№ 154 ท่านผู้เฒ่ากลับมาแล้ว!
ล้วนมากันหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังมีคนมาอีก?
ทุกคนต่างสงสัยอยู่ในใจ ฝีเท้าที่เดินไปด้านในชะงักลงน้อยๆ พินิจมองรถม้าธรรมดาๆ คันนั้นที่จอดอยู่หน้าประตู
หลังจากมู่หรงอี้เซวียนที่เดิมทีเตรียมจะเดินเข้าไปเห็นรถม้าคันนั้นก็หยุดฝีเท้าลง ไม่เพียงคุ้นตานิดหน่อยกับรถม้า ยังรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างกับสาวน้อยชุดดำที่ควบม้ามา คล้ายว่าเป็นคนข้างกายแม่นางท่านนั้นเมื่อครั้งก่อน…
“เสี่ยวจิ่ว ข้าประคองเจ้าเอง” กวนสีหลิ่นในชุดสีดำโดดลงมาจากบนรถม้า ก่อนจะยื่นมือไปประคองคนที่ออกมาด้านหลังไว้อีกรอบ
เสียงเรียกเสี่ยวจิ่วนั้น ทำให้มู่หรงอี้เซวียนใจเต้นขึ้นมา ในดวงตาฉายแววประหลาดใจ ขยับฝีเท้าไม่ได้ จึงมองตรงไปยังคนที่เดินออกมาจากรถม้าอยู่เช่นนั้น
ซูรั่วอวิ๋นเวลานี้ไม่ทันมองคนที่เดินลงมาจากรถม้า เพราะท่านเจ้าแคว้นเข้าจวน จึงคอยรับรองอยู่ด้านหน้า ด้วยเหตุนี้ นางไม่เพียงไม่เห็นว่ากวนสีหลิ่นกับเฟิ่งจิ่วมา แม้แต่คนสุดท้ายที่เดินลงมาจากรถม้า ก็ไม่ได้เหลียวมอง มิเช่นนั้น ต้องตกใจเสียจนสีหน้าซีดเผือดเป็นแน่
“ซี๊ด! นั่น นั่นท่านผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเหล่าท่านผู้นำตระกูลเห็นชายชราที่สองชายหญิงประคองลงมาจากรถม้า ถึงจะเห็นชัดเจน ว่าชายชราผู้นั้นคือท่านผู้เฒ่าแห่งจวนตระกูลเฟิ่งที่หายตัวไป!
หนำซ้ำ เห็นท่าทางนั้นเหมือนคนวิกลจริตตรงไหนกัน? ตอนนี้ ทุกคนจึงล้วนมองล้อมมาทางเขา
“ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง ท่านกลับมาแล้ว!”
“ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง ช่วงนี้ท่านไม่อยู่ในจวน ท่านแม่ทัพเฟิ่งกังวลใจเสียจนล้มป่วย”
“ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง ช่วงนี้ท่านไปไหนมารึ?”
ผู้คนต่างแย่งกันถามไถ่ น้ำเสียงมีความเป็นห่วง เพราะที่มาวันนี้ล้วนเป็นเพียงวงศ์ตระกูลใหญ่ชั้นสูงในเมืองอวิ๋นเยวี่ย คนของตระกูลระดับกลางกลับไม่เหลียวมองแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ สำหรับพวกเขา กวนสีหลิ่นกับเฟิ่งจิ่วจึงเป็นแค่คนแปลกหน้า ไม่มีใครรู้จัก
“เหอะๆ ทำให้ทุกท่านกังวลเสียแล้ว ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” ท่านผู้เฒ่าพูดอย่างหัวเราะเหอะๆ พลางส่งสัญญาณพยักหน้าให้กับทุกคน
“ท่านปู่เฟิ่ง” มู่หรงอี้เซวียนเดินเข้ามา เห็นอาการเขาฟื้นตัวได้ไม่เลว ใจก็อดสงสัยไม่ได้ เขามาด้วยกันกับสองพี่น้องกวนสีหลิ่นได้อย่างไร?
สายตาหันมองจับจ้องสำรวจบนร่างเฟิ่งจิ่ว
ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งเห็นเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ที่แท้เป็นอี้เซวียนนี่เอง! วันนี้เจ้าก็มารึ? ข้าได้ยินว่าท่านเจ้าแคว้นก็มาด้วย?”
เห็นเขากำลังมองแม่หนูเฟิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกขึ้นบางส่วน
สองคนนี้ มองเช่นไรก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก น่าเสียดาย ที่ใบหน้าแม่หนูเฟิ่ง…
เมื่อองครักษ์จวนตระกูลเฟิ่งเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถม้าคือท่านผู้เฒ่า ก็วิ่งปรี่เข้าไปด้านใน พลางตะโกนลั่นว่า
“เป็นท่านผู้เฒ่า! ท่านผู้เฒ่ากลับมาแล้ว! ท่านผู้เฒ่ากลับมาแล้ว…”
“ท่านปู่ พวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วไม่มองมู่หรงอี้เซวียน แต่ประคองท่านผู้เฒ่าเดินไปด้านใน กวนสีหลิ่นตามอยู่ข้างขวาท่านผู้เฒ่า ส่วนเหลิ่งซวงก็ตามอยู่ด้านหลังเธอ
“อะ อะไร? เจ้าว่าอะไรนะ?”
หลังจากซูรั่วอวิ๋นที่กำลังรับรองท่านเจ้าแคว้นไปนั่งยังตำแหน่งที่อาวุโสในเรือนได้ยินคำพูดองครักษ์ผู้นั้น ก็ใบหน้าขาวซีดด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าบอกว่าใครกลับมา? ใคร?”
“เป็นท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่ากลับมาแล้วขอรับ!”
องครักษ์บอกอย่างประหลาดใจ
ส่วนท่านเจ้าแคว้นที่นั่งดื่มชาอยู่ก็สังเกตเห็นท่าทางนางผิดปกติ จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แปลกใจนิดหน่อยกับปฏิกิริยานางเวลานี้ที่ตื่นตกใจและมีความตื่นตระหนก
ปู่ตัวเองกลับมา นางควรดีใจไม่ใช่หรือ? ไยจึงโต้ตอบเช่นนี้เล่า?
………………………………