Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 325

№ 325 ผู้ครองแคว้นจากไป!

ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ผู้นำตระกูลทั้งสองในห้องก็มองไปทางผู้เฒ่า พวกเขาไม่ได้ลืมว่าผู้ครองแคว้นเป็นคนหมั้นหมายให้เฟิ่งชิงเกอ…

แม้ในสายตาผู้คนการที่เฟิ่งชิงเกอได้แต่งเป็นพระชายารององค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหาจะเป็นงานแต่งที่สูงส่ง แต่ในสายตาเฟิ่งเซียวกลับคิดว่าตำแหน่งพระชายารองคือการดูถูกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน วันนั้นเขาโกรธจัดเพราะเรื่องนี้ ซ้ำยังกระชากคอเสื้อสมุหนายกที่ประกาศราชโองการโยนออกไป แสดงถึงความไม่ยินยอมต่อการหมั้นหมายนี้

ทว่าตอนนี้เฟิ่งเซียวล้มลงเฟิ่งชิงเกอออกไปยังไม่กลับบ้านก็ไม่รู้ว่าการหมั้นหมายนี้สุดท้ายจะเป็นเช่นไร?

นึกถึงตรงนี้ ทั้งสองมองไปทางผู้ครองแคว้นกับผู้เฒ่าอย่างสงบเงียบ

ทว่าท่าทางบนใบหน้าผู้เฒ่ายามนี้ยังคงเศร้าสร้อย บอกว่า “กระหม่อมแค่ส่งจดหมายให้นางรีบกลับมาหน่อย ยังไม่ได้บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพ่อนาง หากรู้เรื่องเข้าไม่รู้จะกังวลใจเพียงใด”

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงป๋อไม่ถามโดยละเอียด แต่บอกว่า “ผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก เฟิ่งเซียวรอดมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ข้าเชื่อว่าหากหาภูตหมอพบจะต้องรักษาเขาได้แน่นอน”

“น้อมรับคำอวยพรผู้ครองแคว้น”

ผู้เฒ่าพูดพร้อมประสานมือก้มหัวเล็กน้อย ทว่าในดวงตาที่หลุบลงไร้ซึ่งความเศร้าโศกมีเพียงความโกรธเคือง ทว่าความโกรธนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้คนไม่ทันสังเกต

พวกเขาพูดกันอีกสักพัก หลังมู่หรงป๋อจากไปผู้นำตระกูลสองท่านก็กล่าวลาไปตามกัน

พอส่งคนไปหมดแล้ว ผู้เฒ่าก็กลับมานั่งลงในเรือนเฟิ่งเซียวด้วยสีหน้าคร่ำเครียดโดยไม่พูดไม่จา เหล่าหัวหน้ากององครักษ์ที่เฝ้าอยู่มุมมืดมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างแปลกใจอยู่บ้าง

“พวกเจ้าว่าในเมื่อคุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว ทำไมกลับบอกว่ายังไม่กลับมา?”

“ผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ได้ต้องมีเจตนาอื่นแน่”

“ทำไมข้ารู้สึกว่านี่เป็นความคิดของคุณหนูใหญ่เล่า?”

“พูดถึงนายท่าน นึกไม่ถึงว่ากลับมาครั้งนี้หน้านางจะหายดีแล้ว ไม่เห็นรอยตำหนิเลยสักนิด”

ได้ยินเขาเรียกนายท่าน คนอื่นๆ ก็ชายตามองเขาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ดูท่าทางที่โดนคุณหนูใหญ่ซ้อมไปชุดหนึ่งจะกำราบเจ้าได้จริงๆ!”

ชายหนุ่มชุดฟ้ามองค้อนพวกเขา เอ่ยยิ้มๆ “แหะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า ต้องรู้ไว้ว่าตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด” ขณะกำลังพูดก็เห็นเฟิ่งจิ่วสวมชุดสีขาวงามสง่าไม่ไกลเดินเข้ามา

“ดูสิ นั่นนายท่าน!”

ชายหนุ่มชุดฟ้าผุดรอยยิ้ม เดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรก่อนจะคารวะด้วยความเคารพ “ลัวอวี่คารวะนายท่าน”

ฝีเท้าเฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่งแล้วเผยรอยยิ้มจางๆ “เจ้านั่นเอง!”

เขาฉีกยิ้ม “แหะๆ นายท่านยังจำข้าน้อยได้”

“ครั้งก่อนเจ้าโดนข้าซ้อมไปไม่ใช่หรือ?” เธอเลิกคิ้วชำเลืองมองเขา สายตามองผ่านพวกเขาที่เดินเขามาทางนั้น ไม่พูดอะไรแต่สาวก้าวเดินไปในเรือน

“ท่านปู่” เธอขานเรียก ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ในเรือนจึงเงยหน้าขึ้นมา

“แม่หนูเฟิ่ง? พวกผู้ครองแคว้นเพิ่งไป”

ผู้เฒ่าลุกยืนขึ้น ถามว่า “อยากไปดูพ่อหลานใช่ไหม? ไป ปู่เข้าไปเป็นเพื่อน”

“เจ้าค่ะ” เธอขานรับ ปล่อยเหลิ่งซวงเฝ้าอยู่ด้านนอกส่วนตัวเองก็ตามผู้เฒ่าเข้าห้องไป

พอประตูห้องปิดลงไม่มีใครรู้ว่านางทำอะไรอยู่ข้างใน พวกเขาที่ถูกเหลิ่งซวงขวางฝีเท้าไว้ก็ทำได้เพียงเฝ้าอยู่นอกเรือน มีเพียงลัวอวี่ที่หน้าหนาพอจะตามรังควานถามนู่นถามนี่กับเหลิ่งซวง

“เหลิ่งซวง ข้าชื่อลัวอวี่ เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?” เขาผุดรอยยิ้มที่หลงคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ออกมา ทว่าสิ่งที่กลับคืนมาเป็นเพียงสายตาเย็นชาของเหลิ่งซวง

………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version