№ 394 รัชทายาทแคว้นเหินเวหา
“ผู้ครองแคว้น คะ โคมไฟชีวิตของบรรพชนนักรบสองท่านนั้นดับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อชายชราคนนั้นกล่าวจบด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ มือมู่หรงป๋อก็สั่นเทา ถ้วยชาในมือร่วงลงแตกเป็นการตอบรับ เขาพลันลุกพรวดขึ้นมา ทำให้นางกำนัลทั้งสองตกใจจนทรุดนั่งบนพื้น
“เจ้าว่าอะไรนะ! โคมไฟใครดับไป?” ภายในน้ำเสียงน่าเกรงขามมีความตกตะลึงระคนแปลกใจที่ยากจะซ่อนเร้น หากฟังโดยละเอียดจะได้ยินว่าสั่นเครือเล็กน้อย
นั่นเป็นสองยอดฝีมือระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดเชียว! เป็นสองคนข้างกายเขาที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุด จู่ๆ จะตายไปได้อย่างไร? ในแคว้นแสงสุริยันนี้ ใครกันที่มีฝีมือพอจะสังหารบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดได้อย่างไร้เสียง?
ต้องรู้ไว้ว่า วันนั้นที่พวกเขาคิดลอบฆ่าเฟิ่งเซียว ถึงแม้เตรียมการมาเพียงพอแล้ว ความเคลื่อนไหวจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก็ไม่น้อยเลย ยามนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดทั้งสอง!
“เป็น เป็นสองท่านนั้นพ่ะย่ะค่ะ…” ชายชรายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นมู่หรงป๋อเดินก้าวยาวออกไปยังหอประทีปที่จุดโคมไฟแห่งชีวิตไว้
โคมไฟแห่งชีวิตเชื่อมโยงกับชีวิตของคนที่จุดมัน หากคนผู้นั้นตาย น้ำมันจะแห้งเหือด โคมไฟแห่งชีวิตย่อมดับไปเองท่ามกลางสายลม หากมีคนออกไปหลายปีไม่กลับมา หรือคนที่กลับไปฝึกบำเพ็ญหลายปีไม่โผล่หน้า จะได้รู้ว่าคนคนนี้เป็นหรือตายแล้ว
เมื่อมู่หรงป๋อมาถึงหอประทีป เห็นว่าโคมไฟของบรรพชนนักรบสองคนนั้นดับไปแล้วจริงๆ ร่างกายก็สั่นเทิ้ม ฝีก้าวซวนเซ มีสีหน้ายากจะเชื่อ “พวกเขาจะตายได้อย่างไร ใคร? ใครฆ่าพวกเขา!”
สองยอดฝีมือระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดที่มีกำลังแกร่งที่สุดตายไป เขาเจ็บใจจนยากจะยอมรับ นั่นเท่ากับหักแขนซ้ายขวาของเขาไปเสียดื้อๆ เสียสองคนนี้ไปก็เหมือนเสือที่สูญสิ้นกรงเล็บแหลมคม จะไม่ให้ปวดใจได้อย่างไร?
“ตรวจสอบ! สั่งไปตรวจสอบให้ข้า!” เขาตะโกนเสียงดัง ก่อนหมุนกายเดินก้าวยาวออกไป
เป็นไปไม่ได้ที่บรรพชนนักรบทั้งสองจะตายไปอย่างเงียบเชียบ! เขาต้องรู้ให้ได้ ใครกันแน่ที่ฆ่าพวกเขา!
ข่าวการตายของสองบรรพชนนักรบไม่ได้แพร่งพรายออกไป เพราะมู่หรงป๋อปิดไว้
หลังจากมู่หรงอี้เซวียนกลับจวนและเข้าห้องหนังสือไปได้ไม่นานนัก องครักษ์ลับคนหนึ่งก็เข้าไปในห้องหนังสืออย่างไร้เสียง บอกข่าวภายในวังกับเขาแล้วจึงค่อยออกไปเงียบๆ…
ชายชราระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดสองคนนั้นถูกฆ่า?
มู่หรงอี้เซวียนตกใจเล็กน้อย ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยจะมีใครที่สามารถสังหารสองคนนั้นอย่างเงียบเชียบได้?
หนำซ้ำ ทำไมคนที่ตายถึงเป็นสองคนนั้น?
ใจเขาสั่นไหวเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินข่าวว่าสองคนนั้นถูกฆ่า สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือจวนตระกูลเฟิ่ง บรรพชนนักรบทั้งแปดของจวนตระกูลเฟิ่งจะเป็นคนฆ่าสองคนนั้นรึไม่?
มองไปทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ย หากไม่ใช่บรรพชนนักรบแปดคนนั้นก็อาจเป็นผู้แข็งแกร่งจากแคว้นอื่น แต่ว่า ผู้แข็งแกร่งต่างแคว้นที่ไม่มีความแค้นต่อกันไม่น่าจะข้ามแคว้นมาเพื่อสังหารสองคนนั้น ดังนั้นข้อสันนิษฐานนี้จึงไม่เข้าเค้า
“จวนตระกูลเฟิ่ง…จะเป็นฝีมือพวกเขาจริงๆ หรือ?”
….
หลังจากจัดการสองคนนั้นไป เฟิ่งจิ่วมุ่งสมาธิอยู่กับการรักษาบาดแผลภายในให้บิดา และปรุงยาน้ำต่างๆ ให้เขาทาน พูดได้ว่าด้วยยาทิพย์และการรักษามากมาย อาการบาดเจ็บของเฟิ่งเซียวฟื้นตัวรวดเร็วยิ่งนัก
ทว่า วันคืนที่สงบเงียบผ่านไปไม่กี่วันก็ถูกทำลาย
เช้าตรู่วันนี้ เรือเหาะลำหนึ่งจอดลงตรงหน้าประตูใหญ่พระราชวัง นำมาซึ่งความสงสัยและเสียงพูดคุยของผู้คนนับไม่ถ้วน มู่หรงป๋อที่ได้ยินข่าวรีบออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นบุรุษสูงศักดิ์เดินลงมาจากเรือเหาะนั้น เขาก็รีบร้อนเข้าไปรับหน้า ถามไถ่ด้วยท่าทีเคารพ
“พระองค์คงเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเหินเวหา?”
…………………