Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 132

№ 132 ตั้งเป้าหมายแรก!

ผ่านไปสองสามวัน ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งก็ไม่มาอีกเลย เดิมทีเฟิ่งจิ่วคิดว่า หลังจากเห็นเฟิ่งชิงเกอคนในจวนตระกูลเฟิ่ง เขาอาจนึกว่าเธอเป็นตัวปลอม แต่สองวันมานี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ถูกต้อง

ว่ากันตามท่าทางและน้ำเสียงของท่านผู้เฒ่าเฟิ่งในตอนนั้น ต่อให้นึกว่าเป็นตัวปลอม ก็ต้องมาหาเธออีกแน่ๆ แต่รอมาสองสามวันแล้ว ก็ไม่เห็นมาเลย นี่แหละที่น่าสงสัย

ดังนั้น พอเธอออกประตูห้องมา จึงสั่งกับเหลิ่งซวงที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกวิชาอยู่ในลานบ้าน “เหลิ่งซวง เจ้าไปไถ่ถามเสียหน่อย ว่าสองวันมานี้ที่จวนตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่”

“เจ้าค่ะ” แม้ในใจเหลิ่งซวงคิดสงสัย กลับลุกขึ้นจากไปโดยไม่ถามอะไรมาก

เธอมานั่งในลานบ้าน เฝ้ารอคำตอบที่เหลิ่งซวงไปสอบถามกลับมาอยู่เงียบๆ หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี ก็ไม่อาจมีกะใจมาฝึกฝนวิชาได้ตลอด เดิมไม่ได้คิดจะรีบกลับบ้านตระกูลเฟิ่งถึงเพียงนั้น ทว่า สถานการณ์ตอนนี้…

“เสี่ยวจิ่ว ชิงเหนียงต้มซุปหวาน ข้าเลยยกมาให้เจ้าถ้วยหนึ่ง ลองชิมสิ รสชาติไม่เลวเลยนะ” กวนสีหลิ่นยิ้มพลางเดินเข้ามา บนถาดในมือยังมีซุปหวานอยู่ถ้วยหนึ่ง

“ขอบคุณท่านพี่” เธอเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นรับไว้

กวนสีหลิ่นนั่งลงข้างโต๊ะหิน พูดว่า “เสี่ยวจิ่ว ที่ข้ามา ยังมีเรื่องต้องคุยกับเจ้า”

“หืม? เรื่องอะไรรึ?” เธอซดซุปหวาน พลางเอ่ยถาม

เขาลังเลสักพัก ถึงจะบอกว่า “ข้าอยากไปประลองที่ตลาดมืด”

ฟังคำพูดแล้ว เธอก็ขมวดคิ้วขึ้น “ท่านคิดจะใช้วิธีนั้นมาหาเงินรึ? ของพรรค์นั้นเดิมทีก็หาเงินได้ไม่เท่าไหร่ หนำซ้ำ หากเจอคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่าเขาคงไม่ปราณีท่าน แม้แต่โอกาสจะยอมแพ้ยังไม่มีเลย”

“ข้าคิดว่า ในสถานที่เช่นนั้นนอกจากหาเงิน ยังสามารถพัฒนากำลังต่อสู้ได้ด้วย ตอนนี้สำหรับข้า ข้อด้อยที่สุดก็คือประสบการณ์จริง ดังนั้นข้าจึงอยากสั่งสมประสบการณ์ก่อน จากนั้นค่อยเข้าร่วมงานประลองคัดเลือกของแคว้นแสงสุริยันที่จะจัดขึ้นทุกสามปี กลายเป็นสิบอันดับแรกของรายชื่อนักสู้ผู้โด่ดเด่น เช่นนี้ถึงจะมีโอกาสเข้าไปฝึกฝนวิชาในสำนักดาวประดับเมฆา”

“สำนักดาวประดับเมฆารึ?”

เธอค้นหาในห้วงความทรงจำสักพัก กล่าวว่า “สำนักฝึกวิชาที่จัดอยู่ในระดับเจ็ดดาวน่ะรึ? ข้าจำได้ว่าการคัดสรรของที่นั่นเข้มงวดยิ่งนัก ซ้ำยังคัดเลือกทุกสามปี ในแคว้นเล็กๆ ระดับเก้าอย่างแสงสุริยันนี้ เหมือนว่าจะไม่มีใครสักคนได้เข้าไปในสำนักดาวประดับเมฆามาหลายปีแล้วนะ!”

“อืม สำนักดาวประดับเมฆาเกณฑ์ผู้ฝึกได้เคร่งครัดมาก หนำซ้ำในแคว้นเหินเวหาที่เป็นถึงแคว้นขนาดกลางระดับหก ก็ยังต้องอยู่ในสิบอันดับผู้แกร่งกล้าของแคว้นแสงสุริยัน ถึงจะมีโอกาสได้ลองไปที่นั่นสักครั้ง แม้จะรู้ว่ายากนัก แต่ข้ายังอยากลองดู อีกอย่าง เพียงออกจากแคว้นแสงสุริยัน ในอนาคตข้าอาจจะหาท่านพ่อพบก็ได้”

ฟังคำพูดเขา เธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาพูดได้ไม่เลวเลยจริงๆ หากจะออกจากแคว้นเล็กๆ ระดับเก้าไปยังแคว้นอื่นที่ระดับสูงกว่านี้ ต้องมีพละกำลังเป็นที่ยอมรับถึงจะเข้าไปได้ มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นท่านอ๋องแคว้นหนึ่ง เมื่อไปถึงที่นั่นก็ทำได้แค่ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูเมือง

พูดถึงมู่หรงอี้เซวียน เขาเป็นท่านอ๋องของแคว้นแสงสุริยัน และเป็นผู้มีพรสวรรค์ดั่งฟ้าประทานเช่นกัน

เดิมทีมีโอกาสมากที่จะเข้าไปฝึกวิชาในสำนักดาวประดับเมฆา ทว่าสามปีก่อนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เขาพลาดโอกาสไป กระทบไหล่ผ่านสำนัก หากอยากจะเข้าไปอีก ก็ทำได้เพียงร่วมงานประลองที่จัดขึ้นทุกสามปี

“ในเมื่อท่านตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ก็ทำไปเถอะ! แต่จงจำไว้ให้มั่น สู้กับคนอื่นจำต้องระวัง หากเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งต้องยอมแพ้ทันที ควรรู้ไว้ แพ้ประลองหนึ่งรอบไม่เสียหน้า หากสิ้นชีพก็สายเกินจะเสียใจภายหลัง”

“อืม ข้ารู้ดี”

เขาคลี่ปากแย้มยิ้ม ก็เห็นเหลิ่งซวงเดินเข้ามา……

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version