Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 557

ตอนที่ 557 การป้องกันทะเลเทียนจิน ก็ไม่เห็นน่ากลัว

วันที่ 21 เดือนหกวันนั้น เกี้ยวหนึ่งแบกเข้าจวนริมแม่น้ำทะเลของหวังทง

ที่พักหวังทงแม้มีทหารเวร แม้ไม่แน่นหนาเท่าไร แต่อย่างไรก็เป็นเขตทหาร จวนที่พักก็มีทหารอารักขา ใจกลางเทียนจินก็ย่อมปลอดภัยไว้ก่อน

การรักษาการไม่เข้มงวดนัก ดังนั้นราษฎรริมแม่น้ำทะเลจึงรู้กันหมดว่ามีแขกใดมาพบหวังทง มีแขกใดเข้าออกกันบ้าง ตอนเช้าและบ่ายเห็นหัวหน้าคนสำคัญของทั้งกองกำลังหู่เวยและสำนักองครักษ์เสื้อแพรมากัน เกือบค่ำก็มีเกี้ยวแบกเข้าไปอีก

หรือว่าใต้เท้าหวังรับอนุ กลางคืนเชิญคนสนิทดื่มสุรามงคล ใต้เท้าหวังเรานี้ปกติก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายยิ่ง หรือในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว

ราษฎรกระจายข่าวกันออกไปสนุกสนาน มีคนในพื้นที่ส่งคนมาสอบถามดู รู้ข่าวนี้ก็จะกระจายต่อกัน ล้วนคิดกันว่าควรหรือไม่ที่จะไปมอบของขวัญถึงจวน เป็นโอกาสอันดีในการสานสัมพันธ์อยู่เหมือนกัน

คนที่เทียนจินล้วนหวังเพียงแค่ให้ตนเองได้อยู่ที่นี่นานอีกหน่อย ก็ไม่รู้ว่าใต้เท้าหวังทำเช่นไร จึงสร้างแหล่งเงินทองมากมายมหาศาลเพียงนี้ได้

ครึ่งหลังเดือนห้า สัตว์เลี้ยงบนทุ่งหญ้าและพรมทอขนสัตว์ก็เริ่มส่งเข้ามาถึงเทียนจินจำนวนมาก ว่ากันว่าร้านสามธาราที่จี้โจวและเซวียนฝู่ทำการค้านี้ส่งมา การค้าก้อนโตเช่นนี้ สามารถได้แบ่งปันสักช้อนหนึ่ง ก็กินไม่หมดแล้ว

**********

หากข่าวลือด้านนอกไปถึงหูหวังทงและคนข้างกาย ก็ย่อมหัวเราะงอหาย

คืนวันที่ 21 เดือนหก ในห้องโถงสว่างไสว เบื้องหน้าหวังทงรองแม่ทัพทั้ง 4 กองกำลังหู่เวยและลูกน้องหวังทงตำแหน่งสูงก็มารวมตัวกัน

เกี้ยวมาหยุดหน้าห้องโถง เปิดม่านออก ทหารติดตามหวังทงสองคนเข้าไปนำตัวออกมา ร่างเล็กผอมเกร็ง ท่าทางหวาดกลัว เป็นวานรทะเล พอหวังทงเห็นก็เสียงดังขึ้นว่า

“นำตัวเข้ามา!”

เห็นทุกคนนั่งอยู่ในห้องโถง วานรทะเลก็รู้สึกกลัว ทหารสองข้างตวาดไปสองคำ ก่อนจะผลักล้มลุกคลุกคลานเข้ามา พอพ้นธรณีประตูมาได้ ก็รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะ

“คนผู้นี้ก็คือวานรทะเลแห่งเหรินชวน ก็คือผู้ที่ปล้นเรือสินค้าเหลียงเต้าเฉิง เจ้าชื่ออันใด ตำแหน่งใดในกลุ่มเสิ่นหวั่ง?”

หวังทงแนะนำง่ายๆ สองสามประโยคก่อนจะถามขึ้น

“เรียนนายท่าน ข้าน้อยแซ่หลิว ชื่อหย่ง เพราะว่าตอนเกิดตัวเล็ก จึงได้ฉายาว่า วานรทะเล ข้าน้อยอยู่กับนายท่าน……ไม่ เป็นลูกน้องเสิ่นหวั่งตำแหน่ง หัวหน้าระดับหนึ่งคลื่น……”

กล่าวถึงตรงนี้ หลายคนที่นั่งอยู่ก็ทำหน้ำตาสงสัย หลี่หู่โถวถามขึ้น

“อะไรคือหัวหน้าระดับหนึ่งคลื่น?”

“……ข้าน้อยที่มีกำลังคนหลายร้อย หัวหน้าจะเรียกว่า หัวหน้าระดับหนึ่งคลื่น หากพันคนขึ้นไปก็จะเรียกว่า หัวหน้าระดับสองคลื่น เสิ่นหวั่งเรียกว่า หัวหน้าระดับสามคลื่น หัวหน้าระดับสามคลื่นนี้มีผู้เดียว!”

พวกหวังทงได้ยินวานรทะเลกล่าวจบ วานรทะเลก็หมอบลงพื้นไป หวังทงเงียบไปก่อนจะถามขึ้น

“ตอนนั้นที่ขุนนางญี่ปุ่นต้องการช่างเรือจากเสิ่นหวั่ง เสิ่นหวั่งให้หรือไม่ ต่อมาข้าต้องการต่อเรือ เสิ่นหวั่งไม่พอใจ แต่เสิ่นหวั่งมีกิจการค้าหลายแสนตำลึงที่เทียนจิน เขาจะปล้นชิงเรือสินค้าเข้าเทียนจินด้วยเหตุนี้หรือไม่?”

คำถามซับซ้อน วานรทะเลลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวว่า

“ตอนนี้เสิ่นหวั่งทางนั้นกำลังถกเถียงเรื่องนี้กันไม่หยุด หัวหน้าระดับสองคลื่นสิบกว่าคนขึ้นไป ยังมีพวกของเสิ่นหวั่งเอง นอกจากพวกที่ได้ดูแลกิจการแล้ว พวกเขาเองก็มีญาติพี่น้องทำการค้าที่เทียนจิน ยังใช้เรือทุกคนมาขนสินค้าด้วย!”

กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงยิ้มพยักหน้า หันไหกล่าวกับคนข้างๆ ว่า

“ไม่ต่างจากที่ข้าคาดไว้ เป็นโจรปล้นชิงบนท้องทะเล ยังต้องเอาชีวิตคนในครอบครัวมาเสี่ยงภัยด้วย พวกเขาย่อมอยากทำการค้าทำกำไรมากกว่า นับประสาอันใดกับเรือโจรสลัดมากมาย ในมือควบคุมเส้นทางเดินเรือสำคัญไว้อีก พวกเขาเป็นขบวนการค้าที่ใหญ่ที่สุดบนท้องทะเล”

ทุกคนพยักหน้า เหมือนกำลังคิด ทังซานข้างๆ รับคำต่อว่า

“เรือจากใต้มาเทียนจินยิ่งมาก เรือทะเลก็ยิ่งมาก เรือทุกลำก็ต้องมอบค่าคุ้มครองให้เสิ่นหวั่ง ผ่านทางเก็บเงิน เงินนี้กำไรง่ายดาย ง่ายกว่าต่อสู้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงมาก”

นี่เป็นเรื่องจริง ทุกคนล้วนพยักหน้า วานรทะเลลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะโขกศีรษะกล่าวว่า

“นายท่านทุกท่านกล่าวมาเป็นเรื่องจริง แต่ว่าเสิ่นหวั่งกับญาติพี่น้องพวกนั้นรวยเอารวยเอา พวกข้าน้อยระดับหนึ่งคลื่นก็ยังเป็นพวกระดับล่าง ไม่ได้อะไรไปด้วย คิดออกทะเลทำการค้า เสิ่นหวั่งก็ไม่ให้ มีชีวิตยากลำบากมาก……”

วานรทะเลหยุดไปครู่ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า

“อย่างเช่นกู้เหล่าหู่เมื่อปีนั้น นำคนขึ้นฝั่งปล้น ก็เหมือนกับข้าน้อยที่ไม่รู้จักที่ตาย ออกหากินในพื้นที่เกาหลีของตนเอง”

“หืม? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารเรือของเสิ่นหวั่งเองยอมรับได้หรือ?”

ได้ยินคำว่า ‘ทหารเรือ’ วานรทะเลก็อึ้งไป คิดไปสักครู่จึงเข้าใจคำนี้ รีบโขกศีรษะตอบว่า

“เรียนนายท่าน ทหารเรือเสิ่นหวั่งแต่ไรมาก็เลี้ยงดูอิ่มหมีพีมัน และยังมีสายสัมพันธ์กับไดเมียว หากมีเรื่องขึ้นมา พวกโจรสลัดวัวโค่วก็ย่อมส่งกำลังมาช่วย ก็เป็นเช่นนี้ จึงได้คุมสถานการณ์อยู่มาได้”

หวังทงเริ่มผิดหวัง ถามขึ้นว่า

“พวกเสิ่นหวั่งพักอยู่ที่ผิงฮู่[1]เป็นหลักหรือ?”

“เรียนนายท่าน กองทัพเสิ่นหวั่งตั้งฐานอยู่ที่ผิงฮู่ กองใหญ่ที่เหลืออยู่เจ้อเจียงและฮกเกี้ยน”

กล่าวถึง ผิงฮู่ ในห้องนอกจากทังซาน ทุกคนมีสีหน้าสงสัย ลี่เทาลังเลถามขึ้น

“ใต้เท้า ผิงฮู่ชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน??”

มองไปทางหวังทง ทังซานจึงได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

“เรียนใต้เท้าทุกท่าน ผิงฮู่อยู่ทางใต้ของประเทศวัว ตรงข้ามกับแถวเขตปกครองใต้กับเจ้อเจียงละแวกนั้น”

“เสิ่นหวั่งสามารถเคลื่อนกำลังได้เท่าไร เรือกี่ลำ?”

“……ข้าน้อยเข้าร่วมกลุ่มได้ไม่นาน แต่ไรมาก็ติดตาม หัวหน้าระดับสองคลื่น หาเลี้ยงชีพ แต่เคยได้ยินว่าห้าปีก่อนไดเมียวที่จิ่วโจว[2]กับไดเมียวซื่อกั๋ว[3]รบกัน เชิยเสิ่นหวั่งไปช่วย เสิ่นหวั่งนำกำลังเรือ400 ลำ กำลังคน 6,500คนไปช่วยรบ ทำให้บรรดาไดเมียวที่นั่นตกใจมาก……”

หลายเรื่อง หวังทงเข้าใจตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว ครั้งนี้ให้มาถามตอบต่อหน้าทุกคน ก็เพื่อให้ทุกคนเข้าใจรายละเอียดมากขึ้นเท่านั้น หากพอได้ยินเรื่องพวกนี้อีก ก็อดไม่ได้ถอนหายใจยาว

“หลิวหย่ง อยู่แต่ในเรือนพักอย่าได้ออกไปไหน บางทีอาจได้ใช้ประโยชน์เจ้า หากคิดนอกลู่นอกทาง การตัดหัวเจ้าทิ้งนับว่าโชคดีแล้ว นำตัวออกไปได้!”

วานรทะเลรีบโขกศีรษะขอบคุณ เข้าเกี้ยวให้ทหารแบกออกไป ไม่พูดถึงว่าข้างนอกคนมุงดูกันเห็นเกี้ยวแบกออกไป ไม่รู้ว่าคิดนอกลู่นอกทางไปถึงไหนกันแล้ว พอวานรทะเลจากไป ในห้องก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด

ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กัน หวังทงกลับถามทังซานก่อนว่า

“เงินสามแสน หากส่งไปกวางตุ้งจะไปถึงเมื่อใด?”

ทังซานคิดคร่าวๆ ครู่หนึ่งก็ตอบว่า

“ได้ยินเรือพ่อค้าทะเลกล่าวกันว่า ปีนี้ทะเลลมดี ไม่มีคลื่นใหญ่อันใด คิดคร่าวๆ เดือนแปดถึงกวางตุ้งน่าจะได้”

เดินเรือทะเล เรื่องไม่คาดฝันมีมาก ทังซานก็ไม่กล้ารับรองอันใดนัก หวังทงพยักหน้า ถานปิงข้างๆ กล่าวว่า

“นายท่าน เสิ่นหวั่งหากอยู่ที่ผิงฮู่ เรือมากทหารมาก ถึงตอนนั้นข้ามทะเลมา ชนะก็ขึ้นฝั่งปล้น แพ้ก้แค่ลงเรือหนี พวกเราทำอันใดพวกเขาไม่ได้”

“มีแต่คำกล่าวว่าเป็นโจรพันวัน ไม่มีว่าป้องกันโจรพันวัน คนของเราที่รบเป็นจริงๆ ก็มีแค่ไม่เกิน 6-7 พัน เอาไว้ป้องกันเทียนจินก็ขาดแคลนเต็มทีแล้ว ไหนเลยจะมีกำลังไปประจำริมทะเล หากทำเช่นนี้ เกรงว่าคงมีคนอื่นก่อการผสมโรงด้วย……”

“ใต้เท้า ปฏิบัติการโจมตีเหรินชวนครานี้ได้ผลดี หรือว่าเราจัดทัพเรือไปเหรินชวนอีกสักครา?”

ถานปิงเปิดเรื่อง ทุกคนเริ่มพากันออกความเห็น หวังทงโบกมือกล่าวว่า

“หากว่าริมทะเลสร้างแนวป้องกันทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องขยายกำลังเพิ่มอีกสองเท่า ตอนนี้เรือรบก็ยังสร้างไม่ทัน ได้แต่ใช้ป้อมปืนใหญ่กับเรือไฟ ซึ่งกิสิ้นเปลืองกำลังคนมา ตอนนี้คนเราเท่านี้ก็เป็นช่องโหว่มากพอแล้ว หากขยายอีกเท่า ยังไม่รู้ว่ากรมทหารกับราชสำนักจะสร้างความยุ่งยากให้เราเช่นไร”

ทุกคนครู้สถานการณ์นี้ หวังทงกล่าวว่า

“เสิ่นหวั่งสามารถเคลื่อนกำลังพลได้เกือบหมื่น แม้ว่าทหารเราจะเก่งกล้าเท่าไร หากต้องการปราบให้ราบ อย่างไรก็ต้องใช้กำลัง 5,000 กำลังพลขนาดนี้ออกทะเล หากเกิดเหตุผิดพลาด รับไม่ไหว”

ได้ยินหวังทงกล่าวจบ สีหน้าทุกคนก็เคร่งเครียด เป็นเรื่องจริงดังว่า แต่ไม่อาจนั่งดูเฉยเมยได้ หากตนเองก็ไม่มีหนทางรับมือ ได้แต่นั่งรออีกฝ่ายลงมือ มันน่าอึดอัดเหลือเกิน

“หรือว่า ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปงั้นหรือ?”

“พวกเจ้าลืมเรื่องโรงต่อเรือทางนั้นกำลังต่อเรือรบแล้วงั้นหรือ?”

“……โรงต่อเรือทางนั้นปีนี้อย่างมากสุดก็ต่อได้สามลำ ทหารเรายังไม่พอเลย รอให้ทุกอย่างพร้อม อย่างไรก็ต้องสามปี เสิ่นหวั่งจะรอพวกเรานานเพียงนั้นหรือ?”

ได้ยินลูกน้องวิพากษ์วิจารณ์กัน หวังทงก็ยังมือปรามให้เงียบก่อน ในห้องเงียบลง หวังทงจึงกล่าวว่า

“ก็ไม่ต้องกังวลกันเกินไปนัก ใต้เท้าอวี๋เคยกล่าวไว้ แม่ทัพชีก็เคยกล่าวไว้ โจรสลัดเหิมเกริมบนท้องทะเล อาศัยเรือ หากไม่มีฝั่งให้เทียบเพื่อขนเสบียงและน้ำจืด พวกเขาจะไปทำอันใดได้ คิดจะรุกรานเทียนจิน เดินทางจากประเทศวัวมาไกลเพียงนั้นย่อมไม่มีทาง หากต้องการเสบียงเพิ่ม ต้องการพักผ่อน ไม่อาจลอยอยู่บนทะเลได้ รอบๆ ก็ไม่มีเกาะให้พวกเขาได้พักชั่วคราว ดังนั้นหากว่ามา ก็จำเป็นต้องใช้เทียนจินเป็นศูนย์กลางขึ้นเหนือล่องใต้ ต้องเป็นท่าเรือลับใดสักแห่ง”

ในห้องเงียบกริบ ฟังหวังทงค่อยๆ เผยออกมา หวังทงกล่าวต่อว่า

“เสิ่นหวั่งมักจะมาเทียนจิน เรือของเขาก็ต้องการเสบียง เขาย่อมพักอยู่ในท่าเรือใดละแวกนี้สักแห่งหนึ่ง ไม่ใช่เมืองหย่งผิง ก็เหลียวโจว หรือไม่ก็ซานตง พวกเราไม่รู้ว่าท่าเรืออยู่ที่ใด แต่อู๋เอ้อร์ต้องสืบมาได้ รอให้หาพบ ถอนรากพวกมัน บนบกไปมาหลายร้อยลี้ พวกเราย่อมเร็วกว่าเรือ!”

กล่าวจบ สีหน้าในห้องทุกคนก็คลายกังวลลงไปมาก หม่าซานเปียวทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือ กล่าวอย่างโกรธแค้นว่า

“ราชาไตรธาราอันใดกัน พอขึ้นฝั่ง ก็เป็นพวกกเฬวรากที่เราเหยียบแบนราบคาบได้อยู่ดี”

ทุกคนหัวเราะฮาลั่น หวังทงโบกมือกล่าวว่า

“ทำเช่นนี้ อย่างไรก็เหมือนรอถูกกระทำ แต่พวกเราก็ไม่ใช่มีแค่วิธีนี้ พวกเจ้าคิดว่าข้าจะส่งเงินหลายแสนตำลึงไปกวางตุ้งทำไมกัน?”

———————-

[1] เมืองฮิราโดะเป็นเมืองในจังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่นปัจจุบัน

[2] เกาะคิวชู

[3] เกาะชิโกกุ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version