Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 626

ตอนที่ 626 หลิ่วซานหลาง

“เพราะกลางคืนมักมีพลส่งสารผ่านมา ข้าน้อยปกติจึงนอนอยู่หน้าร้าน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ข้าน้อยเห็นพวกโจรถือดาบซุ่มกันมา ก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว……”

หลังต่อสู้ดุเดือด พวกหวังทงก็นอนไม่หลับ หลิ่วซานหลางส่งคนมาขนศพออกไป จัดการเรียบร้อยก่อนจะไปยังโถงหน้าโรงเตี๊ยม เรียกว่าโถงหน้า ไม่สู้เรียกว่าห้องรับแขกทั่วไป ยามนี้เป็นหน้าร้อน กลางคืนย่อมไม่อาจเย็นสักเท่าไร พวกหวังทงผ่านการต่อสู้มา เหงื่อท่วมไปทั้งตัว ที่นี่ไม่มีคนงานหญิง จึงพากันแบะเสื้อด้านหน้าออก ฟังหลิ่วซานหลางเล่า

“……ใต้โต๊ะเก็บเงินข้าน้อยมีปืนสั้นอยู่ เพราะขาเดินไม่สะดวก คนเดียวรับมือคนเดียวยังพอไหว คนมากมายเช่นนี้จะไปไหวได้อย่างไร จึงได้แต่แกล้งหลับอยู่อย่างนั้น จากนั้นค่อยแอบวิ่งออกไปตามคนมาช่วย……”

หวังทงฟังไป ก็ควักเอาของจากห่อผ้าออกมา มีทองก้อนติดตัวอยู่เล็กน้อยก็เพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน คนอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน ไม่นานบนโต๊ะก็กองเป็นกองเล็กๆ หวังทงโบกมือกล่าวว่า

“ทองพวกนี้เอาไปแจกจ่ายพวกที่มาช่วยก่อน บอกว่าแทนการขอบคุณในคืนนี้ รอข้ากลับถึงเทียนจินยังจะมีรางวัลใหญ่ให้อีก จัดคนเฝ้าเชลยให้ดี ขนศพไปกองรวมกัน”

หลิ่วซานหลางคว้าทองขึ้นมาก่อนจะก้าวออกไปเรียกคนมาสองสามคน พวกหวังทงในห้องได้ยินเสียงด้านนอกร้องตะโกนเฮโลยินดี ทองก้อนเมื่อครู่น่าจะเกือบพันตำลึงเงิน ชาวบ้านธรรมดาได้เงินก้อนนี้ไปย่อมยินดีเหนือคาดหมาย มิน่าจึงดีใจเช่นนั้น

พวกหวังทงในห้องสบตากัน หลิ่วซานหลางเดินกลับมา พอเข้ามาในห้องก็ยิ้มกล่าวว่า

“โรงบ้านตระกูลชิวปีหนึ่งคงไม่อาจได้เห็นเงินทองมากมายเพียงนี้ คืนนี้พวกเขาบาดเจ็บไปสอง ครั้งนี้นับว่ากำไรงามแท้!”

“หลิ่วซานหลาง เจ้าเห็นความผิดปกติ เหตุใดไม่ร้องเตือน หากใต้เท้าเป็นอะไรไปล่ะก็ ความรับผิดชอบนี้เจ้ารับไหวหรือ?”

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง สีหน้าลี่เทาก็บึ้งตึง ยามนี้จึงได้สบถตำหนิออกมา หวังทงหันไปมองลี่เทำไม่กล่าวอันใด หลี่หู่โถวเดิมกำลังเฮฮาอยู่ พอลี่เทากล่าวเช่นนี้ เห็นแววตาหลิ่วซานหลางเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา

หลิ่วซานหลางอึ้งไป ก่อนจะรีบคุกเข่าลงทันที โขกศีรษะกล่าวว่า

“หากตอนนั้นส่งเสียงร้องเตือน ชีวิตข้าน้อยคงต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้ว ข้าน้อยได้รับเมตตาจากใต้เท้า ชีวิตนี่ไม่เท่าไร แต่ตอนนั้นเสียงใกล้เข้ามา หากเกิดเรื่องจริงย่อมไม่ทันการณ์แล้ว ข้าน้อยร้องเตือนคงไร้ประโยชน์ ตายไปก็ไร้ค่า และข้าน้อยยังรู้สึกว่า พวกคนมาพักก็คือคนร้าย พวกเขาหลายสิบคน ใต้เท้าไม่กี่คน หากต้านไว้ได้ ข้าน้อยไปตามคนมาช่วยคงทันการณ์ หากต้านทานไม่อยู่ ข้าน้อยก็ตามคนมาแก้แค้น”

กล่าวจบ ในห้องก็เงียบกริบ คิดไม่ถึงว่าหลิ่วซานหลางจะกล่าวตรงเช่นนี้ หากเป็นวาจาไม่ลวงหลอก สีหน้าลี่เทาผ่อนคลายลงไม่น้อย

“คนกลุ่มแรกมาพัก แล้วกลุ่มที่สองมาตอนไหน?”

หวังทงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามเรื่องอื่น หลิ่วซานหลางคุกเข่าอยู่กล่าวว่า

“……พวกโจรชั่วกลุ่มสองไม่ได้เข้าพัก แอบซ่อนอยู่ด้านนอก ตอนข้าน้อยรวบรวมกำลังคนมา ก็เห็นกำลังไล่สังหารกันอยู่ด้านโถงด้านหน้า หรือไม่ก็ซุ่มโจมตีอยู่ด้านนอก ……”

ยามนี้รู้สึกกระหายน้ำ หวังทงเงยหน้าหันไปยกน้ำชาขึ้นดื่มจนหมด ก่อนโยนแก้วลงบนโต๊ะกล่าวว่า

“เจ้าปฏิบัติการได้ถูกต้อง ยืนขึ้นได้!”

หลิ่วซานหลางจึงได้ขอบคุณก่อนจะลุกขึ้น เดินไปรินน้ำชาเต็มแก้ว หวังทงยกขึ้นดื่มก่อนจะถามว่า

“เห็นคนโรงบ้านตระกูลชิวที่เจ้านำมาใช้ยุทธวิธีแบบกองกำลังหู่เวย เรื่องราวเป็นมาอย่างไร?”

************

หลังจากโรงเตี๊ยมสามธาราสร้างขึ้นในบริเวณโรงบ้านตระกูลชิวแล้ว ก็มักจะไปซื้อหาเสบียงอาหารที่โรงบ้านเสมอ จึงได้คบหากัน

ชายฉกรรจ์โรงบ้านเห็นขาพิการของหลิ่วซานหลาง ก็รู้สึกดูแคลนไม่ว่า หากยังคิดเอาเปรียบ โรงเตี๊ยมมีม้าเตรียมไว้หลายตัว พวกชายฉกรรจ์โรงบ้านคิดจะนำออกมาขี่เล่นสักสองสามรอบ

ตอนมาขอ แน่นอนว่าคนของโรงเตี๊ยมสามธาราย่อมไม่รับปาก อายุหลิ่วซานหลางเพียงแค่ 20 ต้นๆ สองฝ่ายพูดจายั่วยุกันไม่นานก็เริ่มลงมือ

พวกชายฉกรรจ์นี่ก็แค่ชาวโรงบ้านธรรมดา หลิ่วซานหลางเป็นทหารที่ผ่านสมรภูมิรบมา เขาแค่ขยับไม้พลองสองสามทีก็ตีไล่พวกนั้นกระเจิงไปหมด คนโรงบ้านชิวไม่ยอมเสียเปรียบ กลับไปพาคนกลับมาหาเรื่อง พอดีที่เทียนจินส่งสารไปเมืองหลวง พลทหารส่งสารในชุดองครักษ์เสื้อแพรได้ยินเสียงเอะอะ ก็ชักดาบขี่ม้ามาขับไล่

ราษฎรปกติพอเห็นเจ้าหน้าที่ก็ราวกับเห็นสวรรค์ เห็นทหารองครักษ์เสื้อแพรถือดาบมาไหนเลยจะยังกล้ารั้งรอต่อ รีบพากันหนีกระจัดกระจายทันที

ก่อเรื่องแล้วหนีไป ไม่นานผู้อาวุโสโรงบ้านก็มาด้วยสงบเสงี่ยม เอาเงินและเป็ดไก่มามอบให้หลิ่วซานหลางเพื่อขอขมา

ก็แค่พวกหนุ่มๆ อายุน้อยอารมณ์วู่วามตีกัน ตนเองก็มิได้เสียเปรียบอันใด หลิ่วซานหลางไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ปฏิเสธของกลับไป พร้อมวาจาปลอบใจ เรื่องนี้ก็ผ่านเลยไป

หลังเกิดเรื่องนี้ พวกชายหนุ่มโรงบ้านก็นับถือในฝีมือหลิ่วซานหลาง ผู้อาวุโสโรงบ้านรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีคุณธรรม ความสัมพันธ์จึงดีขึ้นไม่น้อย กอปรกับหลิ่วซานหลางยังคงต้องซื้อหาของจากที่นี่ จึงยิ่งสนิทสนม

เมืองซุ่นเทียนแม้ว่าเป็นเมืองอันดับหนึ่งในใต้หล้า หากไม่อาจเรียกได้ว่าสงบสุข มักมีพวกโจรขโมยม้าวัวเล็กๆ น้อยๆ คนพวกนี้ย่อมไม่โจมตีโรงบ้านเข้าปล้นสังหาร แต่จะอาศัยแอบเข้าไปกลางคืน มีบางบ้านโชคร้าย ที่ทำให้ทนไม่ได้มากก็คือการขโมยม้าและวัว เพราะสิ่งของที่มีค่าที่สุดของชาวบ้านโรงบ้านก็คือม้าและวัว การขโมยไปเช่นนี้สร้างความเสียหายอย่างมาก ถึงกับล้มละลายเลยก็ได้และพวกโจรพวกนี้ยังชอบรวมกลุ่มขี่ม้ากันมาราว 10 กว่าคน พอลงมือบ้านในสักบ้านสองบ้าน ผู้ชายในบ้านย่อมไม่อาจรับมือไหว

ตั้งแต่ครอบครัวหนึ่งสูญเสียวัวทำนาและผูกคอตายไป ทั้งโรงบ้านก็หารือกันว่าจะฝึกฝีมือไว้ป้องกันตนเอง

ตระกูลใหญ่ต่างออกเงินออกเสบียง ตระกูลเล็กก็ออกแรง ใช้เวลาว่างจากการทำนามาฝึก ก็รวมชายหนุ่มมาได้ 100 กว่าคน มีแต่คนไม่ได้ ยังต้องมีครูฝึก

เรื่องนี้ทุกคนก็คิดถึงหลิ่วซานหลางแห่งโรงเตี๊ยมสามธารา เพราะบาดเจ็บจึงต้องปลดระวาง แต่เห็นว่าผ่านสมรภูมิมา จึงมีคนหาถึงที่ เขาย่อมยินดี

ในกองทัพเขาเป็นแค่หัวหน้าหน่วย ตำแหน่งนี้ก็ไม่ถึงขั้นขุนพล เป็นแค่หัวหน้าทหารเท่านั้น ก็แค่เคยผ่านหูผ่านตามา ได้เห็นการฝึกมามาก ก็นำมาใช้ฝึกที่โรงบ้านนี่ได้

กองกำลังหู่เวยสอนมานั้นมีประโยชน์จริง คนโรงบ้านชิวถูกโจรขโมยวัวรังแกน่าอนาถ จึงฝึกฝนอย่างตั้งใจ ค่อยๆ ฝึกออกมาได้ผลเช่นนี้ได้

น่าจะราวสามเดือนก่อน โจรขโมยวัวก็มาอีก ทุกคนตะโกนออกมารวมตัวกันพร้อมคราดและจอบปลายแหลม หากเป็นเมื่อก่อน พวกโจรอยู่บนหลังม้าหลังลาก็กวัดแกว่งอาวุธเข้าใส่ พวกชาวบ้านก็ตกใจหนีกันกระเจิดกระเจิง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กลับต้องเจอของแข็ง

ทางนี้ตะโกนบุก พวกชาวบ้านบางคนก็ตกใจหนี แต่คนส่วนใหญ่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ม้าของพวกโจรถูกขัดขาล้มไปก่อน ก่อนจะสะบัดโจรร่วงลงจากหลังม้า พวกที่ขี่ลาย่อมหนีได้ช้า ก็ถูกจับได้ทันที

พวกโจรขโมยวัวถูกจับหมด โดนรุมตีแทบตายก่อนจะส่งตัวให้ทางการ ทางการก็ยังคนมามอบรางวัลให้ ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ส่งหมูส่งแพะมาให้ ไม่เพียงแต่กำจัดภัย ยังสร้างชื่อให้โรงบ้านตระกูลชิว

ระหว่างหมู่บ้านด้วยกันแย่งชิงน้ำและพื้นที่ หรือมีเรื่องเบาะแว้งไม่น้อย ในเรื่องนี้โรงบ้านที่มีคนเยอะย่อมได้เปรียบกว่า

คนโรงบ้านชิวผ่านการฝึกซ้อมมา พอมีเรื่องกับโรงบ้านอื่น ก็ย่อมได้เปรียบกว่า แม้ที่อื่นมีคนมาก หากโรงบ้านชิวก็ยังเอาชนะได้แม้จะไม่ใช่ทหารเต็มตัว คนโรงบ้านชิวไม่เสียเปรียบ ถึงกับมาหมู่บ้านเล็กๆ มาขอความคุ้มครอง

