№ 273 ยากจะเอ่ยปาก
ฮุยหลางที่กลับมารอในเขตเรือนกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบกับอิ่งอี เดาว่านายท่านกลับมารอบนี้จะเป็นเช่นไร? ใครจะรู้ ยังพูดไปไม่เท่าไหร่ก็เห็นนายท่านเดินก้าวยาวเข้ามา ทั้งสองลุกยืนทันใด แล้วขานเรียกด้วยความเคารพ
“นายท่าน”
เจ้าตำหนักยมราชกวาดมองพวกเขาน้อยๆ ยามกำลังจะเดินเข้าเรือน เท้าที่ก้าวกลับชะงัก หันกลับไปมองทั้งสองแล้วกล่าวเสียงเข้ม “ตรงเรือนด้านหลังมีหญ้าขึ้นแล้ว พวกเจ้าไปถอนซะ! จำไว้ว่าต้องถอนเอง”
กล่าวจบก็ไม่สนใจสองคนที่นิ่งอึ้งอยู่ด้านหลัง เดินเข้าเรือนไปทันที
“ถอน ถอนหญ้า?”
คนทั้งสองมองหน้ากันด้วยความงวยงง มุมปากล้วนกระตุก เหล่าผู้นำตระกูลในเมืองลิ่วเต้าไม่มีใครเทียบพละกำลังกับพวกเขาได้ แต่จะให้ผู้มีพรสวรรค์เช่นพวกเขาไปถอนหญ้า?
“เจ้าว่านายท่านอารมณ์เสียอยู่หรือไม่?” ฮุยหลางพึมพำ ความฉงนบนใบหน้ายังไม่จางหาย
“ไปๆๆ ถอนหญ้าก็ถอนหญ้า ยังดีกว่าถูกโยนไปหอสายลมหนาว” อิ่งอีตบๆ ไหล่เขาก่อนเดินนำไปยังเรือนด้านหลัง
ไม่ต้องบอกเลย นายท่านต้องอารมณ์ไม่ดีมาจากภูตหมอตรงนั้นแน่นอน แต่ก็น่าสงสารพวกเขานัก!
ด้วยเหตุนี้ พวกองครักษ์ลับตรงมุมมืดของเขตเรือนจึงแอบหัวเราะอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ขณะมองหัวหน้าพวกตนกับฮุยหลางย่อตัวลงถอนหญ้าในเรือนด้านหลัง…
เจ้าตำหนักยมราชที่กลับมาในห้องยิ่งคิดยิ่งโกรธ และไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงเดินกลับมา? ช่างเหมือนกับลูกสะใภ้คนเล็กผู้ทุกข์ระทมเสียจริง หรือคิดจะรอให้สาวน้อยใจไม้ไส้ระกำผู้นั้นมาปลอบประโลม?
นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดเลย เดาว่าสาวน้อยนั่นคงกำลังอยากจะอยู่ห่างจากเขาแทบแย่
เขายิ่งคิดยิ่งกดความโกรธไว้ไม่ได้ เพิ่งนั่งลงข้างโต๊ะได้ไม่นานนักก็ลุกพรวดขึ้นมา สาวเท้าคิดจะเดินออกไปหานางที่นั่นอีกครั้งเพื่อคุยกันให้ชัดเจน
ทว่าเมื่อเดินถึงตรงประตูฝีเท้ากลับหยุดชะงัก สองแขนที่เตรียมเปิดประตูออกแข็งทื่อไป ดวงตาลึกล้ำฉายแววครุ่นคิด เม้มริมฝีปาก ส่งเสียงฮึแล้วหันกลับมานั่งลงข้างโต๊ะเช่นเดิม
หากไปหาตอนนี้ นางจะต้องถามว่า ‘ท่านมาทำไมอีก?’ แน่ๆ
นึกถึงตรงนี้แล้ว เขาอดกลั้นอารมณ์ชั่ววูบในใจไว้ นี่เพิ่งกลับมาก็จะออกไปอีก เขาเป็นอะไรไป? ไม่ต้องกระตือรือร้นใส่ใจถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง?
ดังนั้นเขาจึงอดทนเอาไว้ แต่ว่าคำพูดที่มีไม่ได้เอ่ยออกไป ในใจจึงยังโมโหโกรธา ตลอดทั้งวันนี้เขานั่งอยู่ไม่สุข ราวกับกินอัณฑะกวางเข้าไปแต่กลับไม่ผ่อนคลายขึ้น…
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาที่ล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้วออกไปด้านนอก เห็นฮุยหลางกับอิ่งอีเข้ามารับหน้า จึงกวาดมองทั้งสองแวบหนึ่ง “ถอนหญ้าเสร็จแล้ว?”
“ถอนเรียบร้อยแล้วขอรับ นายท่าน”
ทั้งสองรีบร้อนขานรับ สวรรค์รู้ดีว่าเมื่อวานพวกเขานั่งยองๆ กันอยู่ตลอดทั้งวัน เช้านี้ตื่นมาจึงเมื่อยเอวไปหมด
ทันใดนั้น แววตาอิ่งอีจับจ้องเสื้อคลุมสีดำบนร่างนายท่าน ขยับปากแต่กลับเก็บคำพูดไว้ ได้เพียงก้มศีรษะลง
“คอยอยู่ในเรือน” หลังจากเจ้าตำหนักทิ้งคำพูดไว้ ถึงจะเรียกพลังทะยานออกไป
รอจนเขาจากไปแล้ว อิ่งอีถึงจะเงยหน้าขึ้นมา “ฮุยหลาง เจ้าไม่ได้สังเกตหรือ?”
“สังเกตอะไร?” ฮุยหลางทุบเอวพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะหิน
“ชุดคลุมสีดำที่นายท่านสวมวันนี้เป็นชุดใหม่เลยนะ!” อิ่งอีพูดไม่ออกอยู่บ้าง เพียงรู้ว่าเจ้าตำหนักเปลี่ยนความเข้าใจที่ตนมีให้นายท่านใหม่อีกครั้งแล้ว
ที่แท้ ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในอาการรักข้างเดียวช่าง…น่ากลัวเช่นนี้เอง!
ฮุยหลางได้ยินก็นิ่งไป “เป็นไปไม่ได้กระมัง?” เมื่อครู่ไม่ทันสังเกตจุดนี้เลย
แต่เมื่อเจ้าตำหนักยมราชมาถึงเรือนที่เฟิ่งจิ่วพักอยู่อีกครั้ง สีหน้ากลับดำคร่ำเครียด ราวกับพายุโหมกระหน่ำกำลังจะมาเยือน ทั่วร่างมีความกดอากาศต่ำแผ่กระจาย…
………………………………….