Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 494

№ 494 จัดการ

ได้ยินเฟิ่งจิ่วถูกสั่งสอน อีกทั้งเห็นท่าทางที่นางกินขนมอบจนสำลัก หลิงโม่หานหลับตาลงยกถ้วยขึ้นจิบน้ำชา ใช้ถ้วยชาปิดบังมุมปากที่มีรอยยิ้ม

กวนสีหลิ่นข้างๆ ก็รินน้ำชาให้เฟิ่งจิ่วพลางกล่าว “รีบดื่มน้ำชาเยอะๆ เจ้านี่จริงๆ เลย ทำไมกินขนมอบยังสำลักได้?”

เฟิ่งจิ่วทำหน้ากระอักกระอ่วน หน้าแดงก่ำเล็กน้อย ถลึงมองคนคนนั้นที่ทำทีเสแสร้ง แล้วบอกทั้งสองคนว่า “ข้าไม่เป็นไร แค่สำลักโดยไม่ระวังเอง”

จากนั้นค่อยกล่าวอีก “ท่านพ่อ ข้ารู้แล้ว อยู่ข้างนอกจะไม่ดื่มเหล้าเมาเจ้าค่ะ” มิเช่นนั้นใครบางคนคงมอมเหล้าเธอด้วยเจตนามิดีมิร้าย ไหนเลยจะเมาเหล้าได้? คอเธอแข็งดีนักหรือ?

“ท่านพ่อ สองวันนี้ข้าจะพักในวังนะเจ้าคะ”

“ให้ย้ายเข้ามาตั้งนานลูกก็ไม่ย้าย ดูพ่อตอนนี้สิ ทั้งวันยังไม่เห็นเงาลูกเลย” เฟิ่งเซียวส่ายๆ หน้า “ในเมื่อจะออกเดินทาง กลับไปอย่าลืมสั่งเหลิ่งซวงเตรียมสัมภาระให้เพียงพอ”

“เจ้าค่ะๆ ลูกรู้แล้ว ลูกจะลองไปดูก่อนว่าพวกหลัวอวี่อยู่ไหน จะได้กำชับเรื่องบ้างอย่าง” เธอลุกยืนขึ้น บอกกวนสีหลิ่นว่า “พี่สีหลิ่น พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งท่าน”

“ไม่ต้องหรอก เจ้าทำธุระของเจ้าไปเถอะ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปส่งข้า” กวนสีหลิ่นพูดพลางโบกๆ มือและลุกขึ้น “ข้าก็อยู่นานไม่ได้ ขอตัวกลับจวนก่อนนะขอรับ” พูดจบก็บอกลาพวกเขา จากนั้นเดินออกไปก่อน

“โม่หาน พวกเราเดินหมากกันสักหน่อยเป็นอย่างไร?” เฟิ่งเซียวถามพลางมองเจ้าตำหนักยมราชฝั่งตรงข้าม

ในเมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยปาก เขาจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงสั่งคนนำกระดานหมากมาวาง และเริ่มเล่นหมากรุกกันในศาลาแห่งนี้

ส่วนอีกด้าน เฟิ่งจิ่วออกไปก่อนก้าวหนึ่ง หลังจากเดินไปหนึ่งช่วงถนนก็ตบๆ หน้าอกถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “เราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรเสียหน่อย ทำไมต้องตกใจโดยใช่เหตุถึงขนาดนี้ด้วย?”

เหลิ่งซวงที่ตามมาด้านหลังได้ยินเข้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มน้อยๆ ที่ไม่อาจสังเกตเห็น “พวกฮุยหลางบอกว่านายท่านเป็นตัวซวยของเจ้าตำหนักยมราช ข้ากลับเห็นว่าเจ้าตำหนักต่างหากเป็นตัวซวยของนายท่าน”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหันกลับมา พูดพลางยิ้มหยีตา “เหลิ่งซวง ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เจ้าหมอนั่นเป็นตัวซวยของข้า ปกติเจอเขาทีไรไม่เคยมีเรื่องดี”

เหลิ่งซวงไม่ตอบรับอะไร ทำแค่ตามไปเงียบๆ

หลังจากเสียงเฟิ่งจิ่วชะงักไป ยังบอกอีกว่า “จริงด้วย ออกไปครั้งนี้ข้าว่าจะพาเหลิ่งหวาไปด้วย เมื่อครู่ข้าไม่เห็นเขาเลย เจ้าลองไปดูสิว่าเขาอยู่ไหน บอกเขาทีว่าถึงเวลาค่อยไปด้วยกันกับพวกเรา”

เมื่อได้ยิน เหลิ่งซวงดวงตาเป็นประกาย ใบหน้ามีความยินดีเอ่อล้นออกมาโดยพลัน “ขอบคุณนายท่านมากเจ้าค่ะ” ขอบคุณที่ให้โอกาสน้องชายนางได้ออกไปเปิดหูเปิดตา

“มีอะไรต้องขอบคุณ? ไปเถอะๆ! ข้าเองจะแวบไปดูพวกหลัวอวี่เสียหน่อย จะได้กำชับเรื่องที่ต้องจับตาให้มากๆ” เธอโบกๆ มือ ให้สัญญาณนางออกไปหาเหลิ่งหวาก่อน

“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับอย่างซาบซึ้ง แล้วถึงจะไปหาน้องชายเพื่อบอกข่าวดีกับเขา

เมื่อเฟิ่งจิ่วหาพวกหลัวอวี่พบ พวกเขากำลังประลองยุทธ์กับองครักษ์อยู่ในลานฝึกยุทธ์ เห็นเช่นนี้เธอจึงเรียกพวกเขามาข้างๆ เพื่อบอกธุระ

ทว่าเพิ่งพูดออกไปไม่ทันไร ก็ได้ยินหลัวอวี่ส่งเสียงอุทานอย่างตกตะลึง “หา? นายท่านจะออกไปอีกแล้ว? ซ้ำยังไม่พาพวกเราไปด้วย? นายท่าน แม้ท่านไม่พาพวกเราแปดคนไป อย่างไรก็พาข้าไปด้วยเถอะ! ข้าตามไปคุ้มกันท่านได้นะขอรับ!”

ได้ฟังเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็มองเขาอย่างไม่ปิดบังความรังเกียจแม้แต่น้อย “แค่เจ้า?”

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version