Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 508

ตอนที่ 508 ฝูงหมาป่าไล่ล่าพยัคฆ์ เสียตน ประโยชน์ผู้อื่น

หวังทงขี่ม้าไปด้านหลัง ขบวนทัพยังคงเดินหน้าต่อไป ระหว่างรถใหญ่สองข้างก็มีพวกชายชาวบ้านพากันหลบอย่างจ้าละหวั่น

ไม่มีคำสั่งหวังทง ขบวนทัพไม่อาจหยุดเดิน แต่ความเร็วการเคลื่อนรถด้านนี้ไม่นับว่าเร็วนัก เทียบกับม้าที่มาอย่างเร็วแล้ว เรียกได้ว่าเคลื่อนที่ได้อย่างนิ่งเงียบมาก

พอหวังทงมาถึงท้ายขบวนก็มองเห็นลี่เทากำลังตะโกนสั่งดังว่า

“ลงจากม้า ทิ้งอาวุธ ยกมือเดินมา ไม่เช่นนั้นสังหารทันที!”

มีทหารสองกองเรียงตัวตั้งรับ พวกมองโกลด้านหลังที่ไล่ล่ามาหลายสิบก้าวก็หยุด ไม่กล้าขึ้นหน้ามาต่อ

ทหารหมิงสิบกว่านายนี้สวมเกราะ สามคนถูกธนูยิง เห็นการตั้งรับของกองกำลังหู่เวยเช่นนี้ พวกเขาก็ค่อยๆ ชะลอม้าลง สามคนนั้นลื่นลงจากหลังม้ามาทันที

ที่เหลือก็รีบร้อนลงมาเช่นกัน กำลังจะก้าวเข้ามา ลี่เทาก็ตวาดเสียงดังว่า

“ลงจากม้า ทิ้งอาวุธ ไม่เช่นนั้นสังหารทันที!”

กำลังกล่าวอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังของม้าหลายเสียงดังขึ้น ม้าที่สิบกว่าคนนี้ขี่มานี้ถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นกว่าครึ่ง ปากก็พ่นฟองออกมาไม่หยุด สภาพเช่นนี้ ผู้รู้เรื่องม้าก็เข้าใจทันที ม้าเสียกำลังไปหมดสิ้น ไม่อาจมีชีวิตต่อได้อีกแล้ว

“ทุกคนปฏิบัติตามวินัย ทำตามที่น้องชายท่านนี้บอก!”

เห็นสภาพเช่นนี้แล้ว หัวหน้าคนพวกนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก ทุกคนพากันสบถด่าหลายคำ แต่ก็ปลดอาวุธตนโยนลงพื้น ยกสองมือขึ้น

“ดูท่าจะไม่ใช่กลลวง ส่งคนไปเก็บอาวุธพวกเขากลับมาด้วย ต้องจับมัดไว้ด้วย!”

ม้าเหนื่อยล้าเช่นนี้ย่อมทิ้ง แต่อาวุธส่วนตัวเป็นดังชีวิตของนักรบ หากให้ทิ้งไว้ที่นั่น ก็ย่อมล่วงเกินไปสักหน่อย

หวังทงด้านหลังสั่งการ ลี่เทาเสียงดังตะโกนตามออกไป ทหารสองกองก็ส่งคนหลายสิบคนเดินขึ้นหน้าไป จับคนกลับมา เชือกส่งมาอย่างเร็ว มัดพวกเขาเอาไว้

เห็นชัดว่าสิบกว่าคนที่มานี้มีท่าทางโมโหมาก แต่ร่างกายก็อ่อนล้ามาเช่นกัน ไม่เท่าไรก็ถูกจับกุมไว้ได้ มีบางคนถึงกับยืนยังยาก ได้แต่ส่ายไปมา บอกว่ามัดกลับมา แต่หลายคนล้มลงแล้ว ไม่สู้เรียกว่าแบกกลับมาดีกว่า

พอเข้ามาในค่ายรถศึก หวังทงก้มลงมอง สีหน้าสิบกว่าคนนี้มีแววโมโห แต่ก็อ่อนล้าอย่างมาก ปากก็แตกแห้ง ใบหน้าก็เหมือนแตกระแหงหลายแห่ง

“ใต้เท้า พวกข้าน้อยเป็นคนของแม่ทัพชี มีเรื่องเร่งด่วนอย่างที่สุดต้องมารายงานใต้เท้าหวัง!”

เห็นหวังทงมองมา ทหารที่ถูกมัดนานหนึ่งก็กล่าวเสียงแหบพร่าขึ้น หวังทงกล่าวว่า

“ข้าก็คือหวังทง พวกเจ้าไปพักกันก่อน อีกสักครู่ค่อยพบพวกเจ้า!”

“ใต้เท้า เร่งด่วนมากๆ พวกข้าน้อยขี่มากันหนึ่งวันหนึ่งคืน ทุกคนวิ่งกันจนม้าตายไปสอง ตลอดทางมาไม่ได้กินอาหารและน้ำตกถึงท้องเลย!”

“เร่งด่วนอย่างไรก็ต้องรอพรุ่งนี้ ยังทัน!”

เห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้ว แม้ว่าพวกมองโกลจะโจมตีก็ต้องรอพรุ่งนี้ หวังทงไม่สนใจเสียงร้องตะโกนดังของทหารจากจี้โจว เรียกทหารติดตามตนมานายหนึ่งกล่าวว่า

“จัดรถสองคัน ให้พวกเขาพัก หาน้ำและอาหารแห้งให้ด้วย ให้พวกเขากินกันก่อน อ่อนล้าเช่นนี้ อย่าได้ไม่ทันได้พูดก็เหนื่อยตายไปเสียก่อน!”

ทหารรับคำรีบออกไปปฏิบัติ หัวหน้าหน่วย 1 และหน่วย 2 ถานปิงกับหลี่หู่โถวมาถึง หวังทงยกมือเป็นสัญญาณ เลือกรถม้าด้านขวาคันหนึ่ง ตนเองปีนขึ้นไป ถานปิงกับหลี่หู่โถวก็ตามขึ้นไป

หวังทงชี้มือไปทางขวาและซ้าย ยังชี้ไปด้านหลังที่มีพวกทหารมองโกลขี่ม้าตามมา กล่าวว่า

“ใต้เท้าอวี๋เคยสอนพวกเราถึงการรบเช่นนี้ของพวกมองโกล พวกเจ้ายังจำได้ไหม!”

ถานปิงมองไปทางหลี่หู่โถว เรื่องเช่นนี้อย่างไรก็ต้องยอมสักหน่อย หลี่หู่โถวตอบรับว่า

“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยจำได้ กล่าวว่าพวกมองโกลจะส่งทหารกลุ่มเล็กมาก่อกวนไม่หยุดบนทุ่งหญ้าก่อน ให้ศัตรูร้อนใจ ให้เหนื่อยเร็วขึ้น รอเวลารวมกำลังพลเข้าจู่โจมทีเดียว!”

หวังทงพยักหน้ากล่าวอย่างจริงจังว่า

“ข้าจำได้ว่าใต้เท้าอวี๋กล่าวว่า ฝูงหมาป่าล่ากวางและแพะก็เป็นเช่นนี้ ฝูงกวางแพะมีขนาดใหญ่ หมาป่าไม่อาจลงมือ จึงค่อยๆ ติดตามไป รอพวกมันตกใจรีบวิ่ง พวกหมาป่าก็จะค่อยๆ ตามต่อไป สุดท้ายรอจนถูกล่าจนเหนื่อย จึงค่อยล่าสังหารทีเดียวจบ พวกเจ้าดูสิ พวกมองโกลสามทัพอยู่ไกลออกไป น่ากลัวว่าคงเห็นพวกเราเป็นแพะไปเสียแล้ว!”

หลี่หู่โถวสบถถ่มน้ำลาย กล่าวอย่างโกรธแค้นว่า

“พวกมันคิดได้ แต่กองกำลังหู่เวยเรานั้นเป็นพยัคฆ์ แม้ว่าทัพใหญ่มา ก็แค่มาส่งอาหารเข้าปากเราเท่านั้น!”

ถานปิงข้างๆ กล่าวขึ้นน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“พวกมองโกลครั้งนี้แม้ว่านำทัพม้าออกมานับหมื่น พวกเขาก็กัดพวกเราไม่ลง หากฟันกัดลงมาย่อมแตกเป็นเสี่ยง ถึงตอนนั้นตัดแขนขาพวกมันก็ใช่ว่าไม่ได้!”

หวังทงยิ้มพยักหน้ากล่าวว่า

“กองกำลังเราครั้งนี้มี 3,300 คน คนงานอีก 1,200 คน เกือบ 5,000 คนร่วมมือกันป้องกัน รอบนอกยังมีรถใหญ่เป็นเกราะกำบัง ด้านในยังมีอาวุธที่ยิงระยะไกลได้ พวกมันเรือนหมื่นก็แค่มากกว่าเท่าหนึ่งเท่านั้น จะมารบกับเราได้อย่างไร”

