืนใหญ่เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว พอสั่งการไป พลปืนใหญ่ด้านหน้าก็ลากเชือกชนวน ด้านหลังมีคนเข็นปืนขึ้นหน้า พลปืนไฟดันปากทางเปิดออก

“ยิงถล่มพวกสัตว์เดรัจฉาน!!”

ไม่ต้องให้หวังทงสั่ง พลปืนใหญ่ทุกคนก็สาละวนกับการตั้งปืน เล็งให้พร้อมอีกครั้ง ก่อนจะจุดไฟ ปืนใหญ่ยิงกระสุนลอยข้ามใส่ศัตรู ทหารมองโกลสามคนหลบไม่ทัน ถูกยิงจนเลือดเนื้อกระจุยกระจาย จบชีวิตลงทันที

ปืนไฟเพิ่งระดมยิงตายไปไม่น้อย ปืนใหญ่ยิงไม่ถึงบริเวณที่มีคนหนาแน่น ย่อมทำลายล้างได้น้อยมาก เสียงปืนใหญ่ดังสนั่น ทำเอาพวกมองโกลเบื้องหน้าหวาดกลัวนิ่งค้างไปทันที

ในตอนนั้นเอง เสียงเป่าเขาสัญญาณก็ดังมาจากที่ไกลๆ ได้ยินเสียงนี้ พวกมองโกลก็ไม่กล้ารบต่อ รีบชักม้าหันหลังกลับ วิ่งกลับไปทางตอนเหนืออย่างรวดเร็ว

เห็นพลปืนไฟเตรียมจะไล่ตามไปยิงต่อ ก็มีเสียงตะโกนดังว่า

“แต่ละค่ายกลับ อย่าเปิดช่องให้พวกศัตรู”

สีหน้าเขาดำไปด้วยเขม่าควัน ยกมือลูบดำไปทั้งหน้า แต่ตอนเหนือของค่ายไม่มีควันแล้ว ทหารมองโกลที่หนีไปก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว ที่เนินดิน มีต้นหญ้าแห้งบดบังสายตา หากขี่ม้าผ่าน ก็ย่อมยากจะเห็นร่องรอย

เดิมคิดว่าศัตรูจะลงมือในอีกสองสามวันข้างหน้า คิดไม่ถึงว่าวันแรกที่ออกมา หันหลังไปมองยังเห็นมี่อวิ๋นเช่นนี้ก็มาก่อกวนกันแล้ว แต่การก่อกวนครานี้ พวกมองโกลสูญเสียไปร่วมร้อยศพ ทหารกองกำลังหู่เวยมีเพียงพลทวนยาวสองนายที่บาดเจ็บที่แขนตอนม้ากระโจนเข้าใส่เท่านั้น ต้องพักรักษาตัว

หัวมองโกลถูกตัด ร่างนำไปเผา ม้าที่ตายก็ลอกหนังหั่นเนื้อมากินกัน รอบค่ายกองกำลังหู่เวยถูกเผาเรียบเตียนเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เฝ้าระวังได้ง่ายมากในยามนี้

ตกดึก มีพวกมองโกลปรากฎตัวจากที่ไกลๆ แต่ไม่กล้าเข้าใกล้เกินห้าร้อยก้าว……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version