ตอนที่ 732 อ๋องแล้วอย่างไร
ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ที่เป็นอ๋องเชื้อพระวงศ์พระนามเดียวนั้นมีแต่ชนชั้นสูงสุด และอ๋องไต้ที่ได้รับแต่งตั้งมาตั้งแต่ตั้งแผ่นดินมาก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่ก็เพียงแค่ไม่เหมือนอ๋องคนอื่นเท่านั้น
เชื่อพระวงศ์อย่างไรก็เป็นรองฮ่องเต้ เชื้อพระวงศ์ระดับในระดับนอกนั้นต่างกัน อ๋องบางคนอาจมีขันทีรับใช้ได้ ในจวนอ๋อง หัวหน้าคุมงานขันทีก็เรียกว่าหัวหน้าขันที คำว่าขันทีนี้เป็นใหญ่ก็แต่ในจวน หากออกไปข้างนอก ก็ไม่เท่าไร
จวนอ๋องไม่มีอำนาจรับขันทีเอง ต้องให้ราชสำนักส่งมาให้ หัวหน้าขันทีผู้นี้ก็เหมือนในวังส่งระดับหัวหน้ามาให้ แน่นอน ระดับนี้ย่อมทำงานได้มีความรอบคอบลึกซึ้งและมาเป็นเหมือนคนคอยจับตา ราชสำนักแผ่นดินหมิงระวังป้องกันบรรดาอ๋องอย่างมาก แม้ตอนนี้เลี้ยงดูเหมือนเลี้ยงสุกร แต่ก็ยังคงต้องส่งคนมาคอยจับตา
หัวหน้าขันทีผู้นี้ต่อหน้านายต้องแสดงท่าทีนอบน้อมมีมารยาทตามธรรมเนียม แม้เห็นภรรยาน้อยซื่อจื่อก็ยังต้องเกรงใจ
แต่ทุกคนในจวนไม่อาจเพราะว่าท่าทีเกรงใจแล้วจะวางตัวเหนือได้ ในสมัยฮ่องเต้เจียจิ้งมีเหตุการณ์หนึ่ง มีจวิ้นอ๋องสองคน เพราะขันทีไปรายงานพฤติกรรมฉาวโฉ่ หนึ่ง ถูกจับไปลงโทษ สอง ถูกบังคับให้ปลิดชีวิตตนเอง หากย้อนกลับไปในอดีตไกลกว่านี้ก็ยังมีตัวอย่างอีกมากมาย
อ๋องไต้โมโหสบถออกมา ‘ก่อความวุ่นวายยิ่งมาก’ แต่อย่างไรก็ต้องให้หลิวเกิ่งซูเข้ามา หัวหน้าขันทีในจวนอ๋องย่อมอายุไม่มากนัก เพราะมีความซับซ้อนบางอย่าง ดังนั้นสามสี่ปีจึงเปลี่ยนคนที หลิวเกิ่งซูผู้นี้อายุสามสิบกว่าได้ รูปร่างผอมเกร็ง พอเข้ามาก็คำนับอ๋องไต้ พระชายาและซื่อจื่อ
“มีเรื่องอันใดรีบรายงาน ที่นี่ยังมีเรื่องสำคัญหารืออีก!”
พระชายากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกรำคาญ หลิวเกิ่งซูรับคำ จากนั้นก็เงยหน้ายืดตัวตรง อ๋องไต้หรี่ตามอง ปกติหลิวเกิ่งซูพูดจาเจรจาก็มักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า วันนี้กลับดูเย็นชา
“ท่านอ๋อง พระชายา ซื่อจื่อ วันนี้เรื่องร้านค้าตระกูลหวง ข้าน้อยเองก็รู้มาแล้ว ขอท่านอ๋องบอกหน่อยว่าเรื่องนี้ท่านคิดจะจัดการเช่นไร!?”
หลิวเกิ่งซูท่าทีอยู่ๆ ก็แข็งกร้าวไม่อ่อนโยนเช่นนี้ ทำเอาพระชายาที่โมโหอยู่ก่อนแล้วก็รีบแย่งตำหนิขึ้นก่อนว่า
“เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องที่คนระดับเจ้าจะมาเอ่ยถามหรือ อย่าลืมสถานะตนเอง ไสหัวไป แม้มีคนในวังให้การปกป้องเจ้า ข้าก็ยังใช้กฎในจวนอ๋องลงโทษเจ้าได้”
วาจารุนแรงไม่น้อย ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย สีหน้าหลิวเกิ่งซูแข็งกร้าว ปรากฏรอยยิ้มเยียบเย็น กล่าวว่า
“เมื่อคืนข้าออกไปเพราะบิดาบุญธรรมเรียกไปพบ มีวาจากำชับมาให้มาทูลท่านอ๋องและพระชายา หากเรื่องร้านค้าตระกูลหวงมีอันใดไม่ถูกต้องอีก ก็จะเขียนฎีกาไปเมืองหลวงทูลว่าอ๋องไต้สบคบคิดกับพวกนอกด่านนานแล้ว”
เริ่มใช้คำว่า ข้า แทน ข้าน้อย จะยังคงยึดถือสถานะอันใดกันอีก แต่พวกอ๋องไต้เจ้านายทั้งสามคนนี้ กลับกล่าวอันใดไม่ออก ได้ยินเสียงตึงดังขึ้น เป็นซื่อจื่อไม่ระวังปัดถ้วยชาหล่นลงพื้น พื้นปูพรมหนาย่อมไม่แตก ขันทีและนางกำนัลรับใช้ด้านนอกไม่มีชะโงกหน้าเข้ามาดู เห็นได้ว่าหลิวเกิ่งซูสั่งไว้ก่อนหน้าแล้ว
“……หลิวกงกง ร้านค้านั้นท่านก็มีหุ้นหนึ่งส่วน สามสี่ปีมานี้หลิวกงกงก็แบ่งไปหลายหมื่นตำลึง……”
“ข้าทำไมไม่รู้เรื่องนี้ มีใบเสร็จ มีหลักฐาน? อย่าเอาบัญชีที่จดไว้มาใส่ร้ายข้า ข้ารู้เรื่องไม่น้อย เช่นว่าจวิ้นอ๋องบางคนแอบต้องตาหญิงสาวสายเชื้อพระวงศ์ห่างไกล รับมาเป็นภรรยาน้อย เช่นว่าจวิ้นอ๋องบางคนชอบผู้ชาย ทำให้เด็กชายตายไปหลายคน……”
หลิวเกิ่งซูมาทำงานในจวนอ๋องไต้ จะไปรู้เรื่องจวิ้นอ๋องที่ไหนกัน คิดแล้วว่าคงเป็นบุตรชายอ๋องไต้ทั้งหลายนั่นเอง กล่าวเช่นนี้ สีหน้าพระชายาอ๋องไต้ก็แปรเปลี่ยน หลิวเกิ่งซูมาทำงานในจวนนี้นานไม่น้อย แม้ยังคงธรรมเนียมแบบเมื่อก่อนที่ให้ผลประโยชน์ไม่น้อย แต่ก็ย่อมรู้เรื่องส่วนตัวความลับไม่น้อยเช่นกัน เรื่องพวกนี้หากไปแจ้งยังเมืองหลวง เกรงว่าทั้งจวนอ๋องไต้หรือแม้แต่พวกที่ได้รับแต่งตั้งออกไปเป็นจวิ้นอ๋องก็คงต้องถูกปลดจากบรรดาศักดิ์หรือให้ปลิดชีวิตตัวเองก็เป็นได้
อยู่ดีกินดีมีชีวิตสุขสบายมาทั้งชีวิต หากต้องมาสิ้นลงในพริบตา ผู้ใดจะทานทนได้ พวกอ๋องไต้ทั้งสามพากันสีหน้าแปรเปลี่ยน สุดท้ายเป็นอ๋องไต้ฝืนยิ้มกล่าวว่า
“หลิวกงกงล้อเล่นอันใดกัน พวกคนงานร้านค้าตระกูลหวงไม่กี่คนแอบข้าลักลอบทำการกันเอง วันนี้ได้รู้แล้ว ย่อมไม่ปล่อยไว้ หวังทงลงโทษไปก็ดี เพราะหากปล่อยกลับมาข้าก็คงไม่เลี้ยงไว้”
“ท่านอ๋อง……”
พระชายาคิดกล่าวอันใด ก็ถูกสายตาอ๋องไต้ตำหนิให้ถอยกลับไป กลับเป็นซื่อจื่อที่อดกลั้นอยู่นานแล้ว กล่าวว่า
“หลิวกงกง หวังทงก็แค่รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร อ๋องไต้เป็นถึงอ๋อง เจ้า ยังมี……”
หลิวเกิ่งซูก้มหน้าลงทำเป็นนอบน้อม กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“ท่านอ๋อง พระชายา ซื่อจื่อ ข้าน้อยรายงานจบแล้ว ขอตัวก่อน!”