ได้ประโยชน์มากมายเช่นนี้ ก็ย่อมเชื่อฟังหลิ่วซานหลางมากยิ่งขึ้น อย่าเห็นว่าขาพิการ หากมีหน้ามีตาในโรงบ้านยิ่ง หากมีลูกสาวก็ล้วนอยากได้เขาเป็นลูกเขย ปกติทุกคนก็เรียกเขาว่าครูฝึก ไม่กล้าไร้มารยาท

เกิดเหตุกลางดึก หลิ่วซานหลางวิ่งออกไปตามคนมา บอกว่าโรงเตี๊ยมมีโจร และยังมาโจมตีเจ้าหน้าที่ทางการด้วย ทุกคนก็รีบคว้าของในบ้านที่เป็นอาวุธได้ออกมา หลิ่วซานหลางยังบอกอีกว่า รอให้ช่วยคนได้ จะมีรางวัลอย่างงาม

เดิมก็ช่วยเหลือกันมา ยังมีรางวัลหนักอีก ชาวโรงบ้านก็ย่อมยินดียิ่ง พอมาถึงโรงเตี๊ยม ก็จัดแถวตามคำสั่ง ปิดกั้นเส้นทางแต่ละแห่งไว้

นักฆ่าหนีออกมาอย่างลนลานเดิมก็ไม่คิดจะต่อสู้แล้ว พอเห็นแถวขบวนตรงหน้าพร้อมสู้ ในใจก็ขลาดกลัวอยู่หลายส่วน พวกโรงบ้านสู้กันมาจนชิน ก็คิดเสียว่าเป็นโจรขโมยวัว พอลงมือก็โยนแหขาดๆ ครอบไว้ก่อน เหมือนกับที่เอาไว้จับนก

พวกนักฆ่าคิดจะหนี จอบและคราดพร้อมไม้ปลายแหลมก็จ่อรออยู่ ไม่มีคนหนีไปได้สักคนเดียว

แน่นอน หวังทงเงินรางวัลเกือบพันตำลึงของหวังทงย่อมเป็นรางวัลงดงาม คนโรงบ้านคืนนี้ไม่ต้องนอนแล้ว ย่อมต้องดีใจกระโดดโลดเต้นไปมา

***************

ได้ยินหลิ่วซานหลางเล่ามา ทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าหลี่หู่โถวเรียกได้ว่าควรใช้คำว่า ตื่นเต้นคิ้วกระดกได้เลยทีเดียว หากหวังทงกลับนิ่ง กล่าวเพียงว่า

“อีกไม่กี่ชั่วยามก็ฟ้าสางแล้ว เจ้าไม่ต้องนอนแล้ว เอาเชลยกลุ่มหนึ่งที่จับได้ส่งเข้ามาทีละคน ลี่เทากับซุนซิงไปสอบปากคำพวกกลุ่มแรกว่าผู้ใดส่งพวกมันมา หากพูดก็ไว้ชีวิตไว้ก่อน หากไม่พูดก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ”

ลี่เทากับซุนซิงอึ้งไป พวกเขาอายุน้อยหากใช่ว่าไม่เคยเห็นเลือดมาก่อน ทำไมไม่ลงทัณฑ์สอบ หากคำสั่งหวังทงย่อมเป็นคำสั่ง พวกเขารีบรับคำออกไปปฏิบัติ

ไม่นาน พวกกลุ่มสองก็ถูกส่งตัวเข้ามา พวกกลุ่มสองเป็นพวกลัทธิไตรสุริยันที่บ้าคลั่งและยอมตาย ความสามารถธรรมดา บาดเจ็บล้มตายกันเยอะ คนที่ถูกนำตัวเข้ามาล้วนมีบาดแผล คนแรกที่ถูกส่งเข้ามาไม่ยอมเดิน จึงถูกโยนลงพื้น พอถูกโยนลงพื้นยังดิ้นรนเงยหน้าขึ้นสบถด่าอย่างร้ายกาจ

หวังทงกลับวาดดาบผ่านใบหน้า กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็น

“อย่างไรเจ้าก็ตาย ส่งไปเมืองหลวงถูกหั่นเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้น หรืออยากให้ข้าสังหารเจ้าอย่างเร็วไม่เจ็บปวด เจ้าเลือกสักทางก็แล้วกัน!”

ความตายบางคราไม่น่ากลัว แต่ความทรมานก่อนตายจึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว เชลยผู้นั้นเงียบลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version