Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 749

ตอนที่ 749 สังหารราชทูตรอรบ

เห็นเพื่อนทหารด้วยกันสิบกว่านายถูกลงโทษตัดหัวทิ้งไปด้านนอก ทหารม้าต้าถงเริ่มเอะอะ แต่พอเห็นทัพกองกำลังหู่เวยแต่ละหน่วย ก็เงียบลงด้วยความหวาดกลัว

แม้กล่าวว่าพวกเขาก็เป็นทหารม้า และจำนวนทหารม้าเมืองต้าถงยังมากกว่ากองกำลังหู่เวยทหารม้าสองเท่า แต่พลปืนไฟกองกำลังหู่เวย และยังทหารม้าเมืองจี้โจวที่ดุเหมือนเสือพวกนั้น ล้วนทำให้ทหารม้าเมืองต้าถงเข้าใจได้ว่า หากลงมือ เกรงว่าสองฝ่ายนี้คงลงมือสังหารพวกตนทิ้งหมดเกลี้ยงเป็นแน่

สองวันก่อนไปเผาสังหารเผ่าต่างๆ ของพวกนอกด่าน ทหารเมืองต้าถงล้วนเก็บเกี่ยวได้ไปไม่น้อย บนสนามรบอาจตายได้ แต่ตายสมเหตุ ทว่าหากต้องมาตายไปพร้อมกับพวกตนหมดเกลี้ยงเช่นนี้ เรียกได้ว่าซวยมาก เงินทองที่หามาได้ไม่เพียงแต่หมดกัน แม้แต่พ่อแม่ลูกเมียก็พลอยลำบากไปด้วย

“เจ้าลูกหมา ช่างไม่รู้ความ ปล้นมันมือหรือไง!? หากปะทะพวกนอกด่านเข้า ยังไงก็ตายอยู่ดี หากถูกจับตัวไปได้ ถูกทางนั้นข่มขู่บังคับ หรือว่าไม่ตาย สมน้ำหน้า ตัดได้ดี!”

เห็นว่าขอไม่ได้ผล หม่าหย่งจึงได้แต่ด่าทอแทน ทหารม้าเมืองต้าถงเดิมเป็นทหารในเมืองต้าถงกับทหารในสังกัดตนรวมกัน เริ่มออกรบตอนแรก เรื่องโหดเหี้ยมที่หวังทงกระทำทำให้พวกเขาหวาดกลัว จึงยอมอยู่ในระเบียบเชื่อฟังอย่างดี

แต่หลังจากไปกวาดล้างพวกเผ่ามองโกลมาครานั้น เผาสังหารกับปล่อยให้กระทำ ทำให้พวกเขาเก็บอาการไม่อยู่ ยังคิดว่าเรื่องพวกนี้หวังทงคุมไม่เข้ม

ตอนไปครานั้นได้ติดไม่ติดมือมา แต่อย่างไรก็มีมากมีน้อย เห็นคนอื่นได้มากกว่า ตนเองก็ย่อมยอมรับไม่ได้ จึงใจกล้านัดกันออกไปอีกรอบ

ทุ่งหญ้านอกด่านมีเผ่าเล็กๆ หลายสิบหรือร่วมร้อยคน ทัพทหารย่อมไม่ทำอันใดพวกเขา พวกเขาไปหลบไกล กลับถูก ทหารม้าเมืองต้าถงเห็นเข้า คิดหลบออกไปจัดการพลการ

ทหารม้า 10 กว่านายมาถึง กวาดล้างเผ่าเล็กนั้นหมดสิ้น รอจนกลับมา ยังไม่ทันได้คุยโวกับเพื่อนทหารด้วยกัน ก็ถูกทหารติดตามหวังทงจับไปลงทัณฑ์ด้านนอก

“ข้าให้พวกเจ้าทำอะไร พวกเจ้าจึงทำอันนั้นได้ หากไม่รักษาวินัยกระทำพลการ ก็ย่อมเรียกได้ว่าฝ่าฝืนวินัย ทหารเดินทัพออกศึก แม่ทัพไม่ตีด้วยกระบอง หากตัดหัวทันที หากคิดว่าคอแข็งกว่าดาบก็ออกไปทำการเหิมเกริมได้เลย!”

