ตอนที่ 720 โจรบนหลังม้าเหิมเกริม
เจียงลั่งเป็นพ่อค้ามีชื่อในเมืองไท่หยวน การค้าของเขาก็คือการซื้อหาสมุนไพรต่างๆ จากหลายแหล่งในมณฑลซานซี จากนั้นนำไปขายยังทุ่งหญ้านอกด่าน อันนี้ก็ทำกำไรงาม
สมุนไพรเป็นยาช่วยชีวิต ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์เลี้ยงก็เช่นกัน ทุ่งหญ้านอกด่านมีพ่อมดหมอผีเต็มไปหมด ใช้พวกขี้สัตว์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งของคนมาเป็นยาย่อมไม่ได้ผลอันใด เทียบกับขยะพวกนี้แล้ว ยาแผ่นดินหมิงเรียกได้ว่าได้ผลน่าอัศจรรย์
พ่อค้าส่วนใหญ่ก็เหมือนกับในเมืองไท่หยวน เจียงลั่งอยู่นอกเมืองมีโรงบ้าน โรงบ้านมีโกดัง ส่งสินค้าที่สะสมในโกดังไปขายทุ่งหญ้า
ด้วยสถานะเจียงลั่ง ไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าไปขายทุ่งหญ้านอกด่าน แต่ให้บุตรชายเขานามว่าเจียงถัวนำคาราวานสินค้าไปแทน
กำไรก็เหมือนว่าก้อนมหาศาล ตระกูลเจียงก็ย่อมไม่เสียดายเงินเบิกทาง ทุกครั้งที่เจียงถัวออกนอกด่าน ทหารที่ด่านก็จะเกรงอกเกรงใจอย่างมาก
พอเจียงถัวมา ทหารเฝ้าด่านก็จะเตรียมอาหารอย่างดี นำทั้งชาและขนมมาต้อนรับ นายกองพันที่ด่านช่องเขาสังหารพยัคฆ์ก็จะคอยมายิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยอยู่ข้างๆ พอทหารตรวจสอบรถม้าเสร็จ เจียงถัวขมวดคิ้วกล่าวว่า
“ส่วนของเดือนนี้ส่งมาหรือยัง อย่าเป็นเพราะทำงานไม่แข็งขัน ทำให้พี่น้องทุกท่านเสียเวลาดื่มน้ำชา”
นายกองพันอึ้งไป ส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“คุณชายเจียงคิดมากไปแล้ว ท่านดูที่ด่านสิ มีนายกองในชุดมัจฉาเวหาด้วย ว่ากันว่าจะมีใต้เท้าใหญ่จากเมืองหลวงมา องครักษ์เสื้อแพรก็เลยทำงานแข็งขัน รีบมาจับตาดูการทำงานทุกคน พี่น้องเราไม่กล้าทำอะไรชักช้าแน่นอน อย่างไรก็ต้องขยันขันแข็ง”
กล่าวไปสองสามคำ นายกองพันก็เข้าไปกระซิบกล่าวว่า
“คุณชายเจียง ครั้งนี้นำคนไปด้วยหรือไม่ ให้พี่น้องระวังหลบๆ หน่อย!”
เจียงถัวยิ้มส่ายหน้ากล่าวว่า
“สาวงามเมืองต้าถงไม่อยากไปปรนนิบัติพวกมองโกล หมอที่อยากไปเมืองกุยฮว่าเฉิงก็ไม่มี จะพาคนไปด้วยได้อย่างไร”
พลิกค้นสินค้าไปสักพักก็ไม่พบอันใด เจียงถัวโยนให้ 10 ตำลึง กล่าวว่า ‘กลับมาค่อยดื่มกัน’ จากนั้นก็ขึ้นม้าจากไป ทหารองครักษ์เสื้อแพรที่มองอยู่ก็เข้ามารับไป 2 ตำลึง ทำเอาทหารเฝ้าด่านแอบด่าทอไม่หยุด
การที่การค้าสมุนไพรอยู่ๆ ทำเงินได้มากเช่นนี้ก็เพราะว่าเจียงลั่งใช้ทองจ้างหมอไปเมืองกุยฮว่าเฉิง หมอพวกนี้พอดูอาการให้พวกชนชั้นสูงนอกด่านแล้ว ตัวยาก็ย่อมขายได้เร็ว สร้างสายสัมพันธ์รอบด้าน มีเรื่องหนึ่งว่า ชนชั้นสูงเผ่าอันต๋าในเมืองกุยฮว่าเฉิงเบื่อสาวแดนตะวันตกกับมองโกลแล้ว จับสาวชาวฮั่นมาก็แข็งกระด้าง ท่วงท่าก็ธรรมดา คิดอยากได้สาวงามชาวฮั่นอรชรออดอ้อน ในเมื่อตระกูลเจียงคิดได้เรื่องการนำหมอมารักษา ก็ย่อมคิดได้เรื่องการนำสาวงามออกนอกด่านมา
