Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 685

ตอนที่ 685 หน่วยวินัยทหาร กองลาดตระเวน หน่วยฝึกทหาร

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ เหรินต้าถงกับเหยียนจวิ้นเฉวียนสบตากัน อึ้งไปครู่หนึ่ง เหรินต้าถงลุกขึ้นก้มตัวลงกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวังยอมลำบากเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจยิ่ง ล้วนทำเพื่อเราชาวองครักษ์เสื้อแพร ข้าน้อยไร้ซึ่งการณ์ไกล ขายหน้าใต้เท้าหวังแล้ว วันหน้าหากมีเรื่องอันใดมอบหมายข้า ก็ขอให้ใต้เท้าหวังเอ่ยมาได้เลย ข้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว”

“ขอเพียงใต้เท้าหวังเอ่ยมา ข้าน้อยยินยอมทำสุดความสามารถ……”

เหยียนจวิ้นเฉวียนก็ลุกขึ้นเช่นกัน หวังทงกล่าวถึงขั้นนี้ เขาสองคนยังกล้าดีต่อไปได้อย่างไร หากยังจงใจเป็นปรปักษ์กับหวังทงไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา ย่อมนำภัยมาสู่ตัว ก็ไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ของตนจะยังคงดำรงต่อไปได้หรือไม่ ชีวิตน้อยๆ นี้จะรักษาไว้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ รีบลุกขึ้นศิโรราบดีกว่า

“ฝีกทหาร ตรวจวินัย ลาดตระเวนสืบคดี เรื่องสามอย่างนี้เป็นงานยากลำบาก ใต้เท้าหวังตั้งใจยอมลำบากเพื่อทหารในพระองค์เช่นนี้ ทำให้ข้าน้อยรู้สึกเลื่อมใส ในเมื่อทำไปเพื่อประโยชน์วันหน้าของทหารในพระองค์ ข้าน้อยก็ไม่อาจรอช้า วันหน้าใต้เท้าหวังสั่งการมาได้ทุกเรื่อง”

หยางจั้นเองก็ลุกขึ้นกล่าว ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ หวังทงก็อดไม่ได้ขมวดคิ้ว เหรินต้าถงกับเหยียนจวิ้นเฉวียนปราบได้แล้ว ท่าทีหยางจั้นกลับรู้สึกแปลกอยู่หลายส่วน

ทว่าวันนี้นับว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ได้คุยกับหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรสามท่านนี้จนยอมศิโรราบได้ อย่างไรก็เพิ่งมาดำรงตำแหน่งที่นี่ หากเริ่มต้นไม่ไว้หน้าจับเข้าคุกไปหมด ย่อมทำให้เกิดกระแสต่อต้าน ไม่ใช่เรื่องดีนัก

จริงๆ แล้ว วันแรกที่เข้ารับการฝึก นายกองธงใหญ่ผู้นั้นพูดไม่ผิด องครักษ์เสื้อแพรตอนนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าขุนนางบู๊แล้ว อย่างมากก็เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน การลงมือโหดเหี้ยมไปนับว่าไม่เหมาะนัก

ดูคนตรงหน้าสองสามคนนี้ก็มีท่าทีนอบน้อมกว่าตอนเข้ามามาก น้ำเสียงหวังทงก็อ่อนลง นั่งลงกล่าวว่า

“สิบปีเกือบพันฎีกา องครักษ์เสื้อแพรไม่เป็นอันใด ก็เพราะมีจางจวีเจิ้งปกป้อง ตอนนั้นขุนนางก็เป็นลูกศิษย์เขา องครักษ์เสื้อแพรเป็นดังคนรับคำสั่งประจำจวน ย่อมไม่ถูกกระทบ หากตอนนี้ในราชสำนักไม่ได้อยู่ในอำนาจคนๆ เดียว ขุนนางทั้งหลายแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย เจ้าฟังคำสั่งผู้ใด ไม่ฟังคำสั่งผู้ใด ล่วงเกินผู้ใด คนเหล่านั้นก็ย่อมจับจุดอ่อนพวกเจ้าไม่วางตา ตอนนี้ระเบียบวินัยย่อหย่อน ใช่ว่าเป็นการส่งจุดอ่อนให้พวกเขาหรอกหรือ?”