พอกล่าวจบก็ถอยไป ตอนถอยออกไปเหมือนกับตอบ แต่ก็เหมือนพูดกับตนเองว่า
“เมืองต้าถงนี้ก็แค่เมืองห่างไกล มาอยู่ที่นี่นาน เหมือนโลกจะแคบลงสักหน่อย ไม่รู้ว่าใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงใด หวังทงระดับไหนกันแล้ว……”
พอหลิวเกิ่งซูออกไป ในห้องแม้ยังอบอุ่นเช่นเดิม แต่เหมือนว่าหนาวเหน็บขึ้นมาก ทั้งสามคนในห้องสบตากันไร้วาจาเอื้อนเอ่ย
หลิวเกิ่งซูพูดถึงบิดาบุญธรรมนั้นก็คือ ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินแห่งเมืองต้าถง พวกขันทีที่ได้ออกมาปฏิบัติหน้าที่นอกวัง นอกจากมีสายสัมพันธ์ในวังดีแล้ว ข้างนอกย่อมมีสายสัมพันธ์กับคนระดับสูงไม่เบา ขันทีคุมเสบียงเมืองต้าถงย่อมสถานะสูงกว่าที่อื่น หลิวเกิ่งซูขอฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมสวีเหวินมาตั้งแต่ในวัง พอสวีเหวินได้ออกนอกวัง ก็เลยพาเขามาไว้ที่จวนอ๋องด้วย
***************
ภรรยาน้อยอ๋องไต้ไม่รักษาธรรมเนียมให้ดีงาม จึงปลิดชีพตัวเองไป จวนอ๋องมีสตรีตายไปนางหนึ่ง ขุนนางท้องที่ย่อมทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องสกปรกอันใด
แต่ข่าวนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ภรรยาน้อยคนโปรดท่านอ๋องนี้เป็นน้องสาวจือวั่นชางร้านค้าตระกูลหวง จือวั่นชางอาศัยน้องสาวจนได้ปีนมาสู่ตำแหน่งนี้ในร้านค้าตระกูลหวง
ที่หลายคนเคยเดาว่าจวนอ๋องไต้จะมีการเคลื่อนไหวใดนั้นหามีไม่ กลับเป็นจวนอ๋องไต้เองที่จัดการคนที่เกี่ยวข้องในร้านค้าตระกูลหวงเอง
แสดงให้เห็นว่า จวนอ๋องไต้ยอมก้มหัวให้หวังทงแล้ว ไม่สิ พูดให้ชัดก็คือจวนอ๋องไต้โขกศีรษะให้หวังทงแล้ว ผู้แทนพระองค์ท่านนี้มีความสามารถระดับใดกัน ถึงกับทำได้เช่นนี้
เดากันไปต่างๆ นานาน แต่ทุกคนก็ไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัวอีก ทุกคนรู้แล้วว่า ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีที่ถูกแย่งอำนาจการสั่งการไปมากที่สุดหลังหวังทงได้รับแต่งตั้งนั้นไม่แสดงท่าทีอันใดแม้แต่น้อย ดูท่าเขาคงรู้ก่อนแล้วว่าหวังทงเป็นคนใหญ่คนโตระดับใด ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าโดยแท้
หวังทงออกคำสั่งในเมืองต้าถง ปฏิบัติการก็ได้ประสิทธิภาพรวดเร็ว โกดังสินค้าร้านค้าตระกูลหวงล้วนถูกขนไปยังกองกำลังฝ่ายขวาเมืองต้าถง สินค้าที่ไม่ต้องการใช้ก็นำออกขาย ณ ที่นั้น ราคาแค่เจ็ดส่วนจากราคาท้องตลาด มณฑลซานซีเดิมก็เป็นแหล่งการค้าสำคัญ บรรดาพ่อค้าย่อมคิดการไว ราคาเพียงเจ็ดส่วนก็แสดงว่าทำกำไรได้จำนวนมาก มีพ่อค้าจากเมืองผิงหยางและเมืองไท่หยวนรีบมาซื้อ ใช้เวลาไม่นานก็ขายเกลี้ยง หากหน้าร้านไม่มีคนกล้าซื้อ กลัวว่าจะเกิดเหตุตาลปัตร หากสินค้าเป็นที่ต้องการของทุกคนยิ่ง
หากเทียบกับการขายสินค้าแล้ว โรงตีเหล็กและโรงช่างไม้ในสังกัดร้านค้าตระกูลหวงถูกนำตัวไปใช้งาน พวกช่างเดินทางไปยังกองกำลังฝ่ายขวาเมืองต้าถง เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดสนใจ
ปลายเดือนสิบเอ็ด อากาศยิ่งหนาวเหน็บลง หวังทงได้ข่าวมาว่า กองกำลังหู่เวยเดินทางเข้าสู่เมืองไท่หยวนแล้ว อีกหนึ่งเดือนกว่า ระดับการเดินทัพเช่นนี้ รวมถึงบรรดาเสบียงต่างๆ ที่รวบรวมมากันครบ ทุกอย่างก็ใกล้แล้ว
เทียนจินสะสมสินค้าจากทางทะเล และยังมีรถม้าที่บรรทุกได้มากและเร็วกว่าปกติด้วยม้าเทียมสี่ตัว ย่อมเดินทางได้เร็ว
กองกำลังสองหมื่นจากเมืองจี้โจวคาดว่าจะมาถึงช้ากว่ากองกำลังหู่เวยราว 20 วัน แต่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เช่นนี้ก็ย่อมต้องตกใจในประสิทธิภาพของทหารที่ชีจี้กวงฝึกมาแล้ว
พอได้ข่าวนี้ หวังทงก็จะเร่งเดินทางไปยังกองกำลังฝ่ายขวาเมืองต้าถงเพื่อจัดการเรื่องการเตรียมการรบ รองแม่ทัพ หม่าต้งเดือนก่อนหน้าก็ไปถึงแล้ว ผู้แทนพระองค์ออกเดินทาง ขุนนางในเมืองต้าถงทุกระดับย่อมต้องมาส่งเดินทาง ตามระเบียบ จวนอ๋องไต้ก็ต้องส่งคนมาเป็นตัวแทนเช่นกัน
หลังกล่าววาจากันตามมารยาทตามธรรมเนียมแล้ว หวังทงก็ตอบกลับตามมารยาท ตบท้ายด้วยคำสำทับปิดท้ายไปว่า
“แม้ข้าไม่อยู่เมืองต้าถง แต่ก็ยังเป็นผู้บัญชาการเมืองต้าถง ขอทุกท่านจดจำไว้ให้ดี”
บางคนอึ้งไป บางคนฟังเข้าใจ ผู้ตรวจการเมืองต้าถงเหมยเหวินจิ้นอีกครึ่งเดือนก็ต้องเดินทางไปยังกองกำลังฝ่ายขวาเมืองต้าถง เขาฟังเข้าใจ รีบกล่าวว่า
“ขอใต้เท้าผู้แทนพระองค์วางใจ ที่นี่ทุกคนรับทราบแล้วไม่ต้องกังวล!”
หวังทงพยักหน้า ออกหน้าประตูขึ้นม้า ทหารติดตามเตรียมตัวพร้อมแล้ว ทุกคนวิ่งกันออกไปอย่างรวดเร็วฝุ่นตลบ บอกว่าทุกคนเข้าใจ แต่แท้จริงแล้วยังมีคนไม่เข้าใจ อย่างไรก็ต้องใช้โอกาสนี้ถามสักหน่อย
“……ผู้แทนพระองค์บอกว่า เขาไม่อยู่เมืองต้าถง ทุกอย่างให้ทำตามที่เหมือนตอนเขาอยู่ ไม่เช่นนั้นกลับมาจะลงโทษให้หมด……”
ทุกคนจึงได้เข้าใจกระจ่างกันทุกคน
***************
ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือสังหารคนกลางถนน ไม่มีผู้ใดกล้าฉีกธงก่อการตามอำเภอใจ เพราะทุกคนรู้บารมีและกำลังทหารของราชสำนักดี
ทุ่งหญ้านอกด่านในเขตควบคุมของเผ่าอันต๋า โดยเฉพาะใจกลางอย่างเมืองกุยฮว่าเฉิง โจรทุ่งหญ้านอกด่านกับกองโจรม้าย่อมไม่ปรากฏตัว เป็นเพราะบารมีและกำลังทหารที่เข้มแข็ง แม้ว่าเป็นเส้นทางค้าที่รุ่งเรืองที่สุดบนทุ่งหญ้านอกด่าน
แต่พอข่าวขบวนพ่อค้าแผ่นดินหมิงกับขบวนพ่อค้าเผ่าอันต๋าถูกปล้นเริ่มแพร่กระจายออกไป คนนอกมองดูแล้วล้วนเห็นว่าเป็นเพราะกำลังทหารและบารมีเผ่าอันต๋าอ่อนแอลง เริ่มแรกมีกองโจรม้ารวมตัวกันมา ต่อมามีพวกเผ่าเล็กรวมตัวกันมา มาดูแลว่ามีผลประโยชน์ใดให้เก็บเกี่ยวหรือไม่
ทุ่งหญ้านอกกำแพงตอนเหนือของเมืองต้าถงยิ่งวุ่นวาย ทหารม้าเผ่าอันต๋าออกมาเคลื่อนไหวหนานแน่นขึ้น………