อย่างไรก็เป็นการค้าทั้งนั้น ตระกูลเจียงจึงได้ไปรวมรวมซื้อหาสาวงามจากแหล่งต่างๆ ในเมืองต้าถงไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ยาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า การค้าขายมนุษย์ก็ย่อมดีเช่นกัน
เพียงแต่ค้าขายยาออกนอกด่านง่าย ขายผู้หญิงกลับยาก แต่ก็มีวิธี คนพวกนี้ทำทีเป็นคนงานติดตามกองคาราวานการค้าออกไป จากนั้นก็ให้ทหารชายแดนตรวจสอบไม่ละเอียดปล่อยผ่านไป
ยามนี้ฤดูใบไม้ร่วงที่ใกล้หนาวแล้ว ทุ่งหญ้านอกด่านใบไม้แห้งเหลือง ว่ากันว่าก่อนคาราวานค้าตระกูลเจียงออกไป ยังมีหิมะตกมารอบหนึ่ง แต่ก็ยังออกไป การค้าอื่นยามนี้ย่อมไม่ค่อยออกเดินทางกันแล้ว แต่การค้าสมุนไพรตระกูลเจียงกลับไม่แบ่งแยกฤดูกาล ชนเผ่าทุ่งหญ้านอกด่านหลายเผ่าซื้อกลับไปสะสมไว้ จะได้ไม่ต้องลำบากหาซื้อวันหน้า
ตกดึกก็ไปพักกับชนเผ่าเล็กๆ แถบนั้น คาราวานค้าตระกูลเจียงถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ว่าหัวหน้าเผ่าไปไหน คนในเผ่าตอบว่าไปทำธุระที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ยังมีคนคุ้นหน้าอีกไม่น้อย เผ่าเล็กๆ บนทุ่งหญ้านอกด่านคนเปลี่ยนหน้าอยู่ประจำ มีหน้าคนคุ้นเคยบ้างก็พอวางใจได้
เผ่าเล็กนี้ตั้งกระโจมพักให้พ่อค้าที่ผ่านทางไปมา ตกค่ำก็จะก่อกองไฟไว้ด้านนอก ด้านในก็อบอุ่นยิ่ง แต่สถานะคหบดีอย่างเช่นเจียงถัว แต่เล็กก็ไม่เคยต้องลำบาก ออกมาส่งสินค้าก็ย่อมไม่ลำบากตัวเอง จึงต้องมีกระโจมส่วนตัวที่นำมาด้วย
รู้กันว่านายน้อยเจียงไม่ชอบของมัน จึงนำผักจากเมืองไท่หยวนมาด้วย นายน้อยเจียงมีสถานะตำแหน่งบัณฑิตระดับซิ่วไฉ ตกค่ำอ่านตำรา ลูกน้องย่อมไม่รู้ว่าล้วนเป็นบทความบันเทิงเริงราคะ
นับแล้วอีกไม่กี่วันก็ถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง เจียงถัวมีสตรีสูงศักดิ์ที่สนิทกันในเมืองกุยฮว่าเฉิงนางหนึ่ง เทียบกับหญิงแผ่นดินหมิงแล้วก็แปลกไม่เหมือนใคร พอเจียงถัวคิดถึงนาง ในใจก็ร้อนรุ่ม กระโจมเจียงถัวมีเตาผิงไฟพิเศษ ทำให้กระโจมอบอุ่นยิ่งนัก
เจียงถัวผล็อยหลับไป แต่พอเที่ยงคืนกลับหนาวตื่นขึ้น พอลืมตาก็เห็นผ้าปิดกระโจมเปิดออก มีคนมายืนตรงหน้าเขาสองสามคน
เผ่าเล็กนี้แต่ไรมาก็วางใจได้ นับประสาอันใดกับตนนำผู้คุ้มกันมาด้วยหลายคน เกิดเรื่องได้อย่างไร เจียงถัวได้สติร้องดังลั่น
เสียงร้องขอความช่วยเหลือน่าสงสารดังไปทั่งเผ่าเล็กๆ นี้ แต่ไม่มีผู้ใดมาช่วย ที่ว่างที่จอดรถม้าไว้ ตอนนี้มีคบไฟสว่าง คนงานตระกูลเจียงถูกมัดกองอยู่ที่พื้น
“บิดาข้ารู้จักกับนายอำเภอเมืองไท่หยวน ตระกูลข้ายังรู้จักกับขุนพลกองกำลังมี่อวิ๋น เจ้าจับข้าไป จะนำภัยมาสู่……”
คนงานตระกูลเจียงพากันหนาวสันหลัง หลายคนที่พอมีประสบการณ์ได้ยินวาจาเจียงถัวก็ยิ่งกลัวจับใจ กล่าวเช่นนี้ ใช่ว่าเบื่อชีวิตหรือไง ไม่สังหารก็สังหารทิ้งเลย
“เจ้าลูกหมาเช่นเจ้า พวกข้าใช้ชีวิตบนทุ่งหญ้านอกด่าน พวกขุนนางแผ่นดินหมิงทำอะไรได้!!”
