№ 340 สาวแกร่งพ่ายหนุ่มช่างตื๊อ!
ได้ยินเช่นนี้ เจ้าตำหนักเงยหน้ามองเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาอาจหาญไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใด เพียงถมึงทึงก็ทำให้คนรู้สึกยำเกรงยิ่ง
ฮุยหลางยิ้มเจื่อนๆ บอกว่า “เรื่องนั้น ข้าน้อยอ่านเอกสารก่อนแล้วจึงรู้ว่าที่แท้ภูตหมอเป็นผู้หญิง ดังนั้นเลยคิดว่าสตรีที่โดดเด่นเช่นภูตหมอ หากไม่อยู่ข้างกายนายท่านเกรงว่าจะถูกชายอื่นแย่งไปขอรับ”
เจ้าตำหนักเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สองแขนกอดอกเหลือบมองเขาเล็กน้อย ริมฝีปากน่าเย้ายวนยกโค้งขึ้นเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เสียงทุ้มต่ำที่น่าดึงดูดเปล่งจากปากเขาว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้แก่ชายอื่น? หรือคิดว่าใครจะคว้านางไปได้ง่ายๆ?”
คว้า?
ได้ยินคำพูดนี้ อิ่งอีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหน้าสั่นเบาๆ รีบก้มหัวลงไป นายท่านคิดว่าคนที่เข้าใกล้ภูตหมอล้วนเป็นชายที่เกี้ยวพานางไปแล้ว แต่ว่า คนที่เหมือนกำลังเกี้ยวภูตหมออยู่ตลอดก็มีแค่ตัวนายท่านเองนี่!
แม้เป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดคำพวกนี้ออกมาตรงๆ
ฮุยหลางได้ยินคำถามเขา มุมปากก็กระตุก กล่าวด้วยยิ้มกระอักกระอ่วนว่า “ขะ ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่คำโบราณว่าไว้ สาวแกร่งพ่ายหนุ่มช่างตื๊อ สตรีต่อให้เก่งและเย็นชาอีกเท่าไร ก็ย่อมกลัวความหนักแน่นของบุรุษ! สตรีที่เดี๋ยวอยู่ใกล้เดี๋ยวห่างไกลเช่นนี้ จะมีบุรุษมาพัวพันโดยไม่รู้ตัวเมื่อไหร่ก็พูดยาก”
ได้ยินคำนี้ แววตาเจ้าตำหนักสั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตาดำลึกล้ำมีประกายฉายผ่าน มองฮุยหลางพลางพูดว่า “เจ้าหมายความว่าขอแค่ข้ารู้จักพัวพัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะชิงตัวนางมาไม่ได้?”
ชิงตัว?
อิ่งอีไม่กล้าและไม่มีหน้าจะมองขึ้นไปจริงๆ เขาแค่อยากบอกว่านายท่านต้องพิษรักของภูตหมอลึกยิ่งนัก แม้แต่คำว่าคว้ากับชิงตัวยังออกมาจากปากนายท่านผู้สูงศักดิ์ทรงอำนาจได้
หนำซ้ำฟังน้ำเสียงเขา คล้ายจะวางแผนทำจริงๆ เสียด้วย…
เวลานี้ อิ่งอีเงยหน้าถลึงมองฮุยหลางอย่างอดไม่ได้
เพียงรู้สึกว่าฮุยหลางออกอุบายไปส่งเดช ต้องขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงพวกนี้ไปซะ เพราะเขานึกไม่ออกจริงๆ ว่านายท่านผู้สูงส่งเอาแต่ใจซ้ำยังเคร่งขรึมหยิ่งผยอง จะไปเอาใจสตรีคนหนึ่งและพยายามชิงตัวนางมาได้อย่างไร…
ปฏิกิริยาที่แตกต่างจากอิ่งอีคือ ฮุยหลางดูตื่นเต้นดีใจมาก หลังจากได้ยินคำพูดนายท่าน ดวงตาคู่นั้นก็เปล่งประกาย “ถูกต้องๆ นายท่าน หญิงสาวล้วนต้องการการเอาใจ แต่จะกวนใจนักไม่ได้ และก็ต้องเข้าหาอย่างมีวิธีด้วย ผู้หญิงบางคนสงวนท่าทีไม่ยอมให้ง่ายๆ บางคนก็กำลังทดสอบว่าฝ่ายชายให้ความสำคัญนางมากแค่ไหน”
“อีกอย่างด้วยรูปการณ์เช่นนี้ของนายท่าน ก็ไม่มีแรงดึงดูดเมื่อพบกับภูตหมอนี่เอง หากเปลี่ยนเป็นหญิงอื่นไหนเลยจะต้องไปคอยเอาใจ? แค่สื่อสายตากับคำพูดประโยคเดียว ก็มีหญิงพุ่งเข้ามาหาเป็นฝูงแล้วขอรับ”
เจ้าตำหนักยมราชชำเลืองมองเขา แอบคิดว่า แม้แต่ฮุยหลางยังมองออกว่าเขาไม่มีแรงดึงดูดต่อสาวน้อยคนนั้น?
คิดไปคิดมาเขาก็โบกๆ มือ บอกว่า “พวกเจ้าถอยไปเถอะ!”
ฮุยหลางที่กำลังพูดได้เข้าทีได้ยินแล้วนิ่งไปนิด คิดเอ่ยปากถามอีกสักหน่อยว่าจะไปหาภูตหมอเมื่อไหร่ ก็ถูกอิ่งอีที่ยืนขึ้นมาลากออกไป
“ข้าน้อยขอลา”
อิ่งอีพูดพลางลากฮุยหลางออกไปทันที
เจ้าตำหนักเหลือบมองสองคนที่ถอยออกไป ดวงตาฉายประกายเล็กน้อย มองภาพเหมือนในมือ ดวงตาฉลาดเฉลียวของคนในภาพฉายประกายเจ้าเล่ห์ ตรงมุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้ายที่ชวนให้ทั้งรักทั้งเกลียด ทำให้เขามองเสียจนหัวใจราวกับมีขนนกกำลังก่อกวน มีสายธารฤดูใบไม้ผลิกระเพื่อมไหว…
ปลายนิ้วเขาลูบใบหน้าเล็กของคนในรูปเบาๆ เสียงทุ้มต่ำที่เจือยิ้มหัวอยู่บางส่วนกระซิบแผ่วเบาว่า “เด็กน้อย เจ้าหนีไม่พ้นหรอก…”
……………………….