№ 246 มังกรขึ้นน้ำลงสนาม!
ผัวะ!
ร่างกายล้มลงบนพื้นส่งเสียงดังรุนแรง คนนอกสนามตกใจเสียจนลุกพรึบยืนขึ้นทั้งสะดุ้งโหยง มองภาพในสนามนั้นอย่างเหลือเชื่อ
“สวรรค์! เขาฆ่าผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่ว!”
“เฮือก! นึกไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยว่าจะฆ่าได้ในพริบตา!”
“ผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่วเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานช่วงที่สี่ ไม่นึก ไม่นึกเลยว่าจะถูกหนุ่มน้อยสังหารในหนึ่งกระบวนท่า?”
“นี่ หนุ่มน้อยนี่มีที่มาที่ไปยังไงกันแน่? หรือว่าวรยุทธ์เขาจะร้ายกาจกว่าผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่วงั้นรึ?”
“นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นัก! เด็กหนุ่มนี่สร้างปัญหาใหญ่เสียแล้ว…”
เสียงจอแจวุ่นวายทำให้ทั้งสนามพลันอลหม่านขึ้นมา แต่ละคนต่างอุทานพูดคุยกันเสียงเบา แววตาหวาดกลัวล้วนจับจ้องบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดงในสนาม ตกใจกับความใจกล้าป่าเถื่อน และยิ่งหวาดผวาในพละกำลังที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานได้เพียงชั่ววินาที!
ต้องรู้ไว้ ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานไม่อาจเปรียบเทียบกับพวกผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์หรือยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณได้เลย เพราะนั่นเป็นผู้ฝึกตนที่ก้าวเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกวิชาเซียน และมีอายุขัยถึงสองร้อยปี! เป็นผู้ฝึกเซียนที่กระทืบเท้าทีเดียวก็สามารถทำให้ปรมาจารย์และยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณต่างหมอบลงบนพื้นด้วยความเสียขวัญ!
ทว่าตอนนี้ ไม่นึกเลยว่าจะถูกหนุ่มน้อยชุดแดงคนหนึ่งสังหารดับภายในเสี้ยววิฯ…
ไม่เพียงคนในสนามที่ต่างตื่นตกใจ แม้แต่เจ้าเมืองฉางแห่งเมืองลิ่วเต้าก็ยังตาค้างเพราะความโหดเหี้ยมเด็ดขาดของหนุ่มน้อยชุดแดง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูตหมอตัวปลอมผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างกายท่านเจ้าเมืองและกำลังจ้องมองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาละโมบดังเดิม
“เด็กคนนี้ ต้องเป็นมังกรขึ้นน้ำลงสนามแน่นอน!”
หลังข้ามผ่านความประหลาดใจ ท่านเจ้าเมืองก็อุทานออกมา ส่ายหน้าพูดพลางมองไปทาง ‘ภูตหมอ’ ข้างๆ กัน “หนุ่มน้อยผู้นี้ เกรงว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้”
เขาเป็นถึงเจ้าเมืองแห่งเมืองลิ่วเต้า อ่านคนมานับไม่ถ้วน จึงมองออกว่าความโหดเหี้ยมและเฉียบขาดของเด็กหนุ่มชุดแดงนั้นไม่ใช่ที่คนธรรมดาจะสามารถบ่มเพาะออกมาได้
ทั้งที่อีกฝ่ายรู้ดีว่าผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นคนตระกูลหลิ่ว หนำซ้ำยังเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน แต่กล้าบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า แล้วยังฆ่าทันทีในเสี้ยววิฯ ต่อให้เป็นลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะมีท่าทางเช่นนั้น!
แน่นอนว่า ‘ภูตหมอ’ ผู้นั้นก็มองออก และไม่ต้องพูดถึงท่านเจ้าเมือง เขาตกตะลึงเพราะความโหดร้ายเพียงชั่วครู่ของเด็กหนุ่มชุดแดง แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งได้มายาก ความหลงใหลในใจก็ยิ่งดำดิ่ง
เดิมทีสำหรับหนุ่มน้อยชุดแดงผู้นั้นเขาแค่เกิดความอยากรู้อยากเห็นในใจเพราะเห็นใบหน้าอันงดงามและท่าทางที่ไม่ธรรมดา แต่ยามนี้ กลับทำให้สนใจยิ่งขึ้นโดยสมบูรณ์
เฟิ่งจิ่วในสนามหรี่ตาลง กวาดมองผู้อาวุโสที่หมดลมหายใจไป สายตามองผ่านคุณชายหลิ่วที่ร่างบิดเบี้ยวเข้าหากันอยู่ข้างๆ แค่นเสียงหยัน เงยหน้ามองไปรอบๆ น้ำเสียงเย็นเยียบที่แฝงด้วยกลิ่นอายเยือกเย็นเปล่งออกมา
“ยังมีใครคิดจะขวางข้าออกไปอีกหรือไม่? อยากลองดีก็ก้าวออกมา!”
เมื่อน้ำเสียงอันหนาวเหน็บที่แฝงด้วยความดุดันและชัดเจนลอยเข้าหูผู้คนโดยรอบ แต่ละคนต่างมองเขาด้วยสีหน้าสับสน ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปขัดขวางเขา
ช่างน่าขัน! แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานยังสามารถสังหารได้ในหนึ่งกระบวนท่า ให้พวกเขาเข้าไปขวาง? นั่นมันรนหาที่ตายชัดๆ ไม่ใช่หรือ?
ส่วนชายวัยกลางคนของหอเมฆาทรงเกียรติที่มองเฟิ่งจิ่วอยู่ เวลานี้ก็ไม่พูดอะไรอีก
นี่ไม่ใช่เรื่องที่หอเมฆาทรงเกียรติจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว ซ้ำยังสังหารผู้อาวุโสสาม อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะกระจายไปยังตระกูลหลิ่ว ถึงเวลานั้น…
นึกถึงตรงนี้ ดวงตาเขาฉายแววเล็กน้อย เด็กหนุ่มผู้นี้ มีฝีมือเก่งกาจเพียงใดกันแน่? แล้วมีใครคอยหนุนหลังกันแน่? ถึงกล้าบอกว่าจะฆ่าท่านผู้อาวุโสตระกูลหลิ่วก็ฆ่าได้?
หรือว่าเขาจะไม่หวาดกลัวไฟโทสะของคนตระกูลหลิ่ว และไม่หวั่นเกรงว่าจะโดนตามมาเอาชีวิตเลยรึ?
………………………………….