สำเนียงนี้เหมือนเป็นชาวเมืองเหลียวโจว พอเอ่ยขึ้น ก็มีภาษามองโกลดังขึ้นตามมา คนตระกูลเจียงบางคนรู้จักภาษามองโกล ฟังเข้าใจความหมาย รู้ว่าตะโกนให้หุบปาก
มีชาวมองโกลและชาวฮั่น ดูท่าแล้วไม่ใช่กองกำลังที่ใด ก็คงเป็นโจรบนหลังม้า แต่พื้นที่เมืองกุยฮว่าเฉิงกับเมืองต้าถงนี้เป็นพื้นที่ของเผ่าอันต๋ากับขุนพลเมืองต้าถงให้ความคุ้มครองไม่ใช่หรือ คิดกล้าทำการนี้ ไม่กลัวถูกสองฝ่ายนี้รุมล่าสังหารไร้ที่ฝังหรืออย่างไร
ได้ยินภาษามองโกล เจียงถัวก็ยิ่งได้ใจ ตะโกนไปว่า
“ข้ากับข่านเซิงเก๋อตูกู่เหลิงก็รู้จักกัน……”
กล่าวไม่ทันจบ ก็ถูกคนผู้หนึ่งจับโยนลงพื้น ใช้ด้ามดาบทุบไปสองสามที เจียงถัวไหนเลยเคยเจอกับเรื่องเช่นนี้ ถูกทุบจนกลิ้งไปกลิ้งบนพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวน
“อย่าขยับ อยู่นิ่งๆ แต่โดยดี ผู้ใดกล้าขยับ ข้าจะเอาทั้งของและชีวิตพวกเจ้า!!”
เห็นโจรร้ายที่โหดร้ายเช่นนี้ ผู้ใดกล้าพูดมาก กล้าขยับตัวกัน ได้แต่มองโจรค้นทรัพย์แต่ละคนไปตาปริบๆ รถก็เอาไปด้วย
สุดท้ายทุกคนในกองคาราวานก็ถูกผ้าดำปิดตา ไม่รู้ว่านานเท่าไร พอฟ้าสาง จึงมีคนมาดึงผ้าปิดตาออก พอเห็นเป็นคนเผ่าเล็ก สีหน้าหัวหน้าเผ่าก็ดูร้อนรน พอถามจึงได้รู้ว่า หลายวันก่อนมีกองโจรม้ามาล้อมไว้ร่วมร้อย จับคนที่ไม่ยอมหยุดนิ่งให้จับไปมัดไว้ ตกค่ำก็สร้างกับดักล่อ รอทุกคนหลับไม่ทันป้องกัน จึงได้จัดการทีละคน
“ไหนเจ้าบอกว่าเคยเป็นทหารซุนต้าอิง โจรวางแผนเช่นนี้ดูไม่ออกหรือไง!”
“……ตอนพวกมันเข้ามา ข้าก็รู้ตัว หยิบดาบขึ้นสู้ แต่ถูกอัดไปหนึ่งหมัดล้มลง มารดามันสิ โจรบ้าอะไรเก่งเพียงนี้……”
เจียงถัวย่อมไม่ได้ฟังหัวหน้ากับพวกคนคุ้มกันวิพากษ์วิจารณ์ ในใจเขาทั้งกลัวและโมโห โจรบัดซบพวกนี้ ถึงกับกล้าปล้นสินค้าตระกูลเจียง ถึงกับกล้าลงมือกับเขาต่อหน้าทุกคน สมุนไพรนี้ส่งไปเมืองกุยฮว่าเฉิง อย่างน้อยก็กำไรหมื่นห้ากันตำลึงเห็นๆ ตอนนี้ถูกปล้นไปหมด กลับไปรายงานอย่างไรดี
“นายน้อย ทำไงดี?”
