№ 247 ความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหลิ่ว!
แต่ที่พวกเขายังไม่รู้ก็คือ ภายในบ้านตระกูลหลิ่ว ผู้อาวุโสท่านหนึ่งวิ่งไปยังเรือนหลังด้วยท่าทางประหลาดใจ วิ่งพลางตะโกนว่า “ผู้นำตระกูล! ท่านผู้นำตระกูลแย่แล้ว เกิดเรื่องขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว!”
เสียงผู้อาวุโสดังขึ้นในบ้านตระกูลหลิ่ว ดึงดูดซึ่งความสนใจของทุกคนในจวน คนแต่ละเรือนต่างพากันออกมาสำรวจดู
ส่วนในเรือนหลัก ผู้นำตระกูลหลิ่วและผู้อาวุโสสองท่านกำลังพูดคุยกัน เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก พวกเขาก็แปลกใจอยู่บ้าง
“เหมือนจะเป็นเสียงท่านพี่สี่?” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในนั้นเอ่ยปากบอก มองยังท่านผู้นำตระกูลที่ตำแหน่งที่นั่งอาวุโส แล้วพูดว่า “เจ้าลองออกไปดูเถอะ”
ทว่า เขาเพิ่งลุกยืนขึ้น ยังไม่เดินออกประตูห้อง ก็เห็นเงาร่างด้านนอกปรี่เข้ามาอย่างลนลาน
“ท่านผู้นำตระกูล แย่แล้ว ดวงไฟแห่งชีวิตของผู้อาวุโสสามดับลงแล้วขอรับ!”
พอคำพูดนี้เปล่งออกมา ทั้งสามคนในห้องก็เปลี่ยนสีหน้ากันยกใหญ่
“อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง!”
ทั้งสามอุทานขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ในน้ำเสียงมีทั้งความยากจะเชื่อและตื่นตกใจ
“จริงๆ นะขอรับ! เมื่อครู่นี้เอง โคมไฟชีวิตเขาดับไปแล้วจริงๆ! หนำซ้ำ ดวงไฟของคุณชายใหญ่ก็ริบหรี่ เกรงว่าสถานการณ์จะไม่ดีนึก!”
ได้ยินคำพูดนี้ ผู้นำตระกูลหลิ่วก็ก้าวยาวเดินออกไป พลางแผดเสียงลั่น “ทหาร! ทหาร! ผู้อาวุโสสามกับคุณชายใหญ่ไปไหน? มีใครรู้บ้าง?”
เสียงกระจายออกไปในจวน ทหารอารักขานายหนึ่งรีบร้อนมารายงาน
“เรียนท่านผู้นำตระกูล ก่อนหน้านี้ทหารอารักขาที่ติดตามคุณชายใหญ่ออกไปกลับมาบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่หอเมฆาทรงเกียรติ ผู้อาวุโสสามที่เรือนหน้าได้ยินเข้าพอดี จึงรีบออกไปขอรับ”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าผู้นำตระกูลก็เปลี่ยนไป บอกกับผู้อาวุโสทั้งสามด้านหลังทันที “ข้าจะไปหอเมฆาทรงเกียรติก่อน พวกท่านรีบพาคนไปล้อมที่นั่นไว้ อย่าให้คนที่สังหารผู้อาวุโสสามหนีไปได้!”
“ขอรับ!” ผู้อาวุโสทั้งสามเร่งรีบขานรับ เห็นท่านผู้นำตระกูลเรียกพลังพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะเรียกรวมพลม้ารีบไปยังหอเมฆาทรงเกียรติ…
หอเมฆาทรงเกียรติ
ท่ามกลางสายตาทุกคน เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงแพรวพราวมายังข้างกายเหล่าไป๋ ตบๆ หัวมัน “เหล่าไป๋ พวกเราไปกันเถอะ”
รอบนี้ ผู้คนทำได้เพียงมองหนุ่มน้อยชุดแดงจูงเชือกม้าเดินออกไปนอกสนาม ไม่มีใครสักคนกล้าขัดขวาง แม้แต่ผู้ดูแลหอเมฆาทรงเกียรติยังแค่นิ่งดูดายมองเขาจากไป
เพราะเขารู้ ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ต้องให้เขาขวาง ก็ไปไหนไม่รอดหรอก
คนอื่นๆ ล้วนมองเขาจูงม้าอ้วนตัวนั้นเดินออกจากสนาม มายังด้านนอก ออกประตูใหญ่ของหอเมฆาทรงเกียรติไป
ทุกคนในหลายบริเวณต่างมองตามหลังเขา ฆ่าผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลหลิ่ว ทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว หรือว่า หนุ่มน้อยนี่จะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ รึ?
ในขณะที่เฟิ่งจิ่วจูงเหล่าไป๋เตรียมจะตีจาก เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดที่ดังมาไกลๆ พร้อมกับแรงกดดันมหาศาลโจมตีเข้ามา
“ใครกล้าฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหลิ่วข้า! โผล่หัวออกมาซะ!”
ไฟโทสะอันร้ายกาจแผ่ออกมาพร้อมกับแรงกดดันที่ดุเดือดและแข็งแกร่ง ทันใดนั้น แม้แต่อากาศยังหนาวเย็นขึ้นบางส่วน กลิ่นอายที่มืดมดและหดหู่ รวมถึงเสียงคำรามอันบาดหู ทำให้ผู้คนด้านนอกหอเมฆาทรงเกียรติล้วนพากันล่าถอยไปหลายลี้ ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงโดยไม่ระวัง
ระหว่างที่ผู้นำตระกูลหลิ่วมาถึง ผู้อาวุโสทั้งสามท่านกับกองทหารอารักขากว่าร้อยนายที่ตามหลังมารั้งท้ายต่างรีบร้อนกันเข้ามา กองทัพท่าทางขึงขังทำให้พ่อค้าหาบเร่กับผู้คนบนถนนใหญ่พากันเปิดทางให้อย่างตื่นตระหนก
ถนนใหญ่ที่เดิมเคยคึกคัก กลับกลายเป็นเงียบสงัดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด แต่ละคนต่างกลั้นหายใจ มองกองทัพตระกูลหลิ่วที่เร่งฝีเท้ามาด้านหน้าหอเมฆาทรงเกียรติด้วยความสงสัยและแปลกประหลาดใจ ล้อมเข้าไปจากสองข้างทางอย่างว่องไว เพื่อล้อมทั้งหอเมฆาทรงเกียรติไว้
………………………………….