เหยียนจวิ้นเฉวียนยามนี้รีบกล่าวว่า

“มีจุดอ่อนก็ไม่กลัว วันหน้าใต้เท้าหวังดูแลองครักษ์เสื้อแพรเรา ย่อมปกป้องพวกเราทหารในพระองค์ให้ปลอดภัย”

คนผู้นี้ท่าทีเปลี่ยนไวจริง ยังเก่งประจบสอพลอ วาจาก็แสดงความหมายชัดเจน เบื้องหลังใต้เท้าหวังคือฮ่องเต้ว่านลี่ ผู้ใดกล้าแตะต้อง

“ความหมายผู้ช่วยผู้บัญชาการเหยียนก็คือมีฝ่าบาทปกป้อง วันหน้าเราองครักษ์เสื้อแพรก็ไม่ต้องกังวล ใช่หรือไม่?”

หวังทงถาม ยังไม่รอให้เหยียนจวิ้นเฉวียนตอบ หวังทงก็ยิ้มเฝื่อนกล่าวว่า

“องครักษ์เสื้อแพรขอเพียงจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่เป็นเครื่องมือของขุนนางในราชสำนัก เกรงว่าฎีกาจะโจมตีเราเท่าไร ก็คงเป็นดังมีฝ่ายหนึ่งโจมตี ฝ่ายหนึ่งป้อง เกรงว่าวันหน้าบางฝ่ายในราชสำนักยังต้องเอนเอียงมาทางเรา”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ในห้องก็อึ้งไป เหรินต้าถง เหยียนจวิ้นเฉวียน หยางจั้นสามคนก็ยิ้มเฝื่อน โหวเจินยิ่งนอบน้อมยิ่งขึ้น

“ใต้หล้าล้วนเป็นของฝ่าบาท ในราชสำนักล้วนมองไม่ออกหรือ?”

หยางจั้นบ่นพึมพำ ไม่ได้ให้ใครได้ยิน หวังทงเห็นบรรยากาศในห้องแปลกไป ก็กล่าวเสียงดังว่า

“ข้าลงทัณฑ์ ฝึกทหาร ก็เพื่อให้พวกเขาหาเรื่องเราไม่ได้ ขอเพียงเราไม่ทำผิด และจงรักภักดีฝ่าบาท ใต้หล้าผู้ใดก็ทำอันใดเราไม่ได้……”

ยังกล่าวไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกดังมาว่า

“ใต้เท้าผู้บัญชาการลั่วกลับมาแล้ว ยังมีกงกงตามมาถ่ายทอดราชโองการด้วย ขอทุกท่านออกไปรอที่โถงด้านหน้ารับราชโองการ”

ได้ยินหวังทงอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง เวลาช่วงเช้าหมดไปอย่างเร็ว นับเวลาดูก็ได้เวลาลั่วซือกงกลับจากประชุมราชสำนักแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอกลับมา ในวังก็มีราชโองการมา

ในห้องพากันหรี่ตามองหวังทง ช่วงเช้าได้ฟังหวังทงพูดมามากมาย ตอนนี้อยู่ๆ ในวังก็มีราชโองการมา ทุกคนล้วนคิดในใจ หรือว่าให้หวังทงเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร การจะให้ลั่วซือกงนั่งตำแหน่งนี้เฉยๆ ก็ไม่สู้ให้นายน้อยองอาจมากบารมีผู้นี้ดำรงตำแหน่งแทนไปเลย

ทุกคนคิดเช่นนี้ ก็ออกอาการเกรงใจหวังทงหลายส่วน คนรับใช้ด้านนอก ตามหลักแล้วก็ควรเรียนเชิญเหรินต้าถงออกไปก่อน คิดไม่ถึงว่าทุกคนไปยืนหน้าประตู กล่าวอย่างนอบน้อมว่า

“ใต้เท้าหวังเชิญก่อน”

