Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 157

№ 157 ไร้ที่หลบซ่อน!

ถึงเวลานี้ เรื่องไม่อาจหันหลังกลับ นางก็ไม่ต้องปิดบังอะไรอีก

ถึงเวลานี้แล้ว สุดท้ายนางก็รู้ ว่าทำไมครั้งนั้นที่พบกันบนถนน ถึงรู้สึกขัดตาขัดใจนางยิ่งนัก

ในที่สุดก็รู้ ว่าทำไมคนที่ส่งไปฆ่านาง ไม่เพียงพลาดท่า แม้แต่กองกำลังที่นางลำบากตรากตรำบ่มเพาะมายังถูกทำลายไปด้วย

ที่แท้เป็นนาง! ที่แท้ตลอดมานางยังไม่ตาย!

เฟิ่งชิงเกอเป็นเช่นไรนางก็รู้ดี ด้วยความสามารถนาง ไม่น่ามีฝีมือพอจะทำลายสำนักพิษโอสถได้ในคืนเดียว และยิ่งไม่อาจมาช่วยท่านผู้เฒ่าออกไปจากจวน สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ คือนางมีคนคอยหนุนหลัง!

“ดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าลงซิ? เจ้าเป็นเฟิ่งชิงเกอไม่ใช่หรือ? ก็ดึงผ้าคลุมหน้าลงมาสิ?”

นางมองเฟิ่งจิ่วอย่างปลุกปั่น สายตานั้นทั้งบ้าคลั่งและชั่วร้าย “ให้ทุกคนได้เห็น ว่าสุดท้ายใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นใช่เฟิ่งชิงเกอหรือไม่!”

เฟิ่งจิ่วมองนาง ดวงตาฉายประกายเย็นเยียบ ไม่สนใจคำพูดนั้น แต่กล่าวกับท่านผู้เฒ่าว่า “ท่านปู่ ร่างกายท่านเพิ่งดีขึ้น ไม่สามารถรับแรงกระตุ้นมากเกินไปนัก ท่านกลับเรือนก่อนเถอะเจ้าค่ะ! ที่นี่ยกให้ข้าจัดการก็พอ”

“แม่หนูเฟิ่ง…” ท่านผู้เฒ่าไม่วางใจนิดหน่อย กลัวนางรับมือไม่ไหว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่นี่ข้าจัดการได้” นางยิ้มอ่อน ส่งสัญญาณให้เขาอย่าได้กังวลใจ จากนั้นค่อยเรียกคนรับใช้มาประคองท่านผู้เฒ่ากลับไป

ทุกคนเห็นเช่นนี้ ต่างอยากรู้อยากเห็น ว่านางจะทำอะไร? ถึงไม่อาจให้ท่านผู้เฒ่าอยู่ในเหตุการณ์ได้?

มู่หรงอี้เซวียนมองนาง ในใจสับสนอย่างมาก ตลอดเวลาก็หาโอกาสพูดไม่ได้เลย

วันนี้ท่านเจ้าแคว้นมู่หรงป๋อปล่อยให้ทุกคนเมินเฉยเสียเต็มที่ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่กับเฟิ่งชิงเกอตัวปลอมและตัวจริงเล่า?

“พวกเจ้าสองคน พานางออกไปนอกประตูจวน” แววตาเฟิ่งจิ่วมองผ่านร่างองครักษ์สองนายที่จับซูรั่วอวิ๋นอยู่ จากนั้นค่อยหันตัวเคลื่อนก้าวเดินออกไป

ทั้งสองเห็นท่าทาง ก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะคุมตัวคนตามออกไป

หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งจิ่วนั่งลงบนเก้าอี้ที่องครักษ์ยกมา ผู้นำตระกูลแต่ละท่านรอบๆ ต่างล้อมวงเข้ามาชมกันแน่นขนัด รวมถึงพวกองครักษ์ที่เดิมคอยอยู่นอกประตู แม้แต่มู่หรงป๋อยังตามมาอย่างรู้สึกแปลกใหม่ไปด้วย นั่งลงบนเก้าอี้ที่คนรับใช้ยกมา มองเฟิ่งจิ่วที่สงบเงียบสง่างามนั้นด้วยแววตาที่มีความสนอกสนใจ

“แบกใบหน้าข้ามานานเพียงนี้ เจ้าไม่เบื่อหน่ายบ้างรึ?”

มือหนึ่งเท้าคาง สองขาซ้อนกันนั่งไขว่ห้าง ชัดเจนว่าท่าทางไม่ค่อยสละสลวยนัก กลับทำให้คนรู้สึกถึงความเอาแต่ใจและเป็นธรรมชาติ

“ข้าเบื่อตั้งนานแล้ว ใบหน้านี้ ทุกวันที่ข้าเห็นล้วนรู้สึกสะอิดสะเอียนแทบตาย!” ซูรั่วอวิ๋นกล่าวอย่างมืดมน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ พลางขัดขืน “ปล่อยข้านะ!”

องครักษ์สองนายที่คุมตัวไว้ ไม่อาจปล่อยนางดิ้นรนออกไปได้เป็นธรรมดา

“ปล่อยนางซะ นางหนีไม่ได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ ให้ทั้งสองคนปล่อยตัวนาง

พอได้รับอิสระ ซูรั่วอวิ๋นก็ฉีกหน้ากากบนใบหน้าลงมา แล้วโยนมันทิ้งลงบนพื้นอย่างแรง เผยให้เห็นใบหน้าดั้งเดิม… เป็นหญิงงามอ้อนแอ้นคนหนึ่ง

น่าเสียดาย แม้ใบหน้าบอบบางน่ารัก แต่หัวใจกลับเป็นเช่นงูพิษ

ผู้นำตระกูลท่านหนึ่งที่มุงดูอยู่อุทานว่า “เป็นการปลอมตัวที่ชาญฉลาดนัก! หน้ากากนั่นติดถึงตรงลำคอและหลังใบหู มิน่าคนอื่นถึงมองไม่ออก”

มู่หรงอี้เซวียนมองซูรั่วอวิ๋นด้วยแววตาตกตะลึงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนางจริงๆ…

อาจเพราะรู้สึกถึงสายตามู่หรงอี้เซวียน ครั้งแรกซูรั่วอวิ๋นจึงรู้สึกอับอายและอดสู ถึงกับไม่กล้าแม้แต่จะมองไปทางเขา ด้วยกลัวจะเห็นแววตาที่ทำให้นางรับไม่ได้

เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนี้ก็ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากสีชาดใต้ผ้าคลุมเปิดออกเบาๆ…

………………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version