Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 286

№ 286 กลับเมืองอวิ๋นเยวี่ย!

เฟิ่งจิ่วนั่งขี่บนร่างเหล่าไป๋ ชายตามองทั้งสองที่ล้มลงบนพื้นจากด้านบนลงไป น้ำเสียงเฉื่อยชาเปล่งออกมาอย่างมีความเย็นเยียบ

“พวกเจ้าอย่าตามมาอีกจะดีกว่า มิเช่นนั้น ครั้งต่อไปจะไม่ใช่แค่การสั่งสอนง่ายๆ เช่นนี้”

หลังทิ้งคำเตือนไว้ ถึงจะเปลี่ยนหันกลับไป สองขากระทุ้งตรงท้องเหล่าไป๋แผดเสียงออกมาเบาๆ ก็เห็นเหล่าไป๋วิ่งไปด้านหน้าอย่างว่องไว

เหลิ่งซวงควบม้าไล่ตามไปทันที เวลาไม่นานนักทั้งสองก็หายไปจากสายตาของอีกสองคนบนพื้น…

“นายท่าน สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ขอรับ”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นเห็นพวกนางขี่ม้าจากไป ก็โล่งใจอย่างอดไม่ได้ สามารถทำให้พวกเขาสองคนตกลงมาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ

ชายหนุ่มยิ้มขึ้นมา ดวงตาแอบฉายประกาย “ข้าบอกแล้วไงว่านางไม่ธรรมดา! พิสูจน์ได้ว่าสายตาข้านี่ไม่เลวเลย”

“ข้าน้อยว่าเป็นโชคดีที่นางไม่ได้ลงมือฆ่าพวกเรานะขอรับ” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากนางคิดจะฆ่า เกรงว่าพวกเขาก็โชคร้ายมากกว่าดีจริงๆ

ชายหนุ่มเหลือบมองเขา บอกว่า “นางไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน แล้วจะฆ่าพวกเราทำไมเล่า?”

น้ำเสียงชะงักลง มุมปากยกเล็กน้อย นัยน์ตาเผยประกายที่มุ่งหมายว่าต้องได้มา กล่าวว่า “แต่ไม่นึกเลย แคว้นเล็กๆ ระดับเก้าอย่างแสงสุริยันจะมีสาวน้อยงามเลิศโดดเด่นเช่นนี้อยู่ ช่างทำให้… เห็นแล้วยากจะลืมจริงๆ”

ใช่แล้ว การพบกันเพียงเวลาสั้นๆ สาวน้อยคนนี้ทำให้เขามีความคิดที่อยากจะได้นางมา

สิ่งที่ดึงดูดสายตาเขาในตอนแรกสุดคือรูปโฉมที่งดงามยิ่ง จากนั้นถึงจะเป็นท่าทางบนกายนาง รวมถึงความดุดันที่แอบแฝงในดวงตา และที่ทำให้นึกไม่ถึงคือที่นางสามารถล้มพวกเขาได้ภายใต้สถานการณ์ที่นิ่งเงียบสงบ หนำซ้ำยังไม่ใช้แรงกายใดๆ

อุบายและกลยุทธ์นี้ทำให้เขาที่เดิมแค่เกิดความคิดอยากไล่ตามสาวงามยิ่งจริงจังขึ้น

สาวน้อยคนนี้ เขาต้องการนาง!

เขาคิดว่า หากกดสยบสาวน้อยที่สันโดษและเย็นชาคนนี้ไว้ใต้ร่าง จะต้องรู้สึกมีชัยอย่างแน่นอน!

เฟิ่งจิ่งไม่รู้ถึงความตั้งมั่นที่คนคนนี้คิดอยู่ในใจ หากรู้เรื่อง เดาว่าคงกลับมาซ้ำเขาอีกหนึ่งมีด

ทั้งสองประคองกันไปนั่งพักลงข้างทาง ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามฤทธิ์ยาก็จางไป พลังวิญญาณทั่วร่างถึงจะฟื้นคืนกลับมา

“นายท่าน พวกเราจะกลับไปแคว้นเหินเวหาก่อนไหมขอรับ?” ชายวัยกลางคนมองเขาพลางถาม

ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย สักพักก็บอกว่า “อืม กลับไปก่อน แล้วค่อยส่งคนมาตรวจสอบตัวตนสาวน้อยคนนั้นเสียหน่อย”

“ขอรับ”

ชายวัยกลางคนตอบรับช่วยไม่ได้ แม้คิดว่าไม่ไปยุ่งกับสาวน้อยคนนั้นจะดีกว่า แต่ยังไงก็เป็นความสนใจของคุณชาย จึงทำได้เพียงจัดการตามคำสั่งเขา

ทางอีกด้านหนึ่ง

เหลิ่งซวงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง “นายท่าน ท่านใช้ยาไปตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ? ทำไมข้าไม่เห็นเลย?” ตอนนั้นคนด้านหลังจ้องนางอยู่ตลอด งั้นจะลงมือโดยที่ไม่ถูกสังเกตได้ยังไง?

เฟิ่งจิ่วยกมุมปาก ยิ้มบอกว่า “หากให้เจ้าเห็น จะทำให้พวกเขาสองคนติดกับได้อย่างไร?”

เธอมองที่เส้นทางด้านหน้า เอ่ยว่า “หลังถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ยเจ้านำไม้วิญญาณไปยังเวิ้งสวนท้อ ให้พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ ก็เรียกน้องชายเจ้ากลับจวนมาด้วย”

ได้ยินเช่นนี้ บนใบหน้าเหลิ่งซวงจึงเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา “เจ้าค่ะ” นึกถึงน้องชายในใจนางก็อ่อนโยนขึ้น เที่ยวเล่นมาครึ่งทาง ใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนพวกเธอถึงจะมาถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ย หลังเข้าเมืองอวิ๋ยเยวี่ย เฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงก็แยกทางกัน เหลิ่งซวงขี่ม้าตรงไปยังเวิ้งสวนท้อ ส่วนเธอขี่เหล่าไป๋พาหยางหยางกับฉิวฉิวไปจวนตระกูลเฟิ่ง

เพราะเหล่าไป๋ไม่ยอมให้ฉิวฉิวขี่บนหัว ด้วยเหตุนี้ฉิวฉิวจึงทำได้เพียงวิ่งตามไปบนพื้นอย่างซื่อสัตย์

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version