“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง พวกเราใช้รถใหญ่แม้ว่าเดินทางช้าแต่ก็เป็นค่ายที่มั่นคง ก็เหมือนกับตั้งกำแพงในพื้นราบ โจมตีกำแพงจำเป็นต้องใช้ทหารมากกว่าอีกฝ่ายสิบเท่าจึงจะมั่นใจได้ นับประสากันอันใดกับพวกมองโกลที่โจมตีกำแพงเมืองไม่เป็น”

ได้ยินหวังทงกล่าวมา ถานปิงก็สำทับตาม แต่ถานปิงกับหลี่หู่โถวเองก็แปลกใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องนำมากล่าวอีกรอบ หวังทงยามนี้จึงได้กล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า

“พวกเราไม่กลัว มองโกลมากันมากกว่านี้ก็ไม่กลัว ที่พวกเจ้าเมื่อครู่กล่าวเช่นนั้น ให้ถ่ายทอดไปยังทหารในสังกัด และถ่ายทอดลงไปตามลำดับ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ พวกเราเดินทางเราไป พวกมองโกลขอเพียงกล้าตามมา ก็ย่อมได้หลั่งโลหิตกลับไปแทน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องลน!”

ยามนี้ทั้งสองคนจึงได้เข้าใจเจตนาของหวังทง จึงรีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง ออกไปถ่ายทอดความ หวังทงยืนอยู่บนรถใหญ่ หรี่ตามองรอบทิศ แสงอาทิตย์สาดส่องพื้นหิมะรอบสี่ทิศ แสงสะท้อนแสบตาอยู่สักหน่อย เมื่อคืนหิมะนี่ดูท่าแล้วคงตกทั้งคืน เห็นรอบทิศมีเค้าเมฆจางๆ มองอย่างไรก็ไม่เหมือนว่าจะมีหิมะตกอีก

บนทุ่งหญ้าแม้ว่ามีหิมะสะสม แต่ในเมื่อไม่ตกอีก ความหนาระดับนี้อย่างไรก็ไม่กระทบกับการเดินทัพของกองทัพม้าและทหาร เช่นกันก็ย่อมไม่กระทบต่อพวกมองโกล

เมื่อครู่มองโกลสามทัพมาตามสามเส้นทางไล่ตามมา พวกคนงานชาวบ้านเริ่มลนลาน พวกทหารรอบนอกก็เริ่มลนไม่น้อย ดังนั้นต้องบอกทุกคนให้กระจ่าง บอกถึงข้อดีข้อเสียของเราให้กระจ่าง เพื่อสร้างกำลังใจให้ทหารทุกคน

ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ทหารติดตามก็เข้ามารายงานว่า

“ใต้เท้า เมื่อครู่สิบกว่าคนนั้น เราตรวจสอบเครื่องหมายประจำตัวแล้ว ลองสอบข้อมูลเรื่องราวที่จี้โจวทางนั้นแบบอ้อมๆ มาแล้ว รับรองว่าไม่ผิด เป็นคนที่ใต้เท้าชีจากจี้โจวส่งมาจริง!”

หวังทงส่ายหน้า บนทุ่งหญ้าส่งทหารรีบเร่งนำสารมาส่งข่าวจนไม่เสียดายม้าตาย ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด อย่างไรก็คงไม่เล็กน้อย หวังทงเดินลงจากรถ ออกคำสั่งไปว่า

“นำพวกเขามา ข้าไปรอที่รถของนายกองไช่!”

ทหารรับคำสั่ง รถนายกองไช่ยามออกนอกด่านสร้างขึ้นเฉพาะเพราะสุขภาพไม่อาจทานลมหนาวได้ เหมือนบ้านไม้บนรถม้า แต่ไช่หนานเองก็ฝึกร่างกายมาหนึ่งปีเต็ม ตอนนี้ก็แข็งแรงไม่น้อยแล้ว ปีนี้แม้ว่านำรถม้ามาด้วย แต่ใช้เวลาอยู่ในรถน้อยมาก

แต่ในเมื่อเป็นเรื่องการทหารเร่งด่วนก็ต้องเป็นความลับสักหน่อย ต้องอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยสักหน่อย หวังทงตามถานเจียง ไช่หนาน ถานปิงและหลี่หู่โถวมาที่รถด้วย

ทหารจี้โจวสองนายถูกนำตัวมาถึง เรื่องข่าวความลับทางทหาร ต้องนำข่าวไปส่งหลายคนสักหน่อย ตอนรายงานก็ย่อมไม่อาจรายงานคนเดียว เพราะเกรงเกิดข้อผิดพลาด อย่างไรก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน

เมื่อครู่ได้กินอาหารดื่มน้ำกันไป กำลังก็ย่อมดีกว่าตอนมามากนัก พอเข้าไปในรถก็คำนับตามมารยาท กล่าวว่า

“ใต้เท้าทุกท่าน แม่ทัพชีเราเดิมคิดว่าพรุ่งนี้จะนำกำลังมาถึงมี่อวิ๋น ห่างออกไปทางเหนือราว 60 ลี้ ถึงตอนนั้นพวกมองโกลก็ย่อมไล่ตามกองกำลังหู่เวยมา ใต้เท้าเราจะตัดเส้นทางหลังพวกมัน แต่กลางทางประสบกับหิมะหนัก แม้ว่าเร่งแล้ว แต่ก็เกรงว่าคงมาถึงได้อย่างเร็วก็พรุ่งนี้เที่ยง แน่นอนที่สุด ก็เกรงว่าน่าจะบ่ายพรุ่งนี้”

หวังทงยิ้มพยักหน้ากล่าวว่า

“ดูท่าแล้วเอาทัพข้าเป็นเหยื่อล่อจริง พวกเจ้าอยู่ด้านหลังจับปลา ตอนนี้กลัวว่าปลาจะหนีใช่หรือไม่?”

ได้ยินหวังทงกล่าวสัพยอกอย่างสบายอารมณ์เช่นนี้ ทหารจี้โจวที่คุกเข่าอยู่ก็หน้าซีดเผือด วาจาหวังทงไม่ดีนัก แต่ก็เป็นเรื่องจริง ทำให้ไม่อาจโต้กลับ พวกเขาไม่รู้ว่าลำดับต่อไปควรกล่าวอันใด หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าชีคิดจะให้ทัพเราทำเช่นไร?”

แม้ว่าขุนนางบุ๋นนำเป็นหลัก ขันทีตรวจสอบทัพ แม่ทัพบู๊นำกำลังทหาร แต่ที่จี้โจวขุนนางบุ๋นและขันทีเป็นเพียงไม้ประดับ ชีจี้กวงคุมทุกอย่าง ผู้ใดใช้ให้ท่านจางสนับสนุนเขาเล่า

“ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าทุกท่าน แม่ทัพเรากล่าวว่า ขอให้ใต้เท้าหวังอย่างไรก็ต้องถ่วงเวลาพวกทัพใหญ่มองโกลไว้ รอให้ แม่ทัพเรานำกำลังมา!”

“บัดซบ! ทัพจี้โจวเจ้าเป็นทหาร ทัพหู่เวยเราไม่ใช่ทหารหรือ อาศัยอะไรให้พวกเรารนหาที่ตายเพื่อถ่วงเวลามองโกล ราชโองการกับคำสั่งจากกรมทหารก็บอกสามทางประสานกำลัง เมืองเซวียนฝู่และจี้โจวถ่วงเวลาไม่ว่า ตอนนี้กลับเสนอวิธีบัซบเช่นนี้อีก เห็นพวกเรา……”

“หู่โถว ไม่ต้องพูดต่อแล้ว!”

หวังทงตำหนิเสียงดัง หลี่หู่โถวพอได้ยินก็โมโหทันที ชี้หน้าด่าสองคนนั้นเสียงดัง หลี่หู่โถวนิสัยใจร้อน คนอื่นๆ ยังเก็บอาการด้วยสีหน้าดำคล้ำเต็มไปด้วยแววโกรธแค้น ที่ชีจี้กวงว่ามานั้นเกรงว่าจะชัดไปหน่อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าให้กองกำลังหู่เวยไปรนหาที่ตาย จี้โจวได้ประโยชน์

“ใต้เท้าทุกท่าน ตั้งแต่แม่ทัพเรารักษาปกป้องจี้โจวมา แต่ไรก็พร้อมรบ แต่พวกเผ่าอันต๋าได้มีสัญญาสงบศึกกับราชวงศ์หมิง เห็นภัยแผ่นดินอยู่รอบนอก กลับเพราะสัญญา ไม่อาจออกรบได้ ตอนนี้แม่ทัพกบฏศัตรูกำลังนับหมื่น เป็นกำลังเผ่าอันต๋าถึงหนึ่งในสี่ เผ่าอันต๋าย่อมไม่อาจนำกำลังทรยศนี้กลับไปได้ หากอาศัยจังหวะนี้ ทำลายกำลังมองโกลกลุ่มหนึ่งลง ก็เป็นการตัดแขนพวกมองโกลลง ให้เผ่าอันต๋ามีกำลังเป็นภัยต่อแผ่นดินหมิงเราน้อยลง ใต้เท้า หากเผ่าอันต๋ากลับย้อนไปทางตะวันตกรวมกับเผ่าเดิม ทุกอย่างที่ทำไปก็เท่ากับว่างเปล่า ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าหวัง โอกาสนี้ไม่มีอีกแล้ว ขอใต้เท้าหวังพิจารณาด้วยๆ !”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version