№ 398 เจ้าปกป้องนางไม่ได้!
ได้ยินคำพูดนี้ ชายวัยกลางคนทั้งเจ็ดมองทางเฟิ่งจิ่ว ในวังส่งคนมาเชิญ นางจะไปหรือไม่?
มุมปากเฟิ่งจิ่วยกขึ้นเล็กน้อย มองทางพ่อบ้าน “คนส่งสารยังอยู่ข้างนอกรึ?”
“ไม่ขอรับ ถ่ายทอดความเสร็จก็กลับไปแล้ว” พ่อบ้านกล่าวด้วยความเคารพ
“อืม เข้าใจแล้ว เจ้าไปทำธุระเถอะ” เธอพยักหน้า ส่งสัญญาณให้เขาถอยไป
“ขอรับ” พ่อบ้านขานรับแล้วจึงถอยออกไป
“คุณหนูใหญ่จะไปงานเลี้ยงหรือไม่ขอรับ?” หนึ่งในนั้นถามด้วยสีหน้าหนักใจอยู่บ้าง เกรงว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะเป็นงานเลี้ยงหงเหมิน[1] ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับนาง
“ข้ากำลังยุ่งอยู่ ไม่มีเวลาว่างไปงานเลี้ยง” เธอปัดๆ กระโปรงพลางลุกยืนขึ้น เห็นพวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียดก็อดเอ่ยยิ้มๆ ไม่ได้ “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรอก”
กล่าวจบก็ตรงไปยังเรือนหลัก คิดว่าจะไปดูบิดาเสียหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจหลังได้ยินข่าวนี้
ภายในวังหลวง มู่หรงอี้เซวียนมาถึงตำหนักของเสด็จพ่อด้วยสีหน้าไม่น่ามอง พอเข้าไปด้านในก็ถามว่า “เสด็จพ่อ ท่านคิดจะใช้ชิงเกอแต่งงานสานสัมพันธ์รึ? การหมั้นหมายนี้คนตระกูลเฟิ่งแสดงทีท่านานแล้วว่าจะไม่ยอมให้ชิงเกอแต่งเป็นชายารองของรัชทายาทแคว้นเหินเวหา หรือท่านไม่ได้บอกเขาตามความจริง?”
พอได้ยินน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับการซักถามของเขา มู่หรงป๋อก็โกรธจัดทันใด มือตบโต๊ะหนังสือ ตะโกนเสียงดัง “บังอาจ! เจ้าพูดเช่นนี้กับพ่อได้รึ? นับวันยิ่งไร้ระเบียบจริงๆ!”
ทว่า มู่หรงอี้เซวียนกลับไม่เกรงกลัวไฟโทสะของเขาเลย แววตาเคร่งขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่อ่อนโยนสง่างามในวันวานยามนี้มีแต่ความโกรธเกรี้ยว “เสด็จพ่อน่าจะรู้ว่าข้ามีใจให้นาง กลับยังตัดสินใจเช่นนี้ ข้าอยากถามจริงๆ เสด็จพ่อยังเห็นข้าเป็นลูกหรือไม่?”
ขณะมองบุตรชายที่ไม่ยำเกรงอำนาจตน มู่หรงป๋อถอนหายใจหนักๆ เม้มริมฝีปากพลางเอ่ยอย่างจริงจัง “การหมั้นหมายของเจ้ากับนางยกเลิกไปตั้งนานแล้ว พวกเจ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากนางชอบเจ้าคงไม่ยกเลิกการหมั้น ตอนนี้เจ้าจะมายุ่งเรื่องตระกูลเฟิ่งอีกทำไม!”
“เจ้าต้องรู้ไว้ หากนางไปเป็นชายารองของรัชทายาทแคว้นเหินเวหา ไม่เพียงจะทำให้จวนตระกูลเฟิ่งที่ยามนี้สั่นคลอนมั่นคงได้ แต่ยังช่วยเราผูกมิตรกับที่พึ่งใหญ่อย่างแคว้นเหินเวหา เรื่องดีๆ ที่ได้กำไรสองต่อเช่นนี้ เจ้ายังมีเหตุผลอะไรมาห้ามอีก?”
เสียงเขาชะงักลง แล้วชำเลืองมองลูกชาย “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ารัชทายาทแคว้นเหินเวหาถูกใจนาง เจ้าหยุดเขาได้รึ? เจ้าน่าจะรู้ว่าโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ พละกำลังจะตัดสินทุกสิ่ง แม้เจ้าเป็นผู้มีความสามารถในแคว้นแสงสุริยัน แต่ก็จำกัดแค่ในแคว้นเราเท่านั้น ต่อหน้ารัชทายาทแคว้นแข็งแกร่งระดับหก เจ้าปกป้องนางไม่ได้หรอก!”
ได้ยินความจริงที่ตรงไปตรงมา ไร้ความปรานี และทิ่มแทงใจเช่นนี้ สีหน้ามู่หรงอี้เซวียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด มือภายใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น ขณะที่ในใจโกรธเคืองกลับจำต้องยอมรับว่า เขาปกป้องนางไม่ได้!
หากเขาปกป้องนางได้ พ่อของนางคงไม่โดนลอบสังหารจนบาดเจ็บหนักไม่ฟื้น!
หากเขาปกป้องนางได้ นางคงไม่ถูกเสด็จพ่อคลุมถุงชนให้แต่งเป็นชายารองของรัชทายาทแคว้นเหินเวหา!
หากเขาปกป้องนางได้ นางคงไม่ถูกเสด็จพ่อสั่งบังคับให้แต่งตัวเต็มยศมาร่วมงานเป็นเพื่อนรัชทายาทแคว้นเหินเวหา!
พละกำลัง! ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งไม่พอ!
หากเขามีพลังมหาศาล ใครเล่าจะกล้าทำเช่นนี้กับคนที่เขาถูกใจ? แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญของพละกำลังเช่นวันนี้เลย! และยิ่งไม่เคยต้องการมีพลังแข็งแกร่งเท่าเวลานี้มาก่อน!
เห็นบนใบหน้าที่ซีดเผือดของเขามีทั้งความขุ่นเคืองและไม่ยอมแพ้ มู่หรงป๋อก็ถอนใจ เอ่ยปากว่า “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา[2] ขอแค่อนาคตเจ้ามีกำลังแข็งแกร่งมากพอ ยังต้องกลัวว่าจะหาหญิงที่รูปโฉมงดงามกว่านางไม่ได้อีกหรือ?”
………………………………….
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน หมายถึง งานเลี้ยงที่เจตนาร้ายแอบแฝง มาจากเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์สมัยฉินตอนปลาย เซี่ยงอวี่เชิญเล่าปังไปงานเลี้ยงที่ประตูหงเหมิน โดยซุ่มกองกำลังไว้ในงาน แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คน
[2] แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา หมายถึง แม้คราวนี้จะผิดหวังหรือผิดพลาดไปก็ยังไม่สิ้นไร้หนทาง อย่าไปยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง