Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 264

№ 264 เยี่ยมเยือนกลางดึก

พอพวกเขาจากไป หน้าหอเมฆาทรงเกียรติก็เงียบเชียบไปหมด ไม่มีใครพูดอะไรเสียเนิ่นนาน แต่หลังจากมองกันและกัน แต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไป

ส่วนที่อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่มาพักผ่อนยังที่พำนักที่ตลาดมืดสาขาย่อยจัดเตรียมไว้ถอดเปลี่ยนชุดแดงที่โชกเลือดบนตัวออก หลังอาบน้ำสักพักถึงจะเดินออกมาด้านนอกตรงลานบ้าน

“นายท่าน ข้าให้คนเตรียมพวกอาหารไว้แล้ว ท่านทานก่อนเถอะเจ้าค่ะ!”

เหลิ่งซวงเห็นนางที่ใบหน้าฟื้นคืนกลับมา ในใจก็เริงร่ายิ่งนัก บอกว่า “หากทางพวกท่านผู้เฒ่ารู้ว่ารูปโฉมนายท่านฟื้นคืนแล้ว ต้องดีใจกันมากแน่ๆ เจ้าค่ะ”

“แม้โดนคนตำหนักยมราชจับตัวไป แต่หนนี้ข้าก็ได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยจริงๆ” เธอสะบัดชุดแดงพลางยิ้ม นั่งลงข้างโต๊ะ เห็นอาหารสองสามอย่างบนโต๊ะล้วนเป็นของชอบ ก็หรี่ตาลงยิ้มมองเหลิ่งซวงอย่างอดไม่ได้

“เหลิ่งซวง มีเจ้าอยู่ข้างกายนี่ช่างดีนัก ดูสิ แม้แต่ข้าอยากกินอะไรถึงไม่บอกเจ้าก็รู้ได้” เธอหยิบตะเกียบขึ้นกินอาหาร พลางบอกว่า “เจ้าก็นั่งกินด้วยกันสิ! ยังไงซะข้าก็กินคนเดียวไม่หมดหรอก”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะนายท่าน ในห้องครัวด้านนั้นข้ายังมีอีกชุดหนึ่ง” นางมาช่วยเฟิ่งจิ่วตักน้ำแกงตรงข้างโต๊ะ

“จริงด้วย หลังจากนั้นงานแข่งยาทิพย์เป็นเช่นไรบ้าง?” เธอกินไปพลางเอ่ยถาม หากไม่ถามตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าตอนหลังสมาคมได้อันดับหนึ่งรึเปล่า?

“ตลาดมืดได้อันดับหนึ่งเจ้าค่ะ”

เหลิ่งซวงพูดจบ ก็มองนางที่กำลังทานอาหาร ชะงักลงสักพัก บอกว่า “แต่นายท่าน หลายวันนี้ที่ท่านโดนจับตัวไป ด้านนอกกลับมียาของท่านถูกประมูลในราคาสูง เพราะเป็นเช่นนี้ ช่วงเวลานี้จึงแทบพูดได้ว่าชื่อของภูตหมอกลายเป็นข่าวเล่าลือในทุกเมืองใหญ่เลยเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้คงเป็นฝีมือเจ้าตำหนักนั่น แม้ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร แต่ข้าก็ไม่ได้เสียหาย” นึกถึงเจ้าตำหนักยมราชผู้นั้น เธอก็นึกถึงตอนนั้นที่ผู้นำตระกูลหลิ่วเรียกหาอสูรครอบเมฆา แต่อสูรตนนั้นกลับไม่มา

“เหลิ่งซวง ตอนที่พวกเจ้ามาได้เห็นอสูรศักดิ์สิทธิ์บ้างหรือไม่?”

เหลิ่งซวงคิดไปคิดมา ก็ส่ายหน้า “ไม่เห็นเจ้าค่ะ แต่ได้ยินเสียงร้องคำราม ตอนนั้นพวกเราเข้าเมืองมาแล้ว”

“โอ้ แบบนี้เอง!” เธอพยักหน้า คิดว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นคงไม่ปรากฏตัวโดยไม่มีเหตุผล ยังมีเจ้าตำหนักผู้นั้นอีก ในเมืองลิ่วเต้านี้มีหูตาของพวกเขาอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่องหน้าหอเมฆาทรงเกียรติที่วุ่นวายเสียงดังกันเพียงนั้น

สัญชาตญาณเธอในตอนนั้นอาจจะไม่ผิด เขาคงจะอยู่ใกล้ๆ กัน

แต่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? หากจะจับเธอกลับไป ก็มีโอกาสลงมือไม่น้อยเลย แต่กลับไม่ทำอะไรเช่นนั้น แล้วยังมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นอีก

ชัดเจนว่าได้ยินเสียงคำรามกลับไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเดาว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าตำหนักยมราชไปไม่ได้เลย

เนื่องจากวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนัก พอตกกลางคืน เฟิ่งจิ่วจึงพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ เหลิ่งซวงเดิมทีคิดจะอยู่เฝ้าในเรือน กลับถูกเฟิ่งจิ่วไล่กลับไปพักผ่อน

ส่วนหัวหน้าเคอนั้น เพราะคิดว่าเรื่องวันนี้แปลกๆ หลังจากส่งเฟิ่งจิ่วไปพักในเรือน ก็มีคนนำเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าหอเมฆาทรงเกียรติวันนี้มาบอกแก่เขา

หัวหน้าเคอที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดไม่พูดไม่จาอยู่นานนัก เพียงคิดว่าเหลือเชื่อ และไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง ว่าภูตหมอจะกล้าเป็นศัตรูกับวงศ์ตระกูลระดับกลางด้วยกำลังตัวคนเดียว ซ้ำยังได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่…

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ภายในที่พำนักมีแต่ความเงียบสงบ ทว่าในเวลานี้เอง เงาร่างสีดำพุ่งไปมาราวกับอยู่ในหลังสวนบ้านตนเอง เหยียบย่ำสายลมหนาวข้ามผ่านชายคา มายังบริเวณด้านในที่พำนักอย่างเงียบเชียบไร้เสียง โดดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้อง

………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version