Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 202

№ 202 เจ้าคิดมากไปแล้ว!

แววตานายท่านเหยียนที่ฝ้าฟางจับจ้องบนริมฝีปากแดงอ่อนนุ่ม เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายที่ผลิบานริมฝีปากฉ่ำน้ำ หัวใจก็ปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้

เขาเห็นท่าทางหยอกล้อของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อยที่มีความแหบแห้ง “รู้สึกไม่อยากปล่อยมือเลย”

ได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีแค่อยากล้อเขาเล่นกระตุกมุมปาก เห็นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างกายผละออกจากมือเขาสะดุ้งขึ้นมาทันที ถอยห่างจากข้างกายมาจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง

“นายท่านเหยียน ข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย! ต่อให้ท่านคิดจะทำข้าเสียหายก็ไม่ได้หรอก! ข้ายังเด็กอยู่เลยนะ! อายุเพิ่งสิบห้า เป็นดอกบัวตูมที่กำลังรอวันเบ่งบาน ทนให้ท่านทำเสื่อมเสียไม่ได้หรอก”

ด้านนอกประตู อิ่งอีที่ฟังคำพูดนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตาคลอ ในใจแอบคิดว่า ‘ก็ใช่ นายท่าน ต่อให้ท่านชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่อาจเลือกเจ้าเด็กนี่ได้! เขามีอะไรดีตรงไหนกัน? นอกจากความปลิ้นปล้อนพิลึกพิลั่นใบหน้ายังเสียโฉม ถ้าถูกใจเขาจริงๆ ไม่ใช่ท่านหรอกที่ทำเขาเสียหาย แต่เป็นเขาที่ทำท่านเสื่อมเสีย!’

ทว่าหน้าผากนายท่านเหยียนที่ได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่วกลับมีเส้นเลือดสีดำผุดขึ้น

ชอบผู้ชายรึ? ใครบอกว่าเขาชอบผู้ชาย? ผู้หญิงคนนี้ทั้งวันทั้งคืนเอาแต่คิดอะไรเลอะเทอะเช่นนี้รึ?

เห็นสีหน้าตั้งรับและตกใจกลัวของนาง หัวใจที่เดิมยังสั่นไหวเล็กน้อยก็ค่อยๆ สงบลง สีหน้าผ่อนคลาย มองสาวน้อยท่าทางยียวนกวนประสาท น้ำเสียงเย็นชามีการกัดฟันกรอดอยู่บางส่วน

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่มีนิสัยแย่ๆ แบบนั้น”

คำพูดนี้ที่กล่าวมา เฟิ่งจิ่วจะเชื่อรึ? แน่นอนว่าคำตอบคือไม่!

ดังนั้น เธอจึงขยับตัวออกไป พลางยิ้มหน้าเหยเก “ที่จริงข้าคิดว่าท่านคงไม่มีนิสัยแย่ๆ อะไรหรอก อิ่งอีก็บอกอยู่ ท่านเป็นบุรุษที่ไม่ได้มีดีแค่ภายนอกแน่นอน ไม่งั้นคงไม่พาสาวงามเข้ามาให้ท่านทีเดียวสองนางหรอก ใช่ไหมล่ะ?”

ฟังคำพูดนี้ อิ่งอีหน้าประตูก็น้ำตานองหน้า ‘ข้าว่าพ่อทูนหัวพูดอะไรอย่าถือโอกาสเอี่ยวข้าไปด้วยได้หรือไม่เล่า?’

นายท่านเหยียนนั่งนิ่งไม่ไหวติง นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นระยะๆ เห็นว่าหลังจากสาวน้อยขยับก้าวเล็กถึงบริเวณประตู ก็สับขาวิ่งออกไป

“เวลาก็มืดค่ำแล้ว ข้าจะไม่รบกวนนายท่านเหยียนพักผ่อน”

พอพูดออกมา คนก็หายไปไร้ร่องรอย

“อิ่งอี”

ได้ยินนายท่านในห้องกำลังเรียกเขา อิ่งอีจึงเดินเข้ามาทั้งหนังศีรษะหนักอึ้ง “นาย นายท่าน”

“เจ้าบอกนาง ว่าข้าให้พาหญิงสาวสองคนนั้นเข้ามาปรนนิบัติรึ?”

สายตาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มจับจ้องบนร่างอิ่งอี มองเสียจนเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย

“ข้าน้อย ข้าน้อยพบภูตหมอที่ข้างๆ ศาลา เขาเอ่ยถาม ข้าน้อยจึง จึง…”

หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าลูกปัดไหลออกจากหน้าผาก คำพูดล้วนยากจะบอก

“เจ้าอาจจะอยากไปอยู่หอสายลมหนาวสักสองสามวันกระมัง?”

ได้ยินเช่นนี้ อิ่งอีสีหน้าขาวซีด คุกเข่าลงไปดังตุบ

“ขออภัยนายท่าน ข้าน้อย ข้าน้อยจะไม่มีครั้งต่อไปแน่นอนขอรับ!”

“ออกไปซะ! หากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ปรานีเจ้า!”

เขาโบกมือให้สัญญาณเขาถอยไป

หลังจากรอเขาถอยไป นึกถึงท่าทางผู้หญิงคนนั้นที่หลบเลี่ยงเขาราวกับงูพิษ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ลูบๆ คางตัวเอง แอบคิดว่า

‘หรือว่าท่าทีข้ายังไม่เข้าตานาง?’

คงเป็นไปไม่ได้ เขามั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเองยิ่งนัก แต่ว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมสาวน้อยคนนั้นกลับไม่อ้าแขนรับไว้?

หรือว่า เขาต้องเรียนรู้จากผู้หญิงพวกนั้น แล้วลองใช้แผนหนุ่มรูปงาม?

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version