Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 541

ตอนที่ 541 เมื่อคนวิกฤตก็เริ่มวุ่นวาย คนเหมือนไม่ใช่คน

“อาการพี่ใหญ่ไม่ดีขึ้นหรือ?”

ในห้องหนึ่งเขตอุดรในเมืองหลวง ไฉฝูหลินถามซวงสี่ด้วยความเป็นห่วง ซวงสี่พยักหน้า ก้มหน้ากล่าวว่า

“นายท่านพยายามกินให้มาก แต่ร่างกายก็ผ่ายผอมลง ทุกวันยาที่กินนั่นก็ยิ่งปริมาณมากขึ้น นายท่านกล่าวว่า ให้ท่านรองและท่านสามดูแลเรื่องทางนี้ให้ดี นายท่านจะจับตาเรื่องในวังเอาไว้ เรื่องข้างนอกให้ท่านทั้งสองจัดการ”

ไฉฝูหลินถอนหายใจ กล่าวว่า

“อย่างไรก็ขอให้เจ้าช่วยดูแลให้ดี ลูกชายเจ้าปีหน้าก็เป็นบัณฑิตซิ่วไฉแล้ว เรื่องระดับจวี่เหริน จ่ายเงินพอก็น่าจะได้อยู่แล้ว”

ได้ยินไฉฝูหลินกล่าว สีหน้าซวงสี่ก็ตื่นเต้น ก้มตัวลงคุกเข่าโขกศีรษะหลายที พอลุกขึ้นยังเช็ดคราบน้ำตาที่หัวตา ไฉฝูหลินเอี้ยวตัวเปิดกล่องไม้บนโต๊ะออก ด้านในมีกล่องเงินขนาดเท่าฝ่ามือ ส่งให้ซวงสี่ กล่าวว่า

“นี่เป็นยาที่มาจากทะเลใต้ ใช้ได้สองเดือน หลังจากนั้นเจ้าค่อยมาเอาเพิ่มก็แล้วกัน!”

ซวงสี่รับกล่องไป คำนับกล่าวว่า

“เวลาไม่น้อยแล้ว ข้าน้อยขอกลับเข้าวังก่อน นายท่านให้ข้าน้อยกำชับท่านทั้งสอง ทำอันใดให้คิดให้มาก จะต้องระวังรอบคอบ”

กล่าวถึงตรงนี้ ไฉฝูหลินก็รู้สึกรำคาญ โบกมือกล่าวว่า

“รู้แล้ว ๆ ข้าอายุ 40 แล้ว พี่ใหญ่ยังคิดว่าข้าเป็นเด็กอยู่เรื่อย”

พอซวงสี่ออกไป ไฉฝูหลินก็นิ่งเงียบอยู่ในห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนเรียกชายที่แต่งตัวเหมือนพ่อบ้านมาสองสามคน กล่าวว่า

“วันนี้ไปส่งเงินทองของกิน ข้าไม่สบาย พวกเจ้าไปกันเอง อีกเดี๋ยวไปรับเงินแล้วพวกเจ้าไปจัดการละกัน!”

ชายสองสามคนที่ถูกตามตัวมาคำนับรับคำสั่ง ก่อนออกไปไฉฝูหลินยังเรียกไว้ กล่าวเตือนหยายคายว่า

“อย่าได้คิดอมเงิน ข้าจะตรวจบัญชี ใครกล้าเล่นลูกไม้ ข้าจะถลกหนังมัน”

ชายเหล่านั้นยิ้มคำนับกล่าวว่า

“นายท่านวางใจได้ พวกข้าน้อยรู้ดี!”

พอออกจากห้องไปไม่ได้กี่ก้าว คนติดตามไฉฝูหลินก็วิ่งเหยาะๆ ออกมา ตะโกนบอกคนรับใช้ว่า

“รีบเตรียมรถม้า นายท่านจะไปจวนพักตากอากาศ เสี่ยวอู่ เจ้าไปก่อน บอกกับอวี้เหนียงจื่อด้วย ให้เตรียมตัว”

ชายที่รับคำสบตากัน ไม่กล่าวอันใด ออกไปด้านนอกจึงมีคนหนึ่งเลิกคิ้วกล่าวว่า

“อวี้เหนียงจื่อจากเมืองเป่าติ้ง ชิชะ ได้ยินว่าเนื้อตัวขาวราวกับหยกขาวไปหมด หน้าหนาวอุ่นหน้าร้อนเย็น งามไปถึงกระดูก……”

“นายท่านจะไถ่ตัว หอนั่นกลับไม่ยอม สุดท้าย 11,000 ตำลึงซื้อหอนั่นเลย แล้วไง พอซื้อก็ไปหมกตัวอยู่ที่นั่นเลย”

“ตามปกติ ครั้งนี้คงไม่กลับมาอีกหลายวันกระมัง”

“ได้ยินว่านะ ทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี ก็จะไปเมาที่นั่น สำราญอยู่หลายวัน……”

กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนก็หยุด มองหน้ากัน ไปที่ห้องบัญชีรับเงินออกไปจัดการการงาน ไฉฝูหลินเองก็สั่งไว้แล้วว่า ให้เบิกเงินออกไปเท่าไร สองคนที่ห้องบัญชียังเอาแต่บ่น “ไม่มีเข้า ทั้งวันเอาแต่แจกให้พวกที่เหลวไหลเละเทะ แม้ว่ามีภูเขาเงินทองก็คงล้มละลาย”

รับเงินแล้วก็ออกไป เดินไปบนถนนสายหนึ่ง ก็รวมหัวกันอีก มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา หนึ่งในนั้นกล่าวว่า

“ปกตินายท่านไปด้วย คิดไม่ถึงว่าวันนี้ให้พวกเราไปแทน”

“ข้านี้ไม่ชอบมีเรื่องวุ่นวาย ตอนเจ้าอยากไป ข้าเตือนให้เจ้ารอก่อน เจ้าดู โอกาสใช่ว่ามาถึงแล้ว!?”

“หักไว้เท่าไร หรืออมไว้หมด”

“ไม่ดีมั้ง นายท่านถามขึ้นมาจะทำไง”

“เราก็บอกว่าจ่ายไปหมดแล้ว พวกคนเยี่ยงสุกรพวกนั้น ผู้ใดยังจะเชื่อวาจา เดินไปดื่มสุรากันที่เขตทักษิณกัน”

“……ตามเจ้าว่ามาละกัน อิอิ นายท่านสนุกกับอวี้เหนียงขื่อ พวกเราก็ไปหาสาวน้อยหยางโจวต้าถงก็ดี พวกเราสำราญกันสักวันสองวัน……”

*************

เมืองหลวงรอบสี่ทิศรอบนอกหลายแห่ง คนท้องถิ่นไม่แวะเวียนมา และยังสั่งให้ลูกหลานอย่าแวะเวียนไปเล่น แม้เป็นเช่นนี้ แต่เจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียนยังมักจะต้องมาทำคดีที่นี่หลายครั้ง

มักเป็นพวกพ่อค้านอกเมืองหลวงมาเมืองหลวง ไม่รู้ที่มาที่ไปเดินมาที่นี่กัน ผลก็คือประสบเหตุร้ายกันไป

เขตทักษิณค่อนไปทางตะวันตก มีแอ่งน้ำหนึ่งเรียกว่าทะเลหญ้าขาว ทะเลหญ้าขาวโดยรอบไร้ผู้คน กลับมีศาลเจ้าแม่จิ่วเสียน ศาลนี้รกร้างนานปี คนเมืองหลวงไม่กล้ามาย้ำกรายที่นี่กัน และก็เป็นที่ศาลซุ่นเทียนมาตรวจสอบคดีกันมาที่สุดแห่งหนึ่ง และยังทำให้ปวดหัวมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย

ทางนี้แม้ว่ารกร้างแต่ก็ไม่มีคนอาศัย รอบๆ ศาลเจ้าผุพังมีเพิงพัก คนไม่น้อยร่อนเร่ไปมา มองการแต่งกายคนพวกนี้ให้ดี ก็ยังพอเรียกได้ว่าไม่มีที่ไหนไร้ผ้าปิดกาย แต่ก็เกือบเป็นเช่นนั้น

คนที่นี่ล้วนเป็นชาย แต่ไร้หนวดเครา สีหน้าซีดขาว วาจาและท่าทางก็ไม่เหมือนกับชายทั่วไป

หากไม่รู้ที่มาที่ไปมาถึงที่นี่ ยังคิดว่าเมืองผี ต้องขนหัวลุกกันเป็นแน่ แต่คนพื้นที่ล้วนรู้ดี ที่นี่เป็นที่รวมตัวกันของพวกนิรนาม

ด้วยเหตุผลที่จัดการตนเองต่างๆ นานาแล้วกลับไม่ได้เข้าวัง จึงมารวมกันที่นี่ พวกชายเหล่านี้ไม่ได้เข้าวังถือว่ามีความผิดบาปที่ไร้ผู้สืบสกุล ชายเหล่านี้ถูกดูแคลนว่าพิการ ไม่มีอนาคตและไม่มีหนทางถอยกลับ วันเวลาของพวกเขาผ่านไปอย่างยากลำบาก

ในวังมีขันทีหลายคนยังคิดถึงวันเก่าๆ มักส่งคนมาดูแลบ้าง อาจมีอาหารมาให้บ้าง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนใจดีเยี่ยงนี้ หลายคนเข้าวังไปได้ ก็จะรีบตัดสายสัมพันธ์กับทางนี้ให้เร็วที่สุด หรือจะว่าไป พวกที่มีสถานะพอจะออกนอกวังมากได้ และยังส่งคนมาดูแลที่นี่ได้ ในวังมีกี่คนกัน

ต้นเดือนห้า อากาศเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นมากแล้ว คนของไฉฝูหลินที่เมืองหลวงรับคำสั่งมากลับอมเงินมาเที่ยวเล่นหาความสำราญ พวกนิรนามที่ศาลเจ้าแม่ร้างนอกเมืองกลับต้องนั่งล้อมวงกันมองกันไปรอบทิศ

มีชายหนุ่มผู้หนึ่งขี่ม้าผ่านมาที่นี่ ด้านหลังมีชายขี่ม้าติดตามมาอีกสองนาย พวกนิรนามล้วนยืนขึ้น พากันล้อมวงเข้าไป

ชายหนุ่มผู้นี้เห็นแอ่งน้ำใหญ่แห่งนี้คิดจะชมสักครา คิดไม่ถึงว่าจะมาถูกชายเสื้อผ้าวิ่นแหว่งพวกนี้รุมล้อมไว้ แต่ละคนก็ท่าทางน่าสงสารยื่นมือมาขอกัน ทำเอาตกใจเกือบร่วงจากหลังม้า

ผู้ติดตามด้านหลังสองคนเห็นท่าทางไม่ถูกต้อง ก็รีบตะโกนดังเข้าไปขวางด้านหน้าไล่ให้ออกไป

พวกนิรนามแม้ว่าท่าทางน่าสงสาร พอถูกขับไล่ก็ร้องขอ หากไม่ยอกหลีกทาง คนยิ่งล้อมเข้ามากันมากขึ้น ตอนเริ่มต้นล้อมไว้เพียงแค่ชายหนุ่ม สุดท้ายแม้แต่ผู้ติดตามก็ถูกรุมล้อมไว้

แรกสุดนั้นชายหนุ่มก็ยังตะโกนเสียงดังยกแส้ขับไล่ แต่พวกนิรนามยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินเสียงเล็กแหลม เห็นหน้ำตาที่แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง เหมือนถูกผีล้อมเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น จำนวนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มเริ่มหวาดกลัวหลายส่วน หยิบเงินเหรียญทองแดงได้ก็โปรยออกไป

เดิมคิดว่าต้องการเงิน คนที่รุมจะกระจายตัวออก คิดไม่ถึงว่าคนยิ่งล้อมมากขึ้น ปากก็ตะโกนขอบคุณ แต่กลับขอไม่ยอมหยุด

มีหนึ่งก็มีสอง โปรยออกไปกำหนึ่ง คนยิ่งมากขึ้น ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย โยนไปอีกในมือก็มีแค่ก้อนเงินตำลึงแล้ว พวกนิรนามดึงทึ้งเสื้อไว้ ชายหนุ่มเริ่มร้อนใจแล้ว คิดจะลงแส้ให้ม้าทะยานหนีไป คิดไม่ถึงว่าแม้แต่แส้ก็ถูกดึงไว้ด้วย

ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ต้องให้เขาควักเงิน มีคนยื่นมือมาคว้าถุงหนังไปเอง ผู้ติดตามด้านหลังก็ร้อนใจ ตะโกนตวาดเสียงดัง

เห็นอีกฝ่ายคนมาก ได้แต่ตะโกนว่าจะเรียกทางการมาจัดการ ไม่กล้าลงมือ แต่พวกนิรนามก็เริ่มลงมือ ยื่นม้ามาคว้าคนลงจากหลังม้า ยามนี้ชายหนุ่มและผู้ติดตามจึงได้รู้ว่าไม่ได้การแล้ว คิดจะคว้าอาวุธออกมา ก็ไม่ทันการแล้ว

พวกนิรนามกรูกันเข้ามา ลากคนลงไปตีจนสลบ กวาดเอาทรัพย์สินไปจนหมด จากนั้นก็เอาทั้งสามคนโยนออกไปทั้งที่ยังไม่ได้สติ

*************

“มารดามันสิ เห็นดูแต่งตัวดี คิดไม่ถึงว่าจนขนาดนี้ ทั้งตัวมีแค่ 200 ตำลึงยังไม่ถึง เฉินผี เจ้าให้พวกอายุน้อยไปซื้อสุราและเนื้อกลับมา แล้วให้คนเอาม้าไปขาย หาคนไปจับตาดูด้วย อย่าให้พวกมันแอบอมเงินไป!”

ในศาลเจ้าแม่ พวกนิรนามที่ร่างกายกำยำรวมอยู่พร้อมหน้า ชายที่แข็งแรงที่สุดผู้หนึ่งกล่าวสบถขึ้น หลายคนข้างส่งเสียงหัวเราะกล่าวว่า

“กว่าจะมีแพะอ้วนผ่านมา วันนี้ต้องกินดื่มให้สะใจ ทางนั้นเกือบครึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้ส่งมา จะให้พวกเรามีชีวิตต่อกันไปได้อย่างไรกัน!”

หัวหน้าพวกนิรนามผู้นั้นสบถขึ้นหยาบคำหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า

“พวกรับเข้าวังก็มักเลือกพวกหน้ำตาซื่อ ตัดสัมพันธ์กับด้านนอก วันเวลาเหล่านี้จะใช้ชีวิตกันอย่างไร”

“เฮ้อ เมื่อก่อนกินขนมเปี๊ยะก็ดีใจกันไปหลายวัน ตอนนี้หมั่นโถวเนื้อหยาบกลืนกันไม่ลงแล้ว……”

“กล่าวบ้าบอนี่ทำไมกัน สถานะพวกเราตอนนี้ มีเงินไม่รู้สึกเสพสุข หรือว่าจะทนทรมานกันไปตายกัน”

มีคนกล่าวขึ้นถูกชายหัวหน้าด่ากลับไป อีกคนกล่าวขึ้นว่า

“พี่ใหญ่ วันนี้มีแค่มากสุดก็ 300 ตำลึง ทุกคนแบ่งกันกินไม่กี่วัน ตอนนี้คนในเมืองนอกเมืองล้วนฉลาดกันหมด ผู้ใดก็ไม่มาที่นี่”

สีหน้าชายหัวหน้าเริ่มเคร่งเครียดไปนาน สุดท้ายก็ตบขาเสียงดัง กล่าวอย่างน่าสะพรึงกลัวว่า

“ไม่มาหาเรา เราก็ออกไปหาการค้าทำ ไปหาอาวุธมา ถือในมือให้อุ่นใจ คนอื่นทำได้ ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้!”

*************

“จางปั้นปั้น หวังทงมีฎีกามา เรางงกับสถานที่พวกนี้ ไปตามคนสำนักอาชาหลวงที่รู้เรื่องแผนที่มาอธิบายหน่อย!”

ฮ่องเต้ว่านลี่ประทับอยู่หน้าแผนที่ แม้ว่าดูละเอียด แต่เห็นชัดว่าไม่เข้าใจ จางเฉิงถวายคำนับทูลว่า

“ฝ่าบาท ไปสำนักอาชาหลวงหาคนมาถาม ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ออกไป ที่นั่นไม่สะดวกนัก……ยังไงตามจากเขตทักษิณมา กระหม่อมคิดว่า ตอนนี้เทียนจินเป็นพื้นที่เงินทอง ไม่อาจปล่อยปละละเลย ฎีกาหวังทงจึงได้……”

ฮ่องเต้ว่านลี่โบกพระหัตถ์ ส่ายพระพักตร์แย้มสรวลตรัสว่า

“หวังทงไม่เหมือนคนอื่น ไม่รู้จักเสพสุข ทั้งวันเอาแต่คิดไปนั่นมานี่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version