“เจ้าขี่ม้าไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ไปติดต่อชนชั้นสูงที่นั่น บอกว่าสมุนไพรพวกเขากองโจรม้าปล้นชิงไปหมดแล้ว พวกเรากลับเมืองต้าถงไปแจ้งทางการก่อน!!”
เจียงถัวเข้าใจดี เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลเจียงเขาทำอันใดไม่ได้ ส่วนเรื่องค่าเสียหายสมุนไพรครั้งนี้จะจัดการอย่างไร ต่อกรกับกองโจรม้าพวกนี้ไม่ง่าย เผ่าเล็กทุ่งหญ้านอกด่านล้วนยินดีนำเงินทองและสัตว์เลี้ยงมาแลกเปลี่ยนแน่นอน ยาที่ตระกูลเจียงนำมาอำนวยความสะดวกให้เผ่ามองโกลที่เมืองกุยฮว่าเฉิงนี้ ไม่น้อยที่นำมาเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ ของพวกนี้ ชนเผ่าต่างๆ ล้วนต้องการ
สีหน้าเจียงถัวโมโหบูดเบี้ยว กัดฟันกรอดคิดว่า รอให้จับกองโจรม้าพวกนี้ได้ก่อนเถอะ จะต้องมองดูพวกมันถูกดาบฟันเป็นหมื่นชิ้นด้วยตาตนเองให้ได้ สับเป็นชิ้นไปเลี้ยงสุนัขป่านอกด่าน
อีกทางหนึ่งของเผ่าเล็ก มีคนกำลังทุบอกชกตัวส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญดัง กองค้าที่มากับตระกูลเจียงย่อมไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร สินค้าถูกกวาดไปเรียบ ดีที่กองโจรม้ายังมีน้ำใจ เหลือรถม้าไว้ให้พวกเขา
*************
ต้นเดือนแปดมา ขบวนพ่อค้ามณฑลซานซีไปเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เริ่มน้อยลง ไม่ว่าคาราวานค้าตระกูลหวงที่ถือว่าเป็นพ่อค้าลำดับต้นๆ ในมณฑลซานซี หรือร้านยาใหญ่ตระกูลเจียง ก็ล้วนถูกกองโจรม้าบนทุ่งหญ้านอกด่านปล้นไปหมด พ่อค้าเล็กๆ คนอื่นๆ ก็โดนเช่นกัน
อันต๋ากับแผ่นดินหมิงมีสนธิสัญญา พ่อค้าออกนอกด่านทำการค้าไม่ผิด ถูกปล้นบนทุ่งหญ้านอกด่าน พ่อค้าไปหาทางจากสายสัมพันธ์บนทุ่งหญ้านอกด่านจัดการกันเอง หรืออาจไปแจ้งทางการ พ่อค้าเล็กๆ ย่อมได้แต่ไปแจ้งทางการ
คำร้องกับหนังสือขอความช่วยเหลือกองเต็มห้องทำงานทางการ ดีที่การเคลื่อนไหวของกองโจรไม่เกินเลย สังหารไปไม่เกิน 10 พ่อค้าเล็กๆ ฟ้องมาไม่สนใจช่างมัน แต่พ่อค้าใหญ่ เบื้องหลังมีคนระดับใหญ่โตหนุนหลัง ไม่สนใจไม่ได้
ตอนนี้มีใต้เท้ามาจากเมืองหลวง เรื่องเสื่อมเสียฉีกหน้าเช่นนี้ หากให้ใต้เท้ารู้เข้า ก็คงเสียหน้าทุกคนที่นี่ นายท่านหากกลับไปรายงานฮ่องเต้ ทุกคนก็ย่อมพากันซวยไปหมด อย่างไรก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งทางการทุกหน่วยหารือจัดการเรื่องนี้ให้ได้
ต้นเดือนเก้า หวังทงก็ถึงเมืองไท่หยวน หวังทงเรียกประชุมขุนนางทุกคนในพื้นที่ ณ ที่กำการกรมปกครองมณฑลซานซี ผู้ตรวจการมณฑลซานซี เจ้ากรมปกครองมณฑลซานซี นายอำเภอเมืองไท่หยวน นายอำเภอเมืองต้าถงล้วนมากันครบ