หัวสิบกว่าหัวเลือดสาดอยู่ที่พื้น พลปืนไฟกับทหารม้ากองกำลังหู่เวยแสดงอานุภาพแล้วนั้น ทำให้ทุกคนเงียบกริบไม่กล้าเอ่ย ทำให้วินัยทีเหมือนเริ่มหย่อนยานนั้นกลับมาเข้มงวดอีกครั้ง

************

“ทัพใหญ่เดินทัพตรงไปทิศทางนี้ จากการที่จับตัวสายสืบสอดแนมมาได้ พวกนอกด่านตอนนี้น่าจะอยู่ห่างจากเมืองกุยฮว่าเฉิงสองสามลี้ หรืออาจตั้งทัพรอเราอยู่ที่เมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว!”

ทุ่งหญ้าตอนเหนือเมืองต้าถงไม่ใช่พื้นที่ลึกลับอันใด แต่ทางการแผ่นดินหมิงยังคงไม่มีแผนที่โดยละเอียด แผนที่ใน ตอนนี้ เป็นแผนที่เมื่อก่อนนี้ เป็นแผนที่ได้จากพวกพ่อค้าร่วมกันเขียนขึ้น แล้วปรับปรุงมา

ในกระโจมไฟส่องสว่าง พวกหวังทงกำลังนั่งหารือกันอยู่หน้าโต๊ะ บนโต๊ะปูแผนที่ไว้ หวังทงใช้มือจิ้มไปที่เมืองกุยฮว่าเฉิงอย่างแรงสองสามที

“เดินทางอีกวัน ทหารม้าเคลื่อนไหวเร็ว พวกนอกด่านใช่ว่าจะรอเราอยู่นอกเมือง บางทีอาจจะใช้ยุทธวิธีดักหลังเรา จากนั้นส่งทหารโจมตีเราจากสองปีก ถึงตอนนั้นบุกโจมตีพร้อมกัน”

หยางจิ้นนิ่งเงียบ เกรงว่าที่หวังทงวิเคราะห์จะง่ายดายไปสักหน่อย ตอนนี้อยู่พื้นที่ทุ่งหญ้า ทหารม้าพวกนอกด่านเคลื่อนไหวว่องไว และคุ้นเคยพื้นที่ ย่อมต้องเตรียมการรับมือต่างๆ นานา หวังทงกล่าวมานั้นง่ายเกินไป พวกนอกด่านออกรบมานานปี จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

“รองแม่ทัพหยาง เรามีทางเผื่อถอยไว้ไหม?”

หวังทงเงยหน้าขึ้นจากแผนที่ ถามเสียงเรียบ หยางจิ้นยังไม่ทันตอบ สีหน้าหม่าหย่งก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน อุทานทอดถอนใจเบาๆ หยางจิ้นกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ในเมื่อกับแม่ทัพใหญ่มาถึงนี่แล้ว ไหนเลยเหลือทางเผื่อถอยไว้ พ่ายแพ้เมื่อใดแม้ว่าสามารถกลับแผ่นดินหมิง เกรงว่าก็คงต้องเอาหัวตนเองไปขอรับผิด”

หวังทงถามเรื่องการจัดการทางทหาร หยางจิ้นกลับตอบเรื่องอื่น แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขากังวลสิ่งใด หม่าหย่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง

มาถึงที่นี่แล้ว กังวลไว้จะมีประโยชน์อันใด หวังทงไม่ต่อความ หากกล่าวต่อว่า

“เสบียงพวกเรานำมาเอง ก็หมายความว่า ทหารม้าพวกนอกด่านหากโจมตีเรา ที่จะโจมตีก็คงเป็นทัพใหญ่เราทางนี้ แต่พวกเรามีทัพค่ายรถศึก โจมตีอย่างไร จะมาจากทิศทางไหน พวกเรารวมกำลังเป็นหนึ่งผนึกกำลังป้องกัน คอยโอกาสตีโต้ พวกเขาไม่ว่ามาจากด้านหลังหรือด้านข้างสองปีก ก็ล้วนต้องอาศัยความเร็ว แต่พอใช้ความเร็วก็ย่อมไม่อาจพกอาวุธหนักมาด้วย ม้ามาด้วยแรงกำลังไม่มาก ใช่ว่ามารนหาที่หรือ?”

ขันทีคุมเสบียงไช่หนานนั่งอยู่ทางหนึ่งไม่ออกความเห็น ยามนี้กลับแทรกขึ้นว่า

“ไม่มีเส้นทางเสบียง ไม่มีที่เก็บเสบียง สองวันนี้พวกนอกด่านน่าจะรู้แล้ว รถใหญ่เรามากมายเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องมีพอสมควร พวกนอกด่านย่อมเข้าใจข้อนี้ดี”

“ขันทีไช่กล่าวได้ถูกต้อง ทัพเราเสบียงจำกัด ตุนไว้มากเพิ่มเพียงวันเดียว ก็คือหากเปลืองเสบียงเพิ่มอีกวัน ทัพเราก็จะตื่นตระหนกแล้ว พวกเราได้เปรียบเรื่องนี้กับเรื่องที่เอาชนะพวกน่าเหยียนไห่รื่อกู่มาได้ พวกเขาตอนนี้ไม่มั่นใจ พวกเขาตอนนี้เอาชนะพวกเราได้ก็ดี หากเอาชนะไม่ได้ถอยกลับเข้าเมืองไป พวกเราทหารสามหมื่นจะล้อมเมืองโจมตีอย่างไร ย่อมต้องสูญเสบียงเพิ่มอีกวัน ถึงตอนนั้นค่อยออกมาไล่โจมตีเรากลับ”

“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยคำนวณเสบียงแล้ว แม้ว่าเอาแพะและวัวมาเสริม ก็พอทำศึกเพิ่มอีกวันเดียว จากนั้นก็ต้องกลับ ศึกใหญ่เช่นนี้ จะเห็นผลได้ในหนึ่งวันได้อย่างไร”

หม่าหย่งนั่งข้างๆ อดไม่ได้กล่าวขึ้น แม้ก่อนมา หม่าต้งกำชับมาแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ รบชนะมาเรื่อยๆ แต่ความกังวลลึกๆ ก็ยังคงยิ่งมากขึ้น หากหวังทงล้มด้วยเรื่องนี้ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหม่า หรือถึงกับรักษาตัวเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน

“หากหนึ่งวันไม่ชนะศึก พวกเราก็ต้องกลับทันที พวกนอกด่านทำลายค่ายรถศึกเราไม่ได้ ไม่อาจรั้งพวกเราไว้ได้ มาอย่างไรกลับอย่างนั้นก็แล้วกัน พวกเจ้าสามารถนำวาจานี้ไปบอกกับทหารเรา ทหารเมืองจี้โจวผ่านประสบการณ์มามาก ทหารเมืองต้าถงก็เป็นทหารเก่า ย่อมเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี”

“แม่ทัพใหญ่กล่าวเช่นนี้ดูไม่เหมาะสมนัก ไหนเลยจะกล่าวกับลูกน้องว่ารบแค่วันเดียวเท่านั้น หากผ่านวันนี้ไปแล้วจะทำเยี่ยงไร หากรบติดพันจะทำเยี่ยงไร แต่ในเมื่อแม่ทัพใหญ่กล่าวเช่นนี้ พวกข้าน้อยก็พอรู้แล้ว ถึงตอนนั้นฟังคำสั่งแม่ทัพใหญ่ก็แล้วกัน”

ได้ยินเขากล่าวอย่างรักษาเนื้อรักษาตัวเองเช่นนี้ หวังทงยิ้มส่ายหน้ากล่าวว่า

“ข้าวางแผนไว้ ก็ย่อมมีความมั่นใจ”

เมื่อครู่กล่าวแล้วกล่าวไป หยางจิ้นกับหม่าหย่งรู้สึกหนักใจ สองวันมานี้เดิมที่เคยคิดว่าหวังทงรับมือได้ดี ก็ควรจะดำรงตนเป็นแม่ทัพที่เป็นผู้ใหญ่ได้ วันนี้กล่าวเช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มมุทะลุ สองคนสบตากัน เตรียมว่ารอถึงเวลาค่อยมาคิดเรื่องนี้กัน

หวังทงมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ผิด ตอนนี้ค่ายรถศึกทหารหมิงเหมือนกระดองเต่า หากไม่เปิดช่อง ย่อมรักษาให้รอดปลอดภัยได้ อย่างมากก็เดินทางกลับก็แค่นั้น

หากถอนกำลังกลับแผ่นดินหมิงตอนนี้ ในมือก็มีหลายหัวแล้ว กองกำลังประชิดใกล้เมืองกุยฮว่าเฉิง นับว่าเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่พอให้ภาคภูมิใจแล้ว อำนาจวาสนาลูกหลานกี่รุ่นย่อมมี การรบต่อเนื่องครานี้ ทำให้หยางจิ้นกับหม่าหย่งที่เดิมหวาดกลัวพวกนอกด่านกลับรู้สึกว่าพวกนอกด่านก็ไม่ได้เก่งกล้าอันใด ขอเพียงหายุทธวิธีรบได้ ไม่ให้ทหารม้านอกด่านแสดงแสนยานุภาพตนได้ ก็สามารถตีให้พ่ายราบคาบไปได้

พอผ่านเรื่องราวพวกนี้มาก็ทำให้การวิเคราะห์ปัญหากระจ่างมากขึ้น ที่หยางจิ้นกับหม่าหย่งควรพูดก็พูดไปแล้ว ฟ้ามืดแล้ว ทุกคนควรพักผ่อนให้ดี ไม่อาจรบกวนต่อ กำลังจะขอตัวออกไป ด้านนอกก็มีถานเจี้ยนรีบเดินเข้ามา พอเห็นหยางจิ้นกับหม่าหย่งอยู่ด้วย ก็ถอนหายใจ คำนับกล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่ ใต้เท้าทุกท่าน เมื่อครู่ทหารม้าเราจับตัวมาได้สี่คน สี่คนกล่าวว่าตนเองเป็นราชทูตจากท่านข่านมองโกล ต้องการขอพบแม่ทัพใหญ่”

หวังทงอึ้งไป ยิ้มนั่งลง เขาเข้าใจถานเจี้ยนว่าทำไมถึงถอนหายใจ มีคนไม่ใช่ชาวกองกำลังหู่เวยอยู่ด้วย มีหลักฐานว่าเจอทูลนอกด่าน

เรื่องราชทูตนี้ หวังทงรู้สึกแปลกใจคาดไม่ถึง หันไปยิ้มถามไช่หนานกับหยางจิ้นว่า

“ขันทีไช่ รองแม่ทัพหยาง ราชทูตนี้ควรพบหรือไม่?”

วาจาถามออกไป หยางจิ้นยังลังเลไม่ทันตอบ หากไช่หนานยิ้มตอบว่า

“พบหรือไม่ ขอแม่ทัพใหญ่ตัดสินใจ”

หวังทงพยักหน้า กล่าวกับถานเจี้ยนว่า

“ราชทูตที่มามีชาวฮั่นเท่าไร มองโกลเท่าไร?”

ถานเจี้ยนอึ้งไป รีบคำนับกล่าวว่า

“ข้าน้อยรีบมารายงาน ไม่ทันได้ถาม ข้าน้อยรีบไปถามเดี๋ยวนี้”

หวังทงพิงพนักเก้าอี้ โบกมือกล่าวว่า

“ไม่ต้องไปดูแล้ว มองโกลสังหารให้หมด ฮั่นเหลือไว้คน ตัดใบหูพวกชาวฮั่นทรยศชาติพวกนั้น ให้พวกเขาหิ้วหัวคนที่เหลือกลับไป”

คุยกันอยู่ๆ ก็สังหาร ถานเจี้ยนอึ้งไปก่อนได้สติ ก็รีบคำนับรับคำสั่งกำลังออกจากกระโจม หยางจิ้นรีบกล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่ สองแผ่นดินรบกัน ไม่สังหารราชทูต อีกฝ่ายส่งคนมา แม่ทัพใหญ่ไม่ให้พบหรือ!?”

วาจาหยางจิ้น ทำหวังทงยิ้ม กล่าวไม่พอใจว่า

“สองแผ่นดินอันใดกัน ข้านำทัพมานี่ ก็เพื่อมาปราบกองโจรม้าทุ่งหญ้านอกด่าน ผู้แทนพระองค์กับราชทูตที่พวกโจรส่งมาไม่มีอันใดต่อเจรจา อย่างไรก็ต้องปราบโจรให้สิ้น หัวพวกนี้หิ้วกลับไป ให้พวกเขาอย่าได้คิดเอาตัวรอด!”

ถานเจี้ยนอดยิ้มไม่ได้ รีบคำนับออกไป หวังทงเคาะโต๊ะกล่าวว่า

“ทัพใหญ่นับแสนจะรบกันแล้ว ไยปล่อยละครลิงออกมาเพ่นพ่าน ช่างน่าขันยิ่ง”

*************

วันที่ 8 เดือนหนึ่ง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 12 ทหารหมิงได้ประสบกับสายสืบทหารนอกด่านที่มากที่สุดกองหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นกองทหารพันนายสี่กองสอดแนมอยู่รอบๆ

ศึกใหญ่ใกล้ปะทุ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version