หวังทงก็ไม่เกรงใจ ก้าวเท้ายาวออกไปทันที ทุกคนพากันเดินตามหลัง

************

“……ตั้งหน่วยวินัยทหาร กำลัง 500 ให้หวังทงดูแล ตั้งกองลาดตระเวน กำลัง 4,000 ให้หวังทงดูแล ตั้งหน่วยฝึกทหาร คัดเลือกทหารเก่ามาเสริมไม่จำกัด เรียกว่า หัวหน้าฝึก ให้หวังทงดูแล……หน่วยวินัยทหารเรียก สารวัตรทหาร มีหน้าที่ตรวจสอบองครักษ์เสื้อแพรที่ทำผิดกฎ……กองลาดตระเวนให้ปฏิบัติงานลาดตระเวนสืบคดี ลาดตระเวนนอกและในเมืองหลวงหากพบการกระทำผิด แล้วเจ้าหน้าทีท้องถิ่นไม่อาจปราบปราม ก็ให้ตามกองลาดตระเวนไปช่วย……หน่วยฝึกทหารฝึกทหารใหม่ วันหน้าผู้ใดก็ตามที่จะบรรจุเป็นองครักษ์เสื้อแพรทหารในพระองค์ ไม่ผ่านการฝึก ไม่ให้บรรจุ……”

ราชโองการยาวเป็นหางว่าว ขันทีประกาศราชโองการอ่านจนมึนไปหมด ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรคุกเข่ารับราชโองการ คนในที่ทำการทุกระดับล่วงต้องคุกเข่าพร้อมกัน

ตอนรับราชโองการ ย่อมต้องเงียบ แต่ขันทีอ่านได้ครึ่งเดียว ก็เริ่มมีเสียงหึ่งดัง องครักษ์เสื้อแพรหน่วยงานนี้ปกติก็จะตามออกไปถ่ายทอดราชโองการนอกเมือง ธรรมเนียมการรับราชโองการย่อมรู้ดี แต่เนื้อหาราชโองการนี้ฟังแล้วน่ำตกใจจนอดไม่ได้จริงๆ

“……ไม่เอ่ยถึงรองหรือผู้ช่วย เอ่ยแค่หวังทง……อ่อ ใต้เท้าหวัง……”

“……ตั้งหน่วยวินัยทหาร……มันไม่ใช่ว่าเกิน……”

ที่ประกาศมาทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกัน ล้วนเป็นเรื่องในหน่วยงานตน แต่ละคนจะอดใจไหวได้อย่างไร อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เหรินต้าถง เหยียนจวิ้นเฉวียนที่คุกเข่าอยู่ยังสีหน้ำตกใจ ไม่สนใจธรรมเนียมอันใดอีกแล้ว แม้แต่หยางจั้นที่เก็บท่าทีได้นิ่งกว่าก็ยังเงยหน้ามองตาค้าง

ภาพการถ่ายทอดราชโองการนี้ ขันทีถ่ายทอดราชโองการไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงดังจนเขาไม่อาจประกาศต่อไปได้ อดกระแอมไอขึ้นไม่ได้ ก่อนจะลดราชโองการลงกล่าวว่า

“ทุกท่าน ทุกท่าน รอให้ข้าอ่านราชโองการจบค่อยวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือไม่ ตอนประกาศห้ามส่งเสียงดังรบกวน นี่เป็นธรรมเนียม!”

คนในวังคบหากับองครักษ์เสื้อแพรมามาก ขันทีลดราชโองการลงมองไปยังสีหน้าคนที่คุกเข่าอยู่ก็สามารถเรียกชื่อได้หมด ไม่อยากฉีกหน้าเลยได้แต่เตือนไป

“พวกเจ้าหากยังมีธรรมเนียมก็ให้เงียบเดี๋ยวนี้!”

ลั่วซือกงตวาดขึ้นเบาๆ หวังทงหันไปกวาดตามอง วาจาลั่วซือกงยังมีคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่หวังทงหันไปกวาดตามอง ก็เงียบกริบทันที

ขันทีถ่ายทอดราชโองการผู้นั้นหันไปยิ้มให้หวังทง พวกที่คุกเข่าอยู่หวังทงไม่เห็น แต่เมื่อครู่มองไป เห็นท่าทีตกใจของทุกคน มีเพียงด้านหน้าสุดอย่างลั่วซือกงกับทางด้านหน้ำทางซ้ายอย่างหวังทงเท่านั้นที่นิ่งอยู่ได้ ขันทีถ่ายทอดราชโองการคิดสิ่งใดล้วนกระจ่างดี เขารู้ดีว่าสถานะหวังทงในวังคือระดับใด ย่อมต้องแสดงท่าทีประจบ

ขันทีแสดงท่าทีประจบ คนที่คุกเข่าอยู่ย่อมเห็นกัน ล้วนก้มหน้าลง คุกเข่ารับราชโองการเงียบๆ บรรดากงกงในวังยังต้องเอาใจนายท่านผู้นี้ วันหน้าต้องเอาใจรับใช้ให้เกินร้อยเสียแล้ว

หน่วยวินัยทหารตั้งขึ้นเป็นกองพัน และหน่วยวินัยทหารนอกจากผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรแล้ว ที่เหลือล้วนอยู่ในข่ายต้องสอบ หน่วยฝึกทหารกับกองลาดตระเวนล้วนอยู่ในการกำกับของหวังทง คนหวังทงตอนนี้ก็ 5,000 นาย อำนาจกับขอบข่ายงานไม่ต้องพูดถึง

หน่วยฝึกทหาร กองลาดตระเวนเป็นงานที่จับต้องได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหน่วยวินัยทหาร หน่วยงานในมือหวังทงแสดงให้เห็นว่าคนที่เข้ามาบรรจุเป็นองครักษ์เสื้อแพรไม่ว่าผู้ใด ทำหน้าที่ใด ก็ต้องอยู่ใต้อำนาจของหวังทง ราชโองการยังระบุชัดว่าไม่อยู่ใต้อำนาจหัวหน้าหน่วยงานคนอื่น ให้หวังทงดูแลคนเดียว คิดให้ดี ก็เท่ากับหวังทงไม่อยู่ใต้การกำกับขององครักษ์เสื้อแพร

หวังทงมีอำนาจจัดการ เขาเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรตัวจริง เขาก็คือฟ้าของที่นี่ตัวจริง

เมื่อวานที่ทำการผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรยังมีคนไม่พอใจ บอกว่าหวังทงไม่เห็นแก่หน้า ทำลายชื่อเสียง องครักษ์เสื้อแพร ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกพี่น้องกันเอง เช้านี้เห็นหยางจั้น เหรินต้าถงกับเหยียนจวิ้นเฉวียนนัดหวังทงมาก็คิดว่าหัวหน้าทั้งสามจะเอาเรื่องหวังทง ไม่อาจปล่อยให้เขาเหิมเกริมต่อไปได้

คิดไม่ถึงว่าพอตอนกลางวัน พอราชโองการมา ท้องฟ้าขององครักษ์เสื้อแพรก็เปลี่ยนไป ใต้เท้าหวังกุมอำนาจสำนักองครักษ์เสื้อแพรไว้เรียบร้อย อย่างน้อยตามชื่อหน่วยงานก็เป็นเช่นนี้

ขันทีประกาศราชโองการจบ ลั่วซือกงก็เข้าไปรับ สองฝ่ายท่าทีเกรงใจกันยิ่ง พอขันทีกลับไป ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน มองหน้ากันไปมา เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่มีมีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ก่อน สายตาไปรวมกันอยู่ที่หวังทง พยายามฉีกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เฮโลกันเข้าไป

“ใต้เท้าหวัง คืนนี้ท่านมีเวลาว่าง……”

“ใต้เท้า ข้าน้อยคือ……”

“ใต้เท้า ข้าน้อย……”

ที่ทำการอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นตลาดสด องครักษ์เสื้อแพรไม่สนใจธรรมเนียมใด พากันไปห้อมล้อมหวังทง เพื่อประสบเอาใจ พยายามแสดงเจตนาดีกันสุดฤทธิ์ ถึงกับต้องการแค่โผล่หน้าให้หวังทงเห็นพอให้จดจำได้ก็ยังดี

ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรลั่วซือกงถูกทิ้งให้ค้างเติ่ง ยังไม่ทันได้กล่าวอันใดกับหวังทง ก็มีคนเบียดเขาออกไปอย่างไม่สนใจ พอยืนได้มั่นคงแล้ว ลั่วซือกงก็พบว่าถูกเบียดออกมานอกประตูแล้ว เห็นสถานการณ์คึกคักตรงหน้าแล้ว ลั่วซือกงโมโหจนคิดด่ามารดา ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็คิดได้เรื่องหนึ่ง ตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรของตนยังคงอยู่……สนใจทำไมว่าอำนาจอยู่กับผู้ใด นั่งบนตำแหน่งไป อย่างไรก็ไม่มีผลเสียหาย

ลั่วซือกงที่ถูกกันอยู่วงนอกก็ยิ้มตาหยี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version