Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 516

ตอนที่ 516 สามเส้นทางประสานกำลัง ชัยชนะอยู่ตรงหน้า

นักรบทหารม้านับพันบนทุ่งหญ้าปะทะทหารม้าหมิงพันกว่า ชาวฮั่นขี่ม้าเป็นด้วยหรือ?

กองกำลังใหญ่ล้อมโจมตีเช่นนี้ มีทหารม้านับพันออกมาช่วยจากพื้นที่ตั้งของพวกหมิง ช่างเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวตามคาด บุกเข้าสังหารพวกมันก็แล้วกัน

ทหารม้ามองโกลบุกปะทะด้วยความฮึกเหิม เห็นทหารม้าหมิงพวกนั้นไม่ได้วิ่งมาด้วยความเร็ว ยังมาไม่ถึงขบวนทัพที่ตั้งตน ฉวยโอกาศอีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวบุกเข้าใส่ทันที

ทหารม้าหมิงพวกนั้นช่างราวกับกระสอบหญ้า ตั้งแต่เห็นทหารมองโกลบุกเข้าใส่ ทหารม้าหมิงพวกนั้นก็ไม่สนใจที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า หากหนีกันกระจัดกระจายสี่ทิศ เห็นได้ชัดว่าทหารม้านับพันกองนี้หวาดกลัวอย่างมาก ความเร็วก็ยิ่งช้าลง ตั้งแต่ต้นมาก็มิได้มีความคิดจะควบขึ้นหน้ามาช่วยรบ

ระยะห่างร้อยก้าว พวกมองโกลก็ยิ่งมั่นใจ ตอนนี้ดูแล้ว ดีไม่ดีก็ไม่ต้องสู้กันก็สามารถทำลายอีกฝ่ายให้ราบคาบได้ เป็นเช่นนั้นจริง พอเข้าไปใกล้ ก็เฮโลเสียงดังพร้อมกัน คนไม่น้อยก็ตกใจขาดสติขี่ม้ากระจายออกไปรอบทิศ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าปะทะ

ไม่ใช่สิ เหมือนว่าครึ่งหนึ่งสลายตัว แต่ก็มีอีกขบวนหนึ่งตั้งรับเป็นระเบียบ กลุ่มนี้ต่างจากพวกทหารม้างี่เง่าที่อยู่ในชุดเกราะและเสื้อบุฝ้ายกันหนาวพวกนั้นมาก พวกเขาสวมเกราะเหล็ก ม้าก็มีพรมคลุมไว้ แม้แต่หัวม้าก็มีแผ่นหนังปิดบังไว้

ทหารรอบนอกกระจายตัวหนี แต่ทหารม้าในเกราะเหล็กกลับวางทวนตั้งแนวราบเป็นแนวพร้อมเพรียง เริ่มเดินหน้าประชิดกดดันมากล้ว……

เดิมพวกทหารมองโกลที่หงุดหงิดอัดอั้นเต็มทนที่ต้องมาล้อมโจมตีค่ายรถศึก ก็ล้วนวิ่งเข้าใส่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่พอเห็นทหารม้าในชุดเกราะเหล็กส่งประกายแวววับ ก็ตกใจทันที

ทัพที่มาจากสะเปะสะปะไหนเลยจะสามารถต่อกรกับทัพหมิงในเกราะเหล็กกลุ่มนี้ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าอีกฝ่ายจัดทัพได้เป็นระเบียบเพียงใด เห็นแค่ชุดเกราะเหล็ก เห็นม้ามีพรมปิดคลุมกันหาว เห็นการป้องกันแน่นหนาเช่นนั้น หากสองฝ่ายปะทะกัน อาวุธตนทำร้ายอีกฝ่ายไม่ได้ คงได้แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามขยี้เป็นแน่

นี่เรียกได้ว่าทัพม้าเสริมเกราะเหล็ก ทหารเหล่านี้หลายร้อยกับพวกตนนับพันปะทะกัน ตนเองครั้งนี้คงต้องประสบชะตากรรมบาดเจ็บล้มตายเป็นแน่แล้ว

ทหารม้ามองโกลเข้าใจหลักการนี้ดี ยิ่งรู้ว่าหากตนเข้าปะทะกับทหารม้ากลุ่มนี้ย่อมแหลกสลายเป็นผุยผง การตายในสงครามไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เห็นๆ ว่าไปรนหาที่ตายยังปะทะอีก เรียกได้ว่าโง่เกินไปแล้ว

ยังมีระยะอีกร้อยก้าว พวกมองโกลที่ควบม้ามาก็รีบหันหัวม้าหนีกันจ้าละหวั่น ดีที่ม้าวิ่งมาด้วยความอ่อนล้า ไม่ได้พักมาตั้งแต่รบ ที่เรียกว่าวิ่งเข้าปะทะก็ไม่เร็วนัก ยังสามารถบังคับเอาไว้ได้

สองทัพม้าปะทะกัน ไม่คิดถึงว่าจะต้องนองเลือดมาก่อน ทหารหมิงควบมาอย่างช้าๆ ทหารมองโกลมาด้วยความเร็วยิ่งกว่า สองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน พวกทหารหมิงกระจัดกระจายออกไปรอบทิศไม่หยุด แต่ระยะห่างร้อยก้าวนั่น ทหารมองโกลกลับเป็นฝ่ายกระจัดกระจายเสียเอง หนีเอาตัวรอบกันไปรอบทิศ

หากพูดกันเรื่องขี่ม้า แน่นอนว่าพวกทหารม้ามองโกลเก่งกว่าอยู่บ้าง นับประสาอันใดกับพวกทหารม้าหมิงที่สวมเกราะหนักเข้ารบ ก็ย่อมไม่มีทางจะทะยานเข้าไล่สังหาร สองฝ่ายยังไม่ทันได้รบกัน พวกมองโกลก็เป็นฝ่ายหนีกระจายกันไปก่อน

***********

เห็นพวกทหารม้ามองโกลหนีกันกระจัดกระจาย หม่าซานเปียวดวงตาแดงก่ำ คิดจะกระตุกบังเหียนเข้าสังหารให้สะใจ แต่คิดไปคิดมาก็อดใจไว้ ทหารม้าในบังคับเขาตอนนี้รวมแล้วไม่ถึงร้อยที่มีการป้องกัน หากกระจายตัวออกไปไล่ล่า ก็ไม่แน่ว่าจะได้เปรียบ

นับประสาอันใดกับจุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อจู่โจมพวกทัพม้าศัตรูที่ไร้ระเบียบพวกนี้ แต่เป็นกองลอบโจมตีแทนกองทัพใหญ่ด้านหน้า หม่าซานเปียวรีบเก็บความคิดที่คิดจะบุกเข้าสังหารมองโกลตามนิสัยเดิม ตะโกนดังว่า

“เข้าไปใกล้อีกๆ ใต้เท้าเราทางนั้นกำลังรบหนัก พวกเรารวมตัวบุกเข้าไป จึงจะช่วยแบ่งเบาภาระใต้เท้าได้บ้าง!”

***********

แนวตั้งทัพรบของกองกำลังหู่เวยสองหน่วยกำลังตั้งรับอย่างเคร่งเครียด ลูกธนูที่ยิงมาราวกับดาวตกก็พอใช้โล่และเกราะป้องกันไว้ได้ แต่ช่องว่างระหว่างสองหน่วยนับเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่

แม้ระยะห่างไม่มาก แต่หากทหาราบทวนยาวเดินหน้าออกไปสองสามก้าวเพื่อสังหารศัตรู ก็จะสามารถแทงพวกมองโกลให้ร่วงจากหลังม้าได้ แต่ความจริง การจัดทัพเช่นนี้แบบขวางเจ็ดตั้งแปดก็สามารถสังหารมองโกลได้ไม่น้อยแล้ว การรบด้วยปืนใหญ่เมื่อครู่ทำให้พอมีเวลาให้พลปืนเข้ามาบรรจุกระสุนใหม่อีกรอบ พลปืนก็ยิงต่อไม่หยุด

แต่พวกมองโกลก็ยังคงเสริมขึ้นมาไม่หยุด บุกเข้าไป บางทีอาจตายใต้กระสุนปืนไฟหรือทวนยาวทหารหมิง ไม่บุกเข้าไป ก็จะตายใต้คมดาบหัวหน้ากองตน บุกเข้าไปยังพอมีโอกาสรอดชีวิต

หวังทงและทหารติดตามถือทวนยาวในมือยืนอยู่แถวที่สาม แถวหน้าสองแถวเป็นทหารปืนใหญ่และยังมีทหารติดตามคน หวังทงรู้สึกว่าปากเสือกำลังจะแตกแล้ว แขนก็กำลังจะถูกตัด เมื่อครู่มีทหารม้าสามคนบุกเข้ามาได้แล้ว แต่หันม้าหลบไม่ทันจึงปะทะเข้ากับทวนยาว พวกมองโกลแม้ว่าถูกแทงตาย แต่แนวรับก็ถอยไปหลายก้าว

พลปืนไฟนำปืนยื่นออกไประหว่างช่องว่างของแนวพลทวนยาว หวังทงรู้สึกได้ว่าปากกระบอกปืนที่ติดตัวยังคงร้อนระอุ ตอนนี้ทุกกระบอกก็น่าจะยิงไปได้พอควรแล้ว หากยังยิงต่ออีกสองสามครั้ง ก็คงต้องหยุดแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความยุ่งยากใหญ่ ยามนั้น หากอาศัยเพียงแค่แถวทวนยาวไม่กี่แถวย่อมไม่อาจต้านทานไว้ได้

ตอนนี้สองหน่วยก็ถูกบีบไว้อยู่ หากออกคำสั่งให้เคลื่อนตัวมารวมกันก็ย่อมโกลาหล แต่หากถูกทัพม้ามองโกลบุกเข้าใส่เช่นนี้ ไม่ช้าก็ย่อมไม่อาจต้านทานไว้ได้

พวกมองโกลล้อมรอบกดดันอยู่นานพอควรแล้ว หวังทงเห็นทหารมองโกลตรงข้ามด้านนอกเริ่มตะโกนให้จัดแถว เตรียมทะยานบุกเข้าใส่แล้ว

กองกำลังหู่เวยได้เสียสละตนเองแล้ว รั้งพวกมองโกลให้อยู่นานขึ้นพอสมควรแล้ว พอสมควรแล้ว การจะเคลื่อนเข้าค่ายรถศึก บางทีอาจทำให้พวกมองโกลไม่อาจสร้างความเสียหายบาดเจ็บล้มตายได้มากกว่านี้ แต่ไม่อาจไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น

“ใต้เท้า ปืนไฟยังมีอีก 30 กระบอกใช้การได้ ทั้งหมดต้องรออีก ไม่เช่นนี้จะระเบิดได้!”

หัวหน้ากองพลปืนไฟตะโกนดังอยู่ข้างหวังทง หวังทงได้สติหันไปมอง พอแค่นี้ ออกคำสั่งให้ถอนกำลัง

เสียงตะโกนสังหารดังมา เสียงฝีเท้าดังมา เสียงปืนไฟและปืนใหญ่กระหน่ำยิงประสานเสียงกันไปหมด คนที่ไม่ได้อยู่ใกล้คนตะโกนย่อมไม่ได้ยินชัดเจน พอหันไปเห็นทหารบนหอสังเกตการณ์ถือธงแดงและธงน้ำเงินขึ้นโบกสะบัดอย่างสุดชีวิต ปากเหมือนตะโกนอะไรสักอย่าง

การโบกธงแดงบนหอสังเกตการณ์ก็หมายถึง ทัพม้ากองกำลังหู่เวยกลับมาจากมี่อวิ๋นแล้ว แต่ธงน้ำเงินโบกนั้นหมายถึงว่า กองกำลังจี้โจวและเซวียนฝู่ก็มาถึงแล้วเช่นกัน

หวังทงอึ้งไป คนด้านข้างและด้านหน้าก็พากันตะโกนดัง “พวกมองโกลบุกเข้ามาอีกแล้ว ต้านเอาไว้ให้อยู่!!” จึงทำให้เขาต้องหันไปมองก่อนจะกำทวนยาวในมือแน่น

หัวหน้าพลปืนไฟกำลังจะยิงปืนไฟชุดสุดท้ายที่นำมารวมกัน ยิงออกไปพร้อมกันอีก ยิงเข้าไปยังกองทหารม้ามองโกลเบื้องหน้าในพื้นที่แคบ ครั้งนี้ยิงไปทำให้พวกบุกเข้ามาถอยกลับไป

สังหารไปสิบกว่าชีวิตทั้งคนและม้า พวกมองโกลยังคงเสริมกำลังเข้าทดแทน พวกเขาเห็นว่าทหารหมิงด้านหน้าใกล้หมดฤทธิ์แล้ว หากทุ่มกำลังลงไปอีกก็จะตีพ่ายได้แล้ว

“ใต้เท้า พวกมองโกลบุกมาอีกรอบแล้ว เกรงว่าจะต้านทานไว้ไม่อยู่ พวกข้าน้อยอยู่ด้านนอกรับมือไว้เอง ใต้เท้าเข้าไปในค่ายรถศึกเตรียมความพร้อมก่อน!!”

ทหารติดตามหลายนายตะโกนอยู่ข้างๆ ในวินาทีที่หวังทงเห็นธงน้ำเงินโบกสะบัดก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างราวกับอ่อนยวบ ยามนี้จึงรู้สึกว่ากำลังใช้ไปจดหมดสิ้น ได้ยินทหารข้างกายตะโกนดัง จึงได้สติ ฝืนยืนให้ตรงขึ้นอีกครั้ง ยกทวนยาวขึ้นชูสูง ก่อนจะยิ้มตะโกนดังว่า

“กลับค่ายไปทำไม ชัยชนะเป็นของพวกเราแล้ว กำลังจะชนะแล้ว!!!”

พลปืนไฟที่รวมอัดกันอยู่ตรงนี้ รวมทั้งพลปืนหใญ่และทหารติดตามหวังทงหันมามองเขา พวกมองโกลล้อมที่ไว้แน่นหนาแม้แต่น้ำก็ไม่อาจเล็ดรอดออกไปได้ ปืนไฟก็ยิงไม่ออกแล้ว จะชนะได้อย่างไรกัน

“อารักขาใต้เท้า สู้ตายมองโกล!!”

ถานเจี้ยนที่ยืนอยู่ข้างหวังทงยกทวนยาวในมือขึ้นชูตะโกนเสียงดัง ทหารติดตามและทหารทุกคนก็ร้องรับพร้อมเพรียง พวกมองโกลด้านหน้าบุกแนวราบขึ้นมาอีกระลอก เตรียมจะทะลายทัพหมิงเบื้องหน้า สงครามแห่งความตายอยู่เบื้องหน้า ในห้วงเวลานี้เอง อยู่ๆ ก็มีเสียงเป่าเขาสัญญาณดังยาวมา ทหารมองโกลที่คิดจะบุกก็พากันกระตุกบังเหียนม้าคนไว้

ตอนนี้อยู่ๆ ก็เสียงลงไปมาก ไม่ว่าทัพกลางที่บุก หรือว่าสี่ทิศที่ล้อมโจมตีก็ชะลอลงหรือถึงกับหยุดเคลื่อนไหว หันมองไปยังทิศทางที่มั่นทัพใหญ่ของตน

*************

“ใต้เท้าน่าจี๋เท่อ ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีกองกำลังไล่ล่าสังหารลงมา เป็นพลม้าหมิง มี……อย่างน้อย 4,000……”

“ใต้เท้าน่าจี๋เท่อ ทางตะวันออก……ทางตะวันออก……”

ยังกล่าวไม่ทันจบ ดาบน่าจี๋เท่อก็ชักออกมาจากอานม้าแทงลงพื้น ไม่ต้องให้ทหารสายสืบมารายงาน ระดับหัวหน้าทัพมองโกลบนเนินเขาก็สามารถเห็นได้ทัพม้าใหญ่จากที่ไกลออกไปเริ่มใกล้เข้ามา นับจำนวนธงและแถวทหาราบแล้ว นี่เป็นทัพใหญ่แห่งราชวงศ์หมิง

น่าจี๋เท่อสลัดบังโกรนม้าทิ้ง ก่อนจะยืนขึ้นไปบนอานม้ามองไปรอบทิศ ตะวันตกก็มีทหารม้ามาอีกกองใหญ่ พอใกล้เข้ามาก็แบ่งเป็นกองกำลังเล็กๆ หลายร้อยคนหลายกอง กำลังแบ่งแยกกำลังกันอยู่ มีเพียงทหารม้าเก่งกาจที่จะสามารถปฏิบัติเช่นนี้ได้ ทหารหมิงพวกนี้เป็นทหารกล้าจากที่ใดกัน

มองทางตะวันออกเฉียงเหนือก็มีกองทัพมา น่าจี๋เท่อยามนี้ถึงกับลืมหายใจ ทหารกองนี้น่าจะเป็นทหารราบเป็นหลัก เหมือนว่าเป็นกองกำลังใหญ่ที่จะโจมตีกองกำลังหมิง จากนั้นก็เริ่มขยายกว้างขึ้น เส้นดำนั้นเมหือนบดบังไปทั่วพื้นที่ตอนเหนือ

“ถอย!! กลับ!! นักรบเคอเอ่อชิ่นเราไม่ควรมาตายเปล่าเช่นนี้!!”

น่าจี๋เท่อเห็น หัวหน้ามองโกลคนอื่นก็เห็นเช่นกัน ทุกคนอึ้งเงียบกริบ พากันตะโกนเสียงดังออกคำสั่งอย่างลนลาน ทหารติดตามข้างกายพวกเขาก็ขี่ม้าออกไปถ่ายทอดคำสั่ง น่าจี๋เท่อมองซ้ายมองขวา ตะโกนดัง

“อย่าเพิ่งลนลาน กองกำลังแตกทัพเมื่อใด แม้แต่ส่วนเดียวก็รวมตัวกลับมาอีกไม่ได้ รวมตัวกันไว้ก่อน รวมตัวกันไว้ก่อน……”

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดจะสนใจคำสั่งของเขากัน ทุกคนพากันลนลานไร้สติ ทุกคนคิดแต่ละหนี น่าจี๋เท่อฟาดแส้ใส่ม้าอย่างแรง วิ่งลงจากเนินเขาไป

************

“พลปืนใหญ่รีบไประดมยิง!! รีบไปเร็ว!!”

หวังทงตะโกนจนเสียงแหบไปหมด แต่ก็ยังตะโกนดัง ทหารพลปืนใหญ่วิ่งกันอย่างเต็มกำลังไปที่ปืนใหญ่ บรรจุดินปืนและกระสุนอย่างเร็ว หวังทงหันกลับมาสั่งการพลปืนไฟอารมณ์ดุเดือด ตะโกนดังว่า

“รีบเอาหิมะทำให้ปืนเย็น ตามออกไปยิงเร็ว!!”

“ทหารราบรวมพลบุกขึ้นหน้า อย่าได้แตกแถว ที่เหลือที่สามารถไล่ล่าสังหารได้ก็ไล่ตามไปสังหาร ไล่ตามไปให้หมด พวกเราชนะแล้ว พวกเรามีชัยชนะใหญ่แล้ว!!”

หวังทงโบกทวนยาวไปมาตะโกนดัง ทหารกองกำลังหู่เวยทั้งหมดกำลังตะโกนส่งเสียงดังพร้อมกับเริ่มบุก เริ่มไล่ล่าสังหาร!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version