Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 625

ตอนที่ 625 หรือว่าเป็นกองกำลังหู่เวย

ในคืนเงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงร้องสังหารและเสียงร้องเจ็บปวด ในลานที่ไม่กว้างนัก มีคนถืออาวุธ 20 คนจากสามฝ่าย ประจันหน้ากัน

เสียงฆ้องด้านนอกอยู่ๆ ก็เคาะดัง ทุกคนในลานพากันตกใจสะดุ้ง ไม่รู้ว่าตอนไหนที่รอบๆ ลานที่เคยมืดไปหมด ยามนี้กลับสว่างจ้าขึ้น

มีคบไฟ มีโคมไฟ รอบด้านทั้งหมด เสียงฆ้องดังถี่ คนด้านนอกไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึงพวกสองกลุ่มที่มาล่าหวังทง แม้แต่หวังทงเองก็เริ่มเคร่งเครียดอย่างมาก พวกเขาทุกคนเป็นนักรบเก่งกล้า รับมือนักฆ่าสองกลุ่มนี้ได้แน่นอน แต่เสียงเคลื่อนไหวใหญ่ด้านนอกนั้น ไม่มั่นใจแม้แต่น้อย

“มาช่วยพวกเราหรือเปล่า?”

ลี่เทาจ้องมองไปยังมือธนูด้านหน้า พลางกระซิบถามหวังทง หวังทงกล่าวว่า

“อย่าลดการป้องกัน ท่ามกลางความมืดนี้ มาสังหารพวกเรามีความเป็นไปได้มากกว่า!!”

หวังทงกลับไม่ได้ตั้งความหวังอันใดสูงนัก นักฆ่าสองกลุ่มที่อยู่ ๆ โผล่มานี้ก็นอกเหนือความคาดหมาย ในคืนจลาจลคืนนั้นแม้ว่าเรื่องใหญ่ แต่หวังทงก็เตรียมการต่างๆ ในเมืองหลวงไว้พร้อมแล้ว แต่ละแห่งล้วนเข้าควบคุมพวกก่อการชาวลัทธิไตรสุริยันไว้หมด เขาก็รู้สึกมั่นใจอยู่ คิดว่าปลอดภัย ช่างประมาทเสียจริง

ชีวิตช่างบอบบาง หวังทงเริ่มกระตุ้นจิตใจให้ฮึกเหิม ทุกสิ่งยังคงอันตราย ยังมีอำนาจอีกมากมายที่จ้องมองตนอยู่ ทุกนาทีไม่อาจวางใจได้

“จับตาดูมือธนูนั่นไว้ หรือว่าจัดการมันก่อนดี พวกเรามารวมตัวกัน พวกมันเอาไม่อยู่!”

หวังทงสั่งการเสียงเยียบเย็น หลี่หู่โถวกระซิบบอกกับซุนซิงข้างๆ ว่า

“อีกเดี๋ยวข้าจะบุกออกไป เจ้าคุ้มกันข้าด้วย……”

กำลังเตรียมการอยู่นั้น ก็ได้ยินคนด้านนอกตะโกนดังเข้ามาว่า

“ชาวบ้านทุกครอบครัวเตรียมพร้อมแล้ว โจรชั่วอย่าคิดหนีแม้แต่คนเดียว อารักขาใต้เท้าหวัง ใต้เท้าย่อมมีรางวัลอย่างงาม!!”

“เป็นหลิ่วซานหลาง!!”

ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนก็เบาใจ คนกองกำลังหู่เวยมีความคิดเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ คนกองกำลังหู่เวยย่อมไม่หักหลังพวกเดียวกัน หลิ่วซานหลางปรากฏตัวขึ้นยามนี้ เดิมก็น่าสงสัย แต่ทุกคนกลับไม่สงสัย

พวกสองกลุ่มที่เริ่มเครียดยิ่งทำให้พวกหวังทงรู้สึกผ่อนคลาย พวกเขาเริ่มลนลาน คนที่เข้ามาก่อนหน้าเริ่มหันไปมองลูกพี่ตน ลูกพี่ลังเลก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า

“ฝ่าออกไป!!”

ทุกคนหันหลังเตรียมฝ่าออกไป ถึงกับไม่สนใจอีกกลุ่มและพวกหวังทง อีกกลุ่มไม่ขยับ ยังคงจ้องมองหวังทงอย่างเคียดแค้น มีคนกล่าวน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“สุนัขชั่วหวังทง เจ้าทำลายลัทธิเรา สังหารพี่น้องลัทธิเรา วันนี้จะจับร่างสุนัขเจ้าฟันเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”

หนีไปกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใหญ่ที่มาล้วนมีแววตาโกรธแค้นบ้าคลั่ง ความบ้าคลั่งนี้หวังทงรู้สึกคุ้นเคยอยู่มาก ตอนในวังต่อสู้ดุเดือดก็เป็นเช่นนี้ สีหน้าสิบกว่าคนเบื้องหน้าล้วนเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก แต่ความแค้นที่ปะทุใส่หวังทงยังคงคุกรุ่นรุนแรง

“ลัทธิไตรสุริยันที่เหลือ สังหารให้หมด ตัดรากถอนโคนให้สิ้น!!”

หวังทงแค่นหัวเราะขึ้น กวัดแกว่งดาบบุกเข้าใส่ หลี่หู่โถวและพวกลี่เทาซุนซิงก็ขานรับพร้อมกัน รอกรูกันเข้ามา พวกที่เหลือของลัทธิไตรสุริยันไม่มีธนูในมือ พวกหวังทงย่อมไม่กลัว

คนลัทธิไตรสุริยันเห็นพวกหวังทงคนน้อย ในใจก็เริ่มมั่นใจ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายถึงกับบุกเข้าใส่

ตามหลักคนน้อยสู้คนมาก บุกออกมาย่อมถูกล้อมสังหาร แต่พวกหวังทงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ข้างกายหวังทงมีสองคนเรียงแถวหน้ากระดาน ด้านนอกสุดยังมีอีกคนอยู่ด้านหลังครึ่งก้าว ด้านหลังมีคนหนึ่งจับตาดูแน่นหนา

ในลานไม่กว้างนัก ไม่กี่ก้าวก็มาอยู่ตรงหน้า พวกลัทธิไตรสุริยันคิดจะลงมือ ก็พบว่าอีกฝ่ายป้องกันไร้ช่องโหว่ เสียงหนึ่งตะโกนดัง ดาบก็แทงเข้าใส่ พวกหวังทงเผชิญศัตรูแค่สองคนตรงหน้า สองดาบไหนเลยจะรับมืออีกฝ่ายที่มีหลายดาบได้

เสียงร้องโหยหวนดังติดๆ กัน ร่างถูกแทงทะลุหลายรู ยังไม่ทันสิ้นใจ พวกหวังทงก็ปรี่ไปรายต่อไปแล้ว คนผู้นั้นตะโกนร้องดัง ก็ช่างไม่กลัวตาย กวัดแกว่งดาบในมือ มุ่งมาทางหวังทงและฟันลง เขาเตรียมพร้อมจะตายไปด้วยกันแล้ว

หากตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเพียงหนึ่ง ดาบยังไม่ทันฟันใส่ ก็ถูกต้านเอาไว้ ก่อนที่ดาบอีกหลายคนจะแทงเข้าใส่ หลบก็ไม่ทัน สถานการณ์ง่ายๆ เช่นนี้ พวกลัทธิไตรสุริยันที่โกรธแค้นที่เหลือก็เริ่มอลหม่าน ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่สู้กัน ไม่ใช่อาศัยความกล้าหาญเข้าโรมรัน เพราะเป็นการสู้แบบหนึ่งคนกับหนึ่งกลุ่ม

พวกหวังทงก้าวขึ้นหน้าพร้อมกัน ศัตรูตรงหน้าล้วนฝีมือห่างไกลจากพวกเขามาก ค่อยๆ กำจัดไปทีละคนอย่างง่ายดายก่อนจะไล่กำจัดรายต่อไป พวกลัทธิไตรสุริยันแม้ว่ามาก แต่ไม่ใช้ยุทธวิธีแสดงความได้เปรียบของการมีคนมากแม้แต่น้อย

บุกสังหารไปหลายรอบ พวกลัทธิไตรสุริยันเริ่มแตกขบวน เสียงสังหารด้านนอกก็ดังขึ้น เสียงด่าทอ เสียงร้องโหยหวนล้วนดังไม่หยุด แต่เสียงร้องโหยหวนพวกนี้ฟังอย่างไรก็เหมือนพวกที่วิ่งหนีออกไปก่อนหน้า การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้พวกหวังทงรู้สึกฮึกเหิม พวกลัทธิไตรสุริยันยิ่งเริ่มลนลานมากขึ้น หลายคนเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้าม

ถูกสังหารไปอีกสอง พวกลัทธิไตรสุริยันที่เหลือเริ่มรับมือไม่ไหว การมั่นใจว่าสังหารหวังทงได้ทำให้ทุกคนมีเป้าหมายยึดเหนี่ยว หากกลับตาลปัตรมาถูกสังหารเองเช่นนี้ มันช่างสิ้นหวัง

“……หนีก่อน วันหน้าค่อยมาเอาชีวิตสุนัขชั่ว……”

มีเสียงตะโกนเช่นนี้ดังขึ้น แต่พวกหวังทงก็ยังไม่ผ่อนจังหวะสังหาร ยังคงตะโกนคำสั่งพร้อมเพรียงเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้าใส่ไม่หยุด ไล่สังหารศัตรู

พอความแค้นมลายกลายเป็นความหวาดกลัว ทุกคนก็เริ่มไร้แรงต้านทาน พวกที่ใกล้ทางออกก็เริ่มลังเล ก่อนจะหันหลังวิ่งหนี หนีไปคนหนึ่ง ก็ทำให้ทั้งหมดเริ่มสับสนยิ่งขึ้น มีหลายคนรีบลนลานหนีทุลักทุเล

มีคนหนี มีคนถูกสังหาร ความได้เปรียบในลานเริ่มกลับตาลปัตร หวังทงสั่งเสียงเข้มว่า

“อย่าให้คนที่เหลือหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”

ทุกคนรับคำเสียงดังก้อง รีบวิ่งเข้าใส่ศัตรู การฝึกหนักในลานฝึกทหาร ยังเคยมีประสบการณ์รบจริงมา ไม่ใช่อะไรที่พวกนักเลงหัวไม้หากินในสังคมจะมาเทียบได้ ขอเพียงสู้กันตัวต่อตัว ย่อมไม่เกรงกลัว

พวกลี่เทาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ดาบหนึ่งตวัดใส่ อีกฝ่ายยกรับ อีกดาบก็แทงใส่ คอศัตรูถูกดึงถูกลาก จัดการอีกฝ่ายได้สิ้น ก่อนจะหันหลับมาช่วยทางหวังทง

ในช่วงเวลาสั้น ๆ สถานการณ์ในลานด้านหน้านี้เริ่มเปลี่ยนไปแบบรวมกลุ่มสู้หนึ่ง ศัตรูหวังทงเหมือนว่าไม่ชำนาญการต่อสู้ ดาบพัวเตาในมือไม่รู้ว่าใช้แทงได้ หากเอาแต่ฟันใส่ หากแรงไม่มากพอ ถูกหวังทงรับดาบได้อย่างง่ายดาย ยกขาถีบใส่ศัตรูล้มกลิ้งตีลังกา

คนผู้นั้นตะกายขึ้นมา ถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะตะโกนดังว่า

“หวังทงเจ้าสุนัขชั่ว ข้าขอสู้ตายกับเจ้าแล้ว!”

กวัดแกว่งดาบปรี่เข้าใส่ หากพื้นฐานช่วงล่างร่างกายไม่มั่น หวังทงเอี้ยวตัวก็หลบพ้น ยกดาบในมือขึ้นฟันลงไปอย่างไม่ลังเล

‘ฉับ’ เสียงดังขึ้นโล่ง ๆ ไร้สิ่งกีดขวาง จากการบอกเล่าของพวกถานเจียง ดาบฟันลงต้นคอ หากว่าแรงพอเหมาะ ก็เหมือนกับผ่าแตง ดาบฟันหัวหลุด ดาบนี้ก็เช่นกัน หัวศัตรูรับพอดีร่วงหลุดจากบ่า เลือดสดๆ สาดกระจายทั่วพื้น

คนผู้นี้ตายลง โจรที่เหลือในลานต่างก็ส่งเสียงร้องเรียกเอะอะอย่างตกใจขึ้นว่า

“ท่านรอง! ท่านรอง!!”

เสียงตะโกนเรียกทำหวังทงอึ้งไป ท่านรองแห่งลัทธิไตรสุริยัน หรือจะเป็นน้องชายหลินซูลู่ รู้อย่างนี้ไว้ชีวิตดีกว่า จะได้สอบปากคำ

หัวหน้ำตายไป พวกที่เหลือย่อมไม่มีกระจิตกระใจสู้ต่อ นับประสาอันใดกับการที่ยังถูกพวกลี่เทาล้อมจู่โจม ไม่นานก็เก็บกวาดสังหารเรียบ

“บาดเจ็บกันไหม?”

หวังทงผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ อยู่ๆ ต้องตกใจตื่นกลางดึก ต่อสู้ในความมืด ต่อสู้กันดุเดือดจนพอคุมสถานการณ์ได้ หวังทงยามนี้จึงได้รู้สึกว่าเหงื่อท่วมไปทั้งตัว ความปวดเมื่อยเดิมยังไม่ได้หายก็ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก

เสียงสังหารด้านนอกเริ่มแผ่วลงมาก แสงไปส่องสว่างในลาน หลี่หู่โถว ลี่เทาและซุนซิงไม่ดีไปกว่าหวังทงมากนัก หลายคนเริ่มใช้อาวุธยันพื้นหอบหายใจ สายตาทุกคนมองมาที่หวังทง หวังทงกล่าวว่า

“ไม่ต้องไล่ตามไป ด้านนอกยังไม่รู้เกิดอันใด……”

“แทง!!”

เสียงด้านนอกดังก้องเข้ามา หลี่หู่โถวยืดตัวขึ้น ท่าทางสงสัยกล่าวว่า

“เมื่อครู่ตอนสู้กัน ก็ได้ยินเสียงคำสั่งด้านนอก เหมือนเป็นวินัยแบบกองกำลังหู่เวยเรา หรือว่ามีคนมาช่วยแล้ว!”

“เป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นเมืองซุ่นเทียน ห่างจากเขตป้องกันเราตั้งไกลขนาดนั้น จะว่าไป กองกำลังหู่เวยมา จะไม่แจ้งใต้เท้ากันหรือ?”

อีกทางส่งเสียงดังเถียงมา หวังทงก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า

“ขึ้นหลังคา!”

เอาแต่เดาไม่มีประโยชน์ ต้องรู้สภาพด้านนอกให้กระจ่างจึงจะคาดเดาได้ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ไม่ยาก ตั้งโต๊ะสี่เหลี่ยมขึ้น สองสามคนไปยกโต๊ะเก้าอี้ด้านในออกมาต่อกัน หวังทงกับหลี่หู่โถวปีนขึ้นไปก่อน

พวกเราค่อยๆ โผล่ขึ้นไปอย่างระมัดระวัง ยังไม่ทันได้ตำแหน่งลอบมองด้านนอก ก็ได้ยินเสียงด้านนอกตะโกนดังว่า

“ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าทุกท่าน ด้านนอกเงียบแล้ว อีกสักพักคงมีคนเข้ามา ใต้เท้าทุกท่านระวัง อย่าได้ทำร้ายคนกันเอง”

น้ำเสียงนี้เป็นหลิ่วซานหลาง ยามนี้หวังทงสามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกชัด พอเห็นแล้วก็ต้องอึ้งไป ด้านนอกห่างออกไปราว 20 กว่าก้าว มีชายหนุ่มยืนเรียงแถว ดูการแต่งกายแล้วก็เป็นชาวนาธรรมดา ในมือถือคราดและจอบหัวแหลม ยังมีไม้พลองที่เหลาหัวแหลม เบื้องหน้าเห็นศพนอนตายเกลื่อนกลาด ยังมีอีกสามคนนอนร้องครวญครางอยู่ หวังทงเห็นแล้ว ก็พอดีกับที่ชายชาวบ้านราว 50 คนเข้ามาด้านใน สองคนหยิบเชือกมา อีกสามคนถือไม้พลองเข้ามาอย่างระมัดระวัง

สถานการณ์ตอนนี้ คนที่บาดเจ็บย่อมไม่กล้าขยับ ได้แต่ยอมให้มัดแต่โดยดี

“พี่หวัง นี่เป็นวิธีการจับมัดแบบกองกำลังหู่เวยเรา”

หวังทงพยักหน้าเบาๆ หลิ่วซานหลางตะเบ็งเสียงตะโกนดังว่า

“ขอใต้เท้าหวังเข้าที่พักเดิมไปก่อน อย่าได้ออกมา ข้าน้อยจำนำคนเข้าไปกวาดล้างศัตรู จะได้ไม่พลาดทำร้ายคนกันเอง!!”

“10 คนหนึ่งกลุ่มเอาคบไฟไว้ด้านหลัง ทวนยาวไปด้านหน้า เข้าค้นหาแต่ละบ้าน หากมีศัตรูให้รายงานภัยทันที!!”

หลิ่วซานหลางตะโกนสั่งการ ชายฉกรรจ์แต่ละกลุ่มเริ่มตะโกนสั่งก่อนจะเข้าไปในโรงเตี